GGS:บทที่ 823 ลือเลื่อง

 

หลังจากที่ซูจิ้งโกยของแต่ละชื้นยัดใส่กระเป๋าเป้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็สะพายพวกมันไปไว้ข้างหลัง คนที่อยู่ในงานต่างก็จ้องมองไปยังเป้ผ้าสะพายหลังของซูจิ้งแบบมองตามอย่างใจจดจ่อ นั่นก็เพราะว่าเป้ใบนี้มีของข้างในที่มีมูลค่ากว่า 5 – 6 ร้อยล้านหยวน

 

เอาจริงๆแล้วซูจิ้งรู้สึกมาความสุขอย่างมาก เพราะในที่สุดเขาก็รู้ซักทีว่าของชิ้นสุดท้ายนั้นมันคืออะไรกันแน่

ของสามอย่างแรกนั้นได้แก่ หัวใจพระสูตรและพระพุทธ ไข่มุกทองคำ และกระต่ายหยกเลือด

ของทั้งสามนี้เขานั้นพอจะรู้อยู่แล้วว่าพวกมันนั้นมีค่าแค่ไหน แต่กับอุกาบาตแก้วนี่เขานั้นไม่แน่ใจแม้แต่น้อย

 

ไอ้เจ้าเศษก้อนอุกาบาตแก้วนี่มาจากหมู่บ้านยาที่อยู่ในห้วงเวลาฯเทพตะวันตกจาก เขานั้นยังได้เศษแร่เวทมนต์ดีๆมาอีกจำนวนมาก และยังได้หินที่ยังไม่ได้ถลุงแต่อีกจำนวนหนึ่ง

นอกจากสองอย่างนี้เขายังเจอหินที่เขาคิดว่ามันเป็นหินอุกาบาตตามเรื่องเล่าที่เขาล่ำลือกัน เขาเองก็ได้ลองหาข้อมูลอินเทอร์เน็ตมาแล้วและพอรู้ว่าครั้งก่อนที่มีอุกาบาตแก้วออกมานั้น

 

คนในวงการวุ่นวายขนาดไหนและก้อนของเขาดีกว่าก้อนนั้นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาจะเอาอุกาบาตแก้วนี้ให้เฉินฮงซงและคนอื่นๆประเมินค่าอีกครั้งก่อนนำเข้าประมูล

ถึงแม้ว่าการให้ของขวัญของซูจิ้งในครั้งนี้จะจบลงที่การไม่ได้ให้ของ แต่ผลที่ได้สำหรับเขาถือได้ว่าน่าพึงพอใจแล้วเพราะยังไงก็ตามไม่ว่าของใครที่นำมาก็ไม่มีทางจะเทียบกับของเขาได้อย่างแน่นอน

แค่ของชิ้นเดียวก็หาคนเทียบไม่ได้แล้ว แต่นี่สี่ชิ้นเขาจะต้องกลัวอะไร

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ทยอยนำของไปวางไว้บนโต๊ะอย่างรู้งาน แม้แต่ซุนหยูเฮงเองผู้ที่ไม่เคยอ่านบรรยากาศก็ยังจำยอมนำของไปวางไว้บนโต๊ะแต่โดยดี

 

กระบวนการนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและจบอย่างไวแน่นอนว่าหลังจากทุกคนได้เห็นของซูจิ้งไปแล้ว ถึงแม้ของของซูจิ้งจะไม่ได้ถูกให้ก็ตาม แต่มันก็เหมือนกับว่าเขาได้ให้ทุกคนที่นั่นไปแล้วโดยปริยาย

“อาจิ้ง ตกลงว่านายมาที่นี่เพราะอะไรกันแน่เนี่ย” หวังซือหยากระซิบถามซูจิ้งที่ข้างหู

“แล้วคิดว่าไงล่ะ” ซูจิ้งถามกลับด้วยรอยยิ้ม

“ฉันว่านายต้องหาโอกาสโฆษณาบรรดาเด็กๆ(สมบัติ)ของนายอีกแหงๆ นายมาที่นี่แค่หาโอกาสสร้างความสนใจและเพิ่มราคาเฉยๆสินะ” หวังซือหยาพูดออกมา

“ปิดซ่อนอะไรก็เจ๊ซือหยาไม่ได้เลยสินะ ข้าน้อยขอคารวะ” ซูจิ้งพูดพลางยิ้มออกมา

“ไม่เอาน่า ถ้านายไม่แกล้งทำอุกาบาตแก้วนั่นหล่นลงพื้นจนกลิ้งออกมาล่ะก็ฉันก็ไม่นึกเอะใจหรอก

ว่าแต่นายไม่ได้กังวลเรื่องที่ว่าผู้ว่าการหู่ไม่ยอมรับของๆนายหน่อยรึไงกัน ไม่ว่าให้อะไรก็ส่งกลับคืนมาหมดนี