“ข้าตรวจสอบหลายที่แล้ว แต่ยังไม่เจอร่องรอยของซูหย่าเลยขอรับ”
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย ซูหย่ากับเทียนเจ๋อเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินทั้งคู่ และชายชราตัวเล็กที่เป็นอาจารย์ของพวกเขาย่อมมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก การที่เก้าอารามซ่อนซูหย่าไว้อย่างดีและส่งคนจำนวนมากออกลาดตระเวณ พวกเขาคงกลัวว่าชายชราตัวเล็กจะแอบเข้ามาพาซูหย่าออกไป จวินอู๋เสียเดาว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะซ่อนซูหย่าไว้ที่ใดก็ได้ แต่กระทั่งเย่เม่ยก็ยังหานางไม่เจอ……
“เจ้าจะบอกว่าประมุขของเก้าอารามไม่ได้มาที่นี่งั้นหรือ?” จวินอู๋เสียถาม
เย่เม่ยพยักหน้า “เย่ฉาส่งข่าวมาให้ข้าเมื่อครู่ขอรับ เขาเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของประมุขเก้าอารามตามคำสั่งของนายท่านเจว๋ และได้พบว่าประมุขของเก้าอารามรวมตัวกันอยู่ที่อารามหมาป่าสวรรค์ ดูเหมือนพวกเขากำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกัน เนื่องจากทุกคนมีพลังวิญญาณขั้นสีทอง เย่ฉาเลยไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก จึงไม่รู้ว่าพวกเขาปรึกษากันเรื่องอะไร จุดที่น่าสังเกตก็คือดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีเจตนาที่จะมาภูเขาฝูเหยาขอรับ”
ภูเขาฝูเหยาอาจกล่าวได้ว่าเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างดินแดนของสิบสองวิหารและเก้าอาราม การเดินทางไปยังภูเขาฝูเหยาจากอารามหมาป่าสวรรค์จะใช้เวลาอย่างน้อย 9 วัน แม้ว่าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองจะทรงพลังมาก แต่พวกเขาไม่สามารถบินไปในอากาศได้เหมือนจวินอู๋เหยา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเดินทางมาถึงภูเขาฝูเหยาในอีก 3 วันข้างหน้า
“ประมุขของเก้าอารามไม่มางั้นหรือ?” จวินอู๋เสียหรี่ตา ความรู้สึกบอกนางว่ามีบางอย่างแปลกๆ
การที่อบรมสั่งสอนศิษย์สองคนให้เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินได้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพลังของชายชราตัวเล็กจะต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว อาจจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองอยู่แล้วก็ได้ และพลังของผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินจะต้านทานได้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถกำจัดศัตรูนับสิบล้านได้ แต่การจะช่วยซูหย่าในขณะที่ถูกรุมล้อมอย่างหนักก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเขา
เก้าอารามใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับให้ชายชราตัวเล็กปรากฏตัวออกมา แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าชายชราแข็งแกร่งเพียงใด? แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองทั้งเก้าคนของเก้าอารามกลับนั่งอยู่เฉยๆ ไม่มาปรากฏตัวที่ภูเขาฝูเหยา นั่นเท่ากับเผยให้ชายชราตัวเล็กเห็นถึงข้อบกพร่องอันใหญ่หลวงของพวกเขาเลยไม่ใช่หรือ?
“นอกจากเก้าอาราม ยังมีคนอื่นบนภูเขาฝูเหยาอีกไหม?” จวินอู๋เสียถามขึ้น
เย่เม่ยประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงถามเช่นนี้ แต่เขาก็ตอบว่า “ข้าไม่เห็นคนอื่นเลยขอรับ แต่ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก” ไอลีนโนเวล
พลังของเย่เม่ยไม่สามารถเทียบกับเย่กูได้ถ้าพลังของเป้าหมายอยู่เหนือกว่าเขา เย่เม่ยก็ไม่สามารถค้นพบอะไรได้มากนัก
แต่มีจุดหนึ่งที่เย่เม่ยรู้สึกว่าค่อนข้างน่าสงสัย
“ข้าได้สะกดรอยตามผู้อาวุโสของเก้าอารามหลายคน และพบว่าพวกเขาจะรวมตัวกันทุกวันที่หอแห่งหนึ่งในสำนักธาราเมฆ แต่พวกเขามีจำนวนมากเกินไป ข้าไม่กล้าตามพวกเขาเข้าไปข้างใน จึงไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในนั้นอีกรึเปล่า” เย่เม่ยรายงานอย่างละเอียดรอบคอบมาก เนื่องจากนี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เขาไม่กล้าที่จะปากหนักเกินไป
“หอ……” จวินอู๋เสียกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด นางไม่เชื่อว่าหลังจากเก้าอารามจับซูหย่ามาเพื่อบังคับให้ชายชราตัวเล็กปรากฏตัว พวกเขาจะทิ้งข้อบกพร่องร้ายแรงไว้ในแผนการของพวกเขาเช่นนี้ ถ้าไม่มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองออกนั่งบัญชาการ แล้วพวกเขาจะกล้าเชิญศัตรูเข้ามาได้อย่างไร?
ในอาณาจักรกลาง คนที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสีทองนั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าจะยังมีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองซ่อนอยู่มากกว่านี้?
จวินอู๋เสียใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว พยายามวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดบนภูเขาฝูเหยาในเวลาที่สั้นที่สุด
“บูชายัญเลือดสามอาณาจักร……เก้าอาราม……อาณาจักรบน……” ทันใดนั้นดวงตาของจวินอู๋เสียก็เป็นประกาย นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จวินอู๋เหยา
“เป็นไปได้ไหมว่าคนที่อยากจับอาจารย์ปู่ของข้าไม่ใช่เก้าอาราม……แต่เป็นอาณาจักรบน? เป็นคนจากอาณาจักรบนที่พยายามจะจับอาจารย์ปู่ข้าใช่หรือไม่?”
ถ้านั่นเป็นความจริง งั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผล!