เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 933
หลังผ่านไปไม่กี่วัน ลู่ฝานกับหานสงนั่งรถม้าหรูหรา มุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของเมืองหลวง

ลู่ฝานมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก ทุกอย่างอยู่ในสายตา

เมืองหลวงขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสี่ส่วนได้แก่ เมืองชั้นนอก หัวเมือง ศูนย์กลางเมือง และเมืองชั้นใน กระจายออกเป็นวงแหวน

ภายในนั้นเมืองชั้นนอกใหญ่ที่สุด เมืองชั้นในเล็กที่สุด

หัวเมืองหรือเรียกอีกชื่อว่าเมืองรอง ตั้งอยู่ที่รอยต่อระหว่างเมืองชั้นนอกกับศูนย์กลางเมือง ตอนนี้พวกลู่ฝานกำลังเดินทางอยู่บนถนนที่หัวเมือง

เมืองใหญ่เจริญรุ่งเรือง หลายต่อหลายครั้ง ที่เห็นได้จากสิ่งก่อสร้างและถนน

อย่างเช่น สิ่งก่อสร้างของบ้านเกิดอย่างเมืองลู่ที่ซ้ำซาก อาคารสูงไม่เกินสามชั้น ถนนก็แคบมาก รถม้าไม่กี่คันจอดเรียงกัน ก็ปิดตายถนนได้แล้ว

ต่อมาได้เห็นเมืองตงหวา ลู่ฝานชมเชยถนนของเมืองตงหวา ที่รถม้าสามารถเคลื่อนตัวหน้ากระดานได้เป็นสิบคัน และเจดีย์ล้ำค่าสูงตระหง่านทั้งสี่องค์นั่นด้วย

แต่เทียบสิ่งเหล่านั้นกับเมืองหลวงที่อยู่ตรงหน้า เหมือนควันลอยผ่านตา

ดูสิ่งก่อสร้างที่อยู่ตรงหน้า หลากหลายรูปแบบ งดงามจนมองไม่ทันแล้ว

ระดับความสูงไม่ใช่ปัญหา ลู่ฝานเห็นร้านน้ำชาสูงเหมือนภูเขา ส่วนยอดอยู่ในม่านเมฆ และเห็นร้านเหล้าที่ครองพื้นที่หลายสิบลี้ โอ่งขนาดใหญ่สองใบหน้าประตู ก็สูงหลายสิบเมตร เหล้าที่กำลังจะหกออกมา กระเด็นออกมาจากโอ่ง พวกขี้เมาจำนวนไม่น้อย ยืนอ้าปากรออยู่ด้านล่าง จากนั้นโดนเหล้าหกใส่จนเปียกไปทั้งตัว

อีกทั้งยังมีร้านอาวุธที่เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง ใบไม้คืออาวุธทั้งหมด หรือจะเป็นบ่อนพนันที่มีลูกเต๋าขนาดใหญ่หนึ่งลูก คิดไม่ถึงเลยว่าลูกเต๋านั่นจะหมุนไม่หยุด บางทีก็เข้าไปได้ บางทีก็เข้าไปไม่ได้

สิ่งก่อสร้างประหลาดๆ แบบนี้ เป็นสิ่งที่ลู่ฝานไม่เคยเห็นที่อื่น

ถนนด้านล่างเท้าทั้งกว้างและเรียบ รถม้าเคลื่อนตัวเรียงกันยังไม่นับประสาอะไร ยักษ์เดินกอดคอกันผ่านไป ก็ยังง่ายดายมาก พื้นถนนไม่รู้เป็นหินอะไร เป็นเนื้อเดียวกันหมด ไม่เห็นร่องเลย

สรุปว่าทุกอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด ทุกอย่างดูโอ่อ่าไปหมด

ลู่ฝานยิ้มบางๆ หัวเราะเยาะตัวเองในใจ จินตนาการเดิมของเขาช่างคับแคบเหลือเกิน

จำได้ว่าตอนอยู่ระหว่างทาง เขาเคยเพ้อฝันว่าเมืองหลวงเป็นยังไง

ในจินตนาการของเขา เมืองหลวงแค่ใหญ่กว่าเมืองตงหวาเล็กน้อย คูเมืองรุ่งเรืองกว่าเล็กน้อยเท่านั้น

ดูเหมือนตอนนี้ ความจริงยิ่งใหญ่กว่าจินตนาการมาก

นี่เป็นเรื่องดี ลู่ฝานเห็นแล้วมีความสุขมาก

“โอ๊ย น้องลู่ฝาน ทำไมนายดื่มเก่งขนาดนี้ ฉันจะไม่แข่งดื่มเหล้ากับนายแล้ว!”

หานสงนอนมึนอยู่บนรถม้าสองสามชั่วยาม กว่าจะตื่นขึ้นมา

หานสงพิงฟูกหนังหมี แล้วยิ้มแหย

ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้ดื่มเก่งหรอก แต่เพราะนายคออ่อนต่างหาก!”

หานสงเบิกตาโตมองลู่ฝาน แล้วพูดว่า “นายกำลังล้อฉันเล่นเหรอ ฉันคออ่อน นายไปถามในเมืองหลวงสิ ใครไม่รู้บ้างว่าฉันดื่มเก่งขนาดไหน เพราะเจอสัตว์ประหลาดอย่างนาย ฉันจึงพ่ายแพ้ ดื่มอย่างบ้าคลั่งมาสองสามวัน ไม่เห็นนายเคยเมาเลย นายเริ่มดื่มเหล้ามาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรือเปล่า”

ลู่ฝานยิ้มบางๆ พูดตามตรง ดื่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ก็เกินจริงไป แต่เริ่มดื่มตั้งแต่เด็ก ก็ไม่น่าจะมีปัญหา

เหล้าพวกนั้นที่อาจารย์หวูเฉินทำให้เขา มีอันไหนที่ไม่รุนแรงจนน่าตกใจบ้าง เหล้าของเมืองหลวงพวกนี้ แม้จะรุนแรงมาก และอร่อยมากเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกันขึ้นมา ยังแย่กว่าของอาจารย์หวูเฉินเล็กน้อย

โดยเฉพาะตอนนี้ปราณชี่ของเขา สามารถดูดพลังได้ พิษก็ใช้ไม่ได้แล้ว เหล้ายิ่งใช้ไม่ได้ ดื่มไม่เมาก็เป็นเรื่องปกติ

หานสงอาศัยการที่ตัวเองดื่มเก่ง วันนี้มาแข่งดื่มกับเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แน่นอนว่าต้องร่วงอยู่แล้ว แต่ไอ้หมอนี่ก็แข็งแกร่งพอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ใช้พลังปราณ