กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1134
จอร์แดนพยักหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะถอนใจ “คงจะดีถ้าเรามีเหล้าสักหน่อย พ่อจะเอาโสมไปแช่เหล้าแล้วก็กินเหล้าตอนที่เราหนาว ๆ กลับมาจากบนเขา คงไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นแล้ว”
เจฟฟรีย์ตอบ “แม่ม่ายลีแอนน์ เหมือนจะรู้วิธีหมักเหล้านะ ผมจะไปคุยกับเธอแล้วก็ลองถามเรื่องนี้ดูถ้ามีโอกาสสักวัน บางทีเธออาจจะมีเหล้าแอบซุกไว้ที่บ้านบ้างก็ได้”
พ่อลูกต่างก็เดินคุยกันไป ขณะที่เดินฝ่าลมหนาว ค่อนชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงทางเข้าหมู่บ้าน
ทั้งสองไม่ได้ไปบ้านที่ต้องส่งโสมทันที แต่ว่ามุ่งไปที่บ้านนายพรานแลงก์ในหมู่บ้านท่ามกลางความมืด
แม้ว่าคนที่อาศัยอยู่ที่หมูบ้านตีนเขากอลมันจะจนมาก แต่ก็ไม่ได้ขาดของจำเป็นอะไร
ในอดีตคนจากหมู่บ้านมักจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์เสมอ
แต่ว่าตอนนี้พวกคนหนุ่มสาวก็จากหมู่บ้านไปแล้วก็ไม่มีคนที่เหลือเข้าไปล่าสัตว์มากเท่าไรนัก
นายพรานแลงก์จึงเป็นนายพรานอาชีพคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในหมู่บ้านนี้
ถ้ามีใครในหมู่บ้านอยากกินเนื้อ พวกเขาก็ต้องเอาเงินหรืออะไรอย่างอื่นมาเสนอเพื่อแลกกับเนื้อ
เจฟฟรีย์นั้นอยากกินเนื้อสัตว์มานานแล้ว เพราะว่าพวกเขาจนมากและเป็นเรื่องยากที่จะหาอาหารให้พอกิน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรพิเศษมาแลกเนื้อกับนายพรานได้
วันนี้เขามีความคิดที่ไม่ดี เพราะนายพรานแลงก์เพิ่งล่ากวางได้เมื่อวาน เขาจึงมีความคิดจะขโมยเนื้อกลับบ้านสักชิ้นเพื่อได้ลิ้มรสสักหน่อย
เมื่อมาถึงหน้าบ้านนายพรานแลงก์ เจฟฟรีย์ก็มองผ่านรั้วเข้าไปและเห็นว่ามีเนื้อกวางถูกแขวนตากอยู่นอกบ้านจริง ๆ
เขาเลยรีบกระซิบบอกจอร์แดนผู้เป็นพ่อ “พ่อก้มลงหน่อยแล้วผมจะเหยียบบ่าพ่อข้ามกำแพงไป”
จอร์แดนเองก็มีความคิดที่ไม่ดีเหมือนกัน เขารีบนั่งย่อลงชิดผนัง หลังจากนั้นก็ให้เจฟฟรีย์เหยียบตัวเขาข้ามกำแพงเข้าไปในสนาม
หลังจากเข้ามาแล้ว เจฟฟรีย์ก็บอกพ่ออย่างตื่นเต้น “ขาข้างนี้น่าจะหนักสัก 5 กิโลกรัมได้ น่าจะพอให้เรากินทั้งอาทิตย์เลย”
“ดีมาก ดี” จอร์แดนตอบพร้อมปรบมืออย่างตื่นเต้น
พวกเขาไม่ได้กินเนื้อมาหลายวันแล้ว คราวนี้จะมีเนื้อมากพอสำหรับเขาทั้งคู่ พวกเขาจึงรู้สึกมีความสุขมาก
ขณะที่พ่อลูกกำลังตื่นเต้นและกำลังจะกลับไปนั้น
ก็มีชายสวมหน้ากากสักสิบคนใส่ชุดดำกระโดดออกมาจากเงามืด
ที่น่ากลัวกว่าจำนวนคนที่มากมาย คือแต่ละคนต่างก็ถืออาวุธไว้ในมือ มีอยู่เจ็ดแปดคนที่ถือมีด ขณะที่ห้าหกคนถือปืนไว้ในมือ
พ่อลูกทั้งสองต่างก็ตกใจมาก เจฟฟรีย์ร้องไห้พร้อมบอก “พี่ชายทั้งหลาย เราแค่ขโมยเนื้อนิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องทำเกินเหตุขนาดนี้จริงไหม?”
จอร์แดนเองก็กลัวและบอกเจฟฟรีย์ “แกยังมัวอึ้งอะไรอีก? รีบเอาเนื้อคืนให้เขาไปสิ!”
เจฟฟรีย์รีบขว้างขากวางลงบนพืื้นก่อนร้องขอความเมตตา “ท่านครับ ได้โปรดเมตตาเห็นใจเราด้วยเถอะ”
ตอนนั้นเองกลุ่มคนเหล่านั้นพากันมาห้อมล้อมสองพ่อลูกเอาไว้ก่อนที่คนหนึ่งจะตะคอก “พวกคุณสองคนคือจอร์แดนกับเจฟฟรีย์ วีเวอร์ใช่ไหม?”
จอร์แดนพยักหน้างง ๆ “ครับคุณ พวกคุณมาที่นี่ทำไมกัน?”
ชายคนนั้นตอบเย็นชา “ตระกูลเวบบ์จากซัดเบอรี่ส่งพวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณทั้งสองคนพ่อลูก รถจอดรออยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านแล้ว ตามเรามา เราจะพาพวกคุณกลับโอลรัส ฮิลล์”
เมื่อพ่อลูกได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับตะลึงไป จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้โฮออกมา
พวกเขามองกันไปมาก่อนช่วยกันเช็ดน้ำตา
ทั้งสองไม่เคยคิดว่าจะมีวันได้ออกไปจากที่แห่งนี้
ดังนั้นพ่อลูกทั้งคู่ก็คุกเข่าลงบนพื้นคำนับพวกเขาทีละคนพลางร้องไห้พร้อมบอก “ขอบคุณมากพี่ชาย ขอบคุณที่มีน้ำใจ เราทั้งสองคนพ่อลูกจะไม่ลืมบุญคุณนี้ไปตลอดชีวิต!”