ตอนที่ 382 มารดาของเขาก็คือข้า

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

สีหน้าของนางเคร่งเขรึมเย็นชา ไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย

 

 

นางไม่ได้ต้องการให้จีเฉวียนมาลงมือแทน หากเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แล้วจะต้องไปพึ่งเขาอีกทำไม?

 

 

ตู๋กูจุนจับตาดูอยู่ด้านข้าง ก่อนหน้านี้เขาสู้ศึกอยู่ที่ด้านนอกอยู่ตลอด ด้านในพูดคุยเรื่องอะไรกันไปบ้าง เขาล้วนไม่รู้เรื่อง

 

 

แม่นางน้อยที่อยู่อยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาดูแล้วก็ลึกลับไม่ธรรมดา

 

 

แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตาม เขาย่อมยืนอยู่ฝ่ายน้องเล็กของตนอยู่เสมอ

 

 

ที่ผ่านมาเขานึกว่าขาทั้งสองข้าของน้องเล็กประสบอุบัติเหตุจากสระสวรรค์ในแคว้นเซอปี่ซือเสียอีก แต่พอมองดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูท่าราชครูจะต้องมีส่วนเกี่ยวพันอย่างแน่นอน

 

 

ประกายตาของเขาเคร่งขรึมลง ไม่ว่าจะเป็นใคร หากทำร้ายน้องเล็กก็จงอย่าหวังว่าจะได้มีชีวิตที่สงบสุขอีกเลยในชาตินี้!

 

 

จะว่าไปแล้ว ตลอดหลายปีมานี้ เขากับราชครูก็ไม่เคยมีอะไรที่ขัดแย้งกัน

 

 

ในเมื่อเป็นบุรุษคนสุดท้ายของตระกูลฉางซุน จีเฉวียนมอบตำแหน่งราชครูให้กับเขา มอบเกียรติยศและอำนาจราชศักดิ์ที่ไม่มีผู้ใดจะเสมอเหมือนให้ ในสายตาของผู้อื่นนี่คือเรื่องที่น่าอิจฉาอย่างยิ่ง!

 

 

แต่หากมองจากเรื่องที่เขาแพร่เชื้อผีดิบออกไป ก็สมควรตายอย่างที่สุด

 

 

พอคิดย้อนไปถึงศึกที่ริวกิวในตอนนั้น……จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ตู๋กูจุนก็ยังเสาะหาตัวคนที่แพร่เชื้อผีดิบไม่พบ….ตอนนี้เมื่อได้เห็นฉางซุนซิ่ว สายตาของเขาก็เกิดไอสังหารขึ้นมา

 

 

“พี่!” ฉางซุนอิงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกในทันที นางรีบใช้มือกดปาดแผลของฉางซุนซิ่วเอาไว้ ถุงมือสองข้างที่ข้าวสะอาดถูกย้อมไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว

 

 

นางลืมตาโตมองดูจีเฉวียน “เฉวียน…….”

 

 

คำพูดอัดแน่นไปหมด คิดจะกล่าวอะไรก็พูดไม่ออกทั้งสิ้น

 

 

ครู่ใหญ่นางถึงได้พูดว่า “หลายปีมานี้ข้าฝึกฝนกับท่านอาจารย์ผู้เป็นเซียนมาตลอด เมื่อเร็วๆ นี้ข้าทำนายพบว่าท่านจะมีเคราะห์หนัก จึงได้มาหาท่านโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น

 

 

คิดจะช่วยท่าน…. แต่ไยท่านกับใจร้ายถึงเพียงนี้ ตัดขาพี่ชายทั้งสองข้าง?”

 

 

พูดแล้ว สายตาของนางก็จับจ้องไปที่ร่างของตู๋กูซิงหลัน ใช้มือที่เปื้อนเลือดชี้ไปที่นาง “เป็นเพราะเพื่อนาง?”

