แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1096

เจี่ยงหยาวมองอานหลิงหัวด้วยสีหน้าเฉยเมย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ ไม่ควรได้รับความเห็นอกเห็นใจจากใครทั้งนั้น

ใบหน้าหล่อเหลาของอานหลิงหัวกลายเป็นสีแดงก่ำ ให้เขาคำนับสำนึกผิดต่อเฉินโม่ ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ สู้ฆ่าเขาให้ตายเสียยังจะดีกว่า

ถึงเผชิญหน้ากับพ่อที่ตัวเองเกรงกลัวและเคารพมาตลอด อานหลิงหัวก็ไม่ยอม

“ไม่ จะให้ผมคำนับสำนึกผิดต่อเขา ไม่มีทางเด็ดขาด!”

“ไอ้ลูกเวร นายรนหาที่ตายใช่ไหม!” อานซื่อเฉิงโมโหมาก ในเวลาเดียวกันแววตาก็มีความกังวลมากมาย ความน่าเกรงขามและความสามารถของเฉินโม่ ตอนนี้เขายังจำได้เป็นอย่างดี แท้จริงแล้วการที่เขาทำแบบนี้ เพราะกำลังปกป้องลูกชายตัวเองอยู่

มีหรือที่อานหลิงหัวจะสัมผัสถึงความหวังดีของอานซื่อเฉิง เขาแผดเสียงแทบขาดใจออกมา “ถึงตาย ผมก็ไม่มีทางคำนับสำนึกผิดต่อเขา!”

อานซื่อเฉิงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ผิวหนังบนหน้ากระตุกอย่างแรง มองอานหลิงหัวแล้วด่าด้วยใบหน้าที่ไม่ได้ดั่งใจ “ดี ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันจะตีแกให้ตาย ถือว่าฉันไม่เคยมีลูกชายแบบแก!”

อานหลิงหัวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้พ่อด่าตี ใบหน้าของเขาดึงดัน

“ตีสิ ตีผมให้ตายเลย ถึงพ่อตีผมจนตาย ผมก็ไม่สำนึกผิดกับเขาหรอก!”

อานซื่อเฉิงได้ยินประโยคนี้ ก็ลงมือแรงขึ้นอีก “ไอ้ลูกเวร แกจะให้ฉันอกแตกตายใช่ไหม! แกรู้ไหมว่าตัวเองล่วงเกินใคร เขาคือเฉินไต้ซือเชียวนะ! แกจะมีอีกสักกี่ชีวิตให้เฉินไต้ซือฆ่า!”

เฉินโม่มองอานหลิงหัวที่มีใบหน้าเคียดแค้น สีหน้าค่อยๆ เย็นชา “พอแล้ว”

เฉินโม่แผดเสียงเบาๆ ออกมา

อานซื่อเฉิงตกใจ รีบหยุดทันที เขามองเฉินโม่แล้วก้มตัวคำนับพูดว่า “ผู้มีพระคุณมีอะไรจะสั่งหรือเปล่าครับ”

เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า “เดี๋ยวฉันสั่งสอนเขาแทนนายเอง!”

“หา!” อานซื่อเฉิงใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม สีหน้าตกใจกลัว

“ผู้มีพระคุณ ผมมีลูกชายคนเดียว ถือว่าเห็นแก่คนชราอย่างผม ไว้ชีวิตเขาสักครั้งเถอะครับ!” อานซื่อเฉิงพูดจบ ก็คุกเข่าคำนับเฉินโม่

แต่พลังที่มองไม่เห็นดึงเขาขึ้นมา ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถคุกเข่าลงได้อีก

“ผู้มีพระคุณ!” อานซื่อเฉิงร้อนใจจนใบหน้าชราแดงระเรื่อ เขาพูดเสียงร้อนรนว่า “ผู้มีพระคุณ ผมยอมแลกชีวิตผมกับเขา หวังว่าผู้มีพระคุณจะลงมือด้วยความปรานี!”

“พ่อ!” สีหน้าอานหลิงหัวเสียใจเป็นอย่างมาก รู้สึกผิดขึ้นในใจ ที่แท้พ่อก็ยังใส่ใจเขา

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะเอาชีวิตเขา นายวางใจเถอะ!” เฉินโม่มองอานซื่อเฉิงแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยใบหน้านิ่ง

อานซื่อเฉิงดีใจมาก “ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ใจกว้างครับ!”

เฉินโม่พูดต่อ “ถึงไม่มีโทษถึงตาย แต่ยังไงก็ต้องได้รับโทษ วันนี้ฉันจะหักขาเขาทั้งสองข้าง เพื่อเป็นการตักเตือน!”

“หา!” อานซื่อเฉิงอุทานด้วยความตกใจ เขาอยากจะอ้อนวอน แต่เฉินโม่ลงมือแล้ว

พรึ่บ พรึ่บ!

“อ๊าก ขาฉัน!”

เสียงดังอู้อี้สองครั้ง ทันใดนั้นอานหลิงหัวร้องโอดครวญออกมา เขาทรุดลงบนพื้น ร้องโหยหวนเสียงดัง

“นี่…..” ความปวดใจฉายขึ้นบนใบหน้าอานซื่อเฉิง แต่เขาไม่กล้าต่อว่าแม้แต่น้อย

เฉินโม่มองอานหลิงหัวอย่างเย็นชา เสียงดังเบาๆ “เดิมทีฉันจะฆ่านาย แต่เห็นแก่พ่อนาย ฉันจึงปล่อยนายไปก่อน!”

เฉินโม่หันมาหาอานซื่อเฉิง พูดเสียงเย็นชาว่า “หลังจากกลับไป อบรมดูแลเขาให้มากๆ ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก ใครก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว!”

อานซื่อเฉิงก้มตัวคำนับ “ครับ!”

อานหลิงหัวมองเฉินโม่ นัยน์ตาฉายแววเคียดแค้น แต่เขาไม่กล้าล่วงเกินเฉินโม่อีก

“เฉินโม่ ความแค้นนี้ฉันต้องชำระแน่นอน!” อานหลิงหัวพูดสาบานในใจ

อานซื่อเฉิงสั่งลูกน้องสองคน “พวกนายรีบพาคุณชายไปส่งโรงพยาบาล!”

“ครับ!”

เห็นอานหลิงหัวถูกหามออกไป จู่ๆ พวกลูกคนรวยรู้สึกเห็นใจพวกเดียวกัน สายตาที่มองเฉินโม่ เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเคารพ

เฉินโม่ดูออกว่าอานหลิงหัวเคียดแค้นในใจ แต่เฉินโม่เชื่อว่าถึงเขาเคียดแค้น ก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี

อีกทั้งหลังจากอานซื่อเฉิงกลับไป ต้องตักเตือนเขาแน่นอน อานหลิงหัวคงไม่กล้าสร้างปัญหาอีก