“บังเอิญจริงๆ!” ชายหนุ่มคนนั้นฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาว เจตนาไม่ดีแฝงอยู่ในรอยยิ้ม

“ใช่ บังเอิญมาก” เฉินโม่สีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงก็นิ่งเช่นกัน

“เทียนหนิง คนนี้คือใครเหรอ” ชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขามดูไม่ธรรมดาที่อยู่ด้านหลัง ยิ้มบางๆ แล้วถามขึ้น

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเย่เทียนหนิง คุณชายตระกูลเย่ ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของมณฑลซีไห่

เพราะตอนนั้นมู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกดีกับเฉินโม่ เย่เทียนหนิงหึงจนเกือบขัดแย้งกับเฉินโม่ แต่ต่อมาโดนจินเพ่ยอวิ๋น คุณหนูตระกูลจินห้ามเอาไว้ จึงแยกกัน

แม้ต่อมาจะรู้ตัวตนของเฉินโม่ แต่เย่เทียนหนิงไม่ได้ท้อกับเรื่องนี้ หนำซ้ำยังพยายามขึ้น หวังว่าจะมีสักวันที่แซงเฉินโม่ได้

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอเฉินโม่ในงานประชุมสุดยอดของมณฑลซีไห่

เย่เทียนหนิงมองเฉินโม่ แล้วยิ้มอย่างท้าทาย พูดกับเย่อู๋ต้าวผู้เป็นพ่ออย่างราบเรียบว่า “เขาเป็นเพื่อนที่ผมรู้จักเมื่อก่อน พ่อไปก่อนเถอะ ผมขอคุยกับเขาสักครู่!”

เย่อู๋ต้าวพยักหน้า “งั้นนายรีบหน่อยละกัน”

เมื่อเดินผ่านข้างเฉินโม่ เย่อู๋ต้าวยิ้มบางๆ ให้เฉินโม่ ถือเป็นการทักทาย

ผู้มีอิทธิพลที่มีชื่อเสียงสะเทือนมณฑลซีไห่คนนี้ ดูเข้ากับคนง่ายมาก

เฉินโม่พยักหน้าเบาๆ ถือเป็นการตอบกลับ

เย่อู๋ต้าวออกไป จู่ๆ เย่เทียนหนิงเผยธาตุแท้ออกมา มองเฉินโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย “ยานเอ๋อร์สบายดีไหม”

เฉินโม่หน้านิ่ง ตอบกลับอย่างราบเรียบว่า “สบายดีมาก”

เย่เทียนหนิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ นายก็ยังดูจะตายแหล่มิตายแหล่เหมือนเดิมเลยนะ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ายานเอ๋อร์ชอบนายตรงไหน”

เฉินโม่ไม่โกรธสักนิด เขามองเย่เทียนหนิง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แต่ก็แข็งแกร่งกว่านาย ไม่งั้นทำไมยานเอ๋อร์ถึงไม่เลือกนายล่ะ”

“นาย……” คำพูดเฉินโม่เพียงประโยคเดียว ทำให้เย่เทียนหนิงโมโหจนจุกอก

“ไอ้หนุ่ม นายได้ใจได้ไม่นานหรอก ฉันจะบอกข่าวร้ายกับนาย ฉันสอบเข้าที่นั่นได้แล้ว รอวันที่ฉันเรียนจบกลับมา จะเป็นวันที่ฉันแย่งยานเอ๋อร์กลับมา!”

เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า “จริงเหรอ งั้นฉันยินดีด้วยนะ”

เย่เทียนหนิงใบหน้าได้ใจ “ไอ้หนุ่ม นายคงยังไม่รู้ ที่นั่นเป็นหนึ่งในหน่วยที่แข็งแกร่งและลึกลับที่สุดของประเทศ คนที่ออกมาจากที่นั่น ล้วนเป็นทหารอันดับต้นๆ ทั้งนั้น พวกราชาทหารในกองกำลังปกติ เทียบกับทหารที่นั่น เรียกได้ว่ากากมาก”

จู่ๆ เฉินโม่สงสัยเล็กน้อย หน่วยลับที่เย่เทียนหนิงพูด คือหน่วยไหนกันแน่ อย่าบอกนะว่าเก่งกว่าหน่วยรบพิเศษเทพอินทรีที่เขาสอนอยู่ตอนนี้

“หน่วยที่นายเข้าไป ชื่อว่าอะไรเหรอ” เฉินโม่นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามออกมาทันที

เย่เทียนหนิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยใบหน้ายโสว่า “หน่วยรบพิเศษเทพอินทรี เคยได้ยินไหม สูสีกับหน่วยรบพิเศษที่หยางติ่งเทียนอยู่เลยนะ! นายว่าเก่งไหม”

เฉินโม่อึ้งไปพักหนึ่ง เกือบหลุดหัวเราะออกมา เขาอดทอดถอนใจไม่ได้ โลกนี้ช่างเล็กจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหนิงจะเข้าหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี!

“เก่ง นั่นเป็นหนึ่งในหน่วยอันดับต้นๆ ของหัวเซี่ยเลยนะ!” เฉินโม่พูดชมแบบที่ไม่ได้ออกมาจากใจ ถ้าถึงตอนนั้นเย่เทียนหนิงเจอเขาในหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี และรู้ว่าเขาเป็นหัวหน้าหน่วยเทพอินทรี ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร

เย่เทียนหนิงไม่ได้สงสัยอะไรเลย เมื่อเห็นว่าเฉินโม่ยังชมเขา จู่ๆ เขาก็ยิ่งได้ใจเข้าไปอีก

“ไอ้หนุ่ม รอฉันเรียนจบกลับมาจากหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี ฉันจะไปพายานเอ๋อร์กลับมาด้วยตัวเอง!”

เฉินโม่พยักหน้า รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “อืมๆ ฉันจะรอนะ”

พูดจบก็จูงมือเจี่ยงหยาวออกไป เขากลัวว่าอีกเดี๋ยวเขาจะกลั้นขำไม่อยู่

กลั้นขำออกมาจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว เฉินโม่จึงปล่อยมือเจี่ยงหยาว

เจี่ยงหยาวมองเฉินโม่ ถามอย่างสงสัยเล็กน้อย “พี่เฉินโม่เป็นอะไรไป”

เฉินโม่ยิ้ม ลูบผมที่ปรกหน้าผากเจี่ยงหยาว เขาอดไม่ไหว ขำออกมาอีกครั้ง “ไม่มีอะไร แค่เจอเรื่องที่น่าสนใจมาก!”

“เรากลับกันเถอะ!”

“อืม!”

เจี่ยงหยาวอยากรู้มากว่าเรื่องน่าสนใจที่เฉินโม่พูดคืออะไร แต่ในเมื่อเฉินโม่ไม่บอกเธอ เธอก็ไม่ถามเซ้าซี้ นี่คือสิ่งที่ทำให้คนเอ็นดูเจี่ยงหยาวเป็นที่สุด