 

 

แขนเสื้อของนางเลื่อนลงมา พอดีเผยให้เห็นรอยสีแดงสดบนข้อมือ

 

 

จีเฉวียนและฉางซุนซิ่วต่างก็เกิดความเจ็บปวดเพราะรอยไฝนั้น

 

 

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่พวกเขาจะยังมีข้อขัดแย้งใดๆ แต่พอได้เห็นตำหนิบนร่างกายนี้พวกเขาต่างก็พูดอะไรไม่ออก

 

 

นี่เป็นการสร้างร่างขึ้นมาใหม่ ที่แม้แต่ไฝฝ้าบนร่างก็ยังคืนมา

 

 

เรื่องนี้ฟังดูแล้วช่างน่าเหลือเชื่อ แต่ว่านางก็คือสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าจริงๆ

 

 

พักใหญ่จีเฉวียนถึงได้ตรัสว่า “อาอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

 

 

“ทุกเรื่องของท่านล้วนเกี่ยวกับข้าทั้งสิ้น!” ฉางซุนอิงล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยพันแผลให้กับฉางซุนซิ่ว ปากก็ยังคงพร่ำต่อไปว่าแต่ไหนแต่ไรล้วนเกี่ยวข้องกับข้า….”

 

 

“ท่านรังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่ ……. เห็นว่าข้าตายอย่างสกปรก ทั้งยังรังเกียจที่ข้าเป็นคนก็ไม่ใช่เป็นผีก็ไม่เชิง?”

 

 

“ไม่ใช่” จีเฉวียนวางง้าวในมือ เสด็จเข้าไปพยุงนางขึ้นมา “เราไม่เคยรังเกียจเจ้ามาก่อน”

 

 

พระหัตถ์ที่ใหญ่หนานั้นกุมข้อมือที่นวลเนียนละเอียดของฉางซุนอิงเอาไว้เพียงเบาๆ ราวกับว่าหากใช้แรงมากไปก็จะทำให้หักได้

 

 

“อาอิง เจ้าสามารถอาศัยวิธีเช่นนี้กลับมาได้ เราประหลาดใจมาก และก็ดีใจมากด้วย”

 

 

หืมมม ฉากตรงหน้านี้ทำเอาขนาดตู๋กูจุนเองก็ยังควันออกทั่วทั้งใบหน้า!

 

 

การกระทำเช่นนี้มันหมายความว่าอะไรรึ?

 

 

ก่อนหน้านี้ยังเอาแต่พัวพันน้องเล็กสุดจิตสุดใจจะต้องแต่งกับนางให้ได้ แต่นี่เป็นไงได้พบกับแสงจันทร์ในหัวใจอีกครั้ง เลยดีใจหนักหนา?

 

 

เช่นนี้แล้วน้องเล็กนับเป็นอะไรกันแน่?

 

 

ไอ้สุนัขเสเพล! ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ส่งเสียงระงม น่าเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาอุตส่าห์เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อฮ่องเต้ผู้นี้ไปบ้างแล้ว ทั้งๆ ที่อุตส่าห์คิดว่าพระองค์มิใช่คนที่น่ารังเกียจสักเท่าไร

 

 

แต่ดูเอาเถอะ เจ้าแผ่นดินอย่างไรเสียก็ยังเป็นเจ้าแผ่นดิน มีสตรีนับไม่ถ้วน คำหวานมากมายเหลือคณา

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “……”

 

 

วิญญาณทมิฬ “หลันหลัน หากว่าเจ้ารู้สึกว่าทรมาน เจ้าก็ร้องไห้ออกมาเถอะ เจ้ามีฉายาว่าพี่สาวเจ้าน้ำตามิใช่หรือ? ร้องออกมาแช่งให้มารดาเขาตายไปเลย! นางเป็นแสงจันทราแล้วอย่างไร ใช่ว่าพวกเราจะต้องพ่ายแพ้เสียหน่อย!

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “มารดาของเขาก็คือข้า!

 

 

วิญญาณทมิฬ “ไอ้ชั่ว ไอ้คนไร้น้ำใจ!”

 

 

“งั้นพวกเรามาเปลี่ยนวิธีกัน หากว่ามีอยู่วันหนึ่งตาแก่ที่เป็นอาจารย์ของเจ้าตายไปเพราะเจ้า แล้วอยู่ๆ ก็กลับมามีชีวิตกระดุกกระดิกได้ เจ้าเองก็จะไม่แปลกใจหรือ? ไม่ดีใจหรือ?” วิญญาณทมิฬเห็นว่าในฐานะที่เป็นสัตว์อสูร มันสมควรจะต้องปลอบใจนางเสียหน่อย

 

 

ไม่งั้นหากว่าอยู่ดีๆ นางเกิดคิดไม่ตกขึ้นมา มันมิต้องจบสิ้นไปด้วยหรอกหรือ?

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “นั่นมันไม่เหมือนกัน ท่านอาจารย์เแข็งแกร่งจะตายไป ต่อให้เขาตาย พวกยมบาลก็ไม่กล้ามารับตัวเขาไปหรอก”

 

 

วิญญาณทมิฬน้ำตาอาบหน้า เจ้าช่างเชื่อมั่นในตัวของซื่อมั่วเหลือเกิน!

 

 

“ลองคิดดูนะ สมมติว่าเจ้าไปไล่ล่าเหยื่อตัวน้อยทั้งหลายกับข้าแล้วเกิดตายไปเพราะข้า จากนั้นก็คืนชีพขึ้นมา….” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะออกมาในทันใด “ข้าต้องย่อมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยใช่ไหม?”

 

 

วิญญาณทมิฬถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปเลย

 

 

มันชักจะรู้สึกขึ้นมาว่าสตรีผู้นี้เล่าเรื่องขำขันได้อย่างไร้น้ำจิตน้ำใจมาก!

 

 

ไม่ใช่สักหน่อย……หากเจ้ามีความสุขดีก็แล้วไป แต่ว่านี่มุมปากก็มีเลือดไหลอยู่นะพี่สาว!

 

 

แน่ใจหรือว่าตัวเองกำลังมีความสุขดี ไม่ใช่กำลังหัวใจสลายอยู่ใช่ไหม?

 

 

อีกด้านหนึ่ง จีเฉวียนทรงคลายพระหัตถ์จากฉางซุนอิง ทอดพระเนตรมองดูฉางซุนซิ่ว จากนั้นก็ยื่นพระหัตถ์ข้างหนึ่งไปเหนือกระหม่อมของเขา ไอสีดำกลุ่มหนึ่งซึมเข้าไปในพระหัตถ์

 

 

ทันใดนั้นร่างของเขาก็สั่นสะท้านอย่างแรง สีหน้าบูดเบี้ยวเหยเก

 

 

ไอสีดำที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากร่างฉางซุนซิ่วล้วนถูกพระองค์ดูดซับไปจนหมด

 

 

รอจนจีเฉวียนถอนพระหัตถ์กลับไป ก็เห็นฉางซุนซิ่วล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ราวกับว่าถูกคนดูดพลังชีวิตออกไปจนหมดสิ้น

 

 

จีเฉวียนไม่เพียงแต่ตัดขาของเขาทิ้งไปเท่านั้น แต่ว่ายังทำลายพลังในร่างของเขาจนหมดสิ้น

 

 

นับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาเป็นได้แต่เพียงคนพิการเท่านั้น!

 

 

ฉางซุนซิ่วย่อมไม่ยินยอม หากให้เป็นคนพิการนั่นมิเท่ากับว่าให้เขาต้องตายหรอกหรือ!

 

 

เพื่อที่จะได้ชดเชยให้กับสตรีผู้หนึ่ง พระองค์ถึงกับทำกับเขาเช่นนี้!

 

 

“เฮอะ เฮอะ เฮอะ ….” เขายิ้มออกมาอย่างพิลึกพิลั่น ส่งสายตาเคียดแค้นไปยังตู๋กูซิงหลัน หากว่าเขายังไม่ตาย จะต้องไม่ให้นางได้อยู่ดีแน่นอน!

 

 

ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แต่เป็นทุกๆ คนที่นางห่วงใย!

 

 

ลองคิดดูสิ….หากว่าคนเหล่านั้นได้รู้ว่า ร่างเนื้อนี้ถูกเปลี่ยนวิญญาณไปแล้ว ในโลกนี้ยังจะมีใครที่ชอบนางอยู่อีกหรือไม่?

 

 

อิงเอ๋อร์นั้นเปลี่ยนร่างเนื้อไป ตู๋กูซิงหลันก็เปลี่ยนจิตวิญญาณ…..

 

 

หากเอามาเปรียบเทียบกันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง

 

 

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่ราชครูแห่งแคว้นต้าโจวอีกแล้ว เราจะเห็นแก่ความผูกพันเก่าก่อน คุมขังเจ้าในคุกของราชวงศ์ ชาตินี้จงสำนึกผิดอยู่ในนั้นไปก็แล้วกัน”

 

 

จีเฉวียนไม่สนพระทัยเสียงหัวเราะที่เจ็บปวดของเขาอีกต่อไป เพียงหันไปปรายพระเนตรมองดูฉางซุนอิงแวบหนึ่ง “ส่วนอาอิง เราจะดูแลนางเอง”

 

 

เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้เสียงหัวเราะของเขาหยุดอย่างกระทันหัน

 

 

ดวงตาของเขาตกลง อ่อนแรงไปทั้งร่าง

 

 

จีเฉวียนทำเช่นนี้…..เพราะว่าต้องการข่มขู่เขา หรือว่าต้องการจะดูแลอาอิงอย่างจริงใจกันแน่?

 

 

เขาดูไม่ออกเลย

 

 

ถึงตอนนี้ ตู๋กูซิงหลันก็มิได้ดึงดันเอาแต่ใจอีกต่อไป สำหรับคนอย่างฉางซุนซิ่วแล้ว การกักขังเขาเอาไว้ชั่วชีวิต ยังเจ็บปวดยิ่งกว่าการแทงเขาให้ตายในดาบเดียวเสียอีก

 

 

จีเฉวียนทำถึงเพียงนี้แล้ว หากว่านางยังคงไล่บี้ต่อไปอีก ก็คงต้องฉีกหน้ากันแล้ว

 

 

ความมีเหตุผลและสติเตือนให้นางสงบนิ่งลง อนาคตยังอีกยาวไกล ไม่จำเป็นจะต้องเอาชนะในตอนนี้

 

 

แต่ในตอนนั้นเอง ดาบใหญ่ของพี่ใหญ่ก็ตวัดลงมา “ฝ่าบาท กระหม่อมยังมีเรื่องที่อยากจะสอบถามเขา เชื้อผีดิบในศึกที่ริวกิว ก็เป็นฝีมือของเขาใช่หรือไม่?”

 

 

ดาบใหญ่ของเขาส่งเสียงระงมด้วยแรงสั่นสะเทือน คมดาบกรีดร้องด้วยความกระหายเลือด

 

 

คมดาบที่ส่องประกายวาววามสะท้อนเข้าไปในดวงตาที่มืดครึ้มทั้งคู่ของฉางซุนซิ่ว

 

 

“หากว่ามีความสามารถ ทำไมเจ้าไม่ไปสืบหาเอาเอง?” ฉางซุนซิ่วสบตาเขาแวบหนึ่ง ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจอย่างไรทั้งสิ้น

 

 

“หากว่าเป็นเจ้าจริงๆ เจ้าก็สมควรจะไปขอขมาพี่ชายของเจ้าฉางซุนซู่ในปรโลก!”

 

 

 

 

…………………………………………..

 

 

ตอนต่อไป “ติดตามข้ามา มีเนื้อให้กิน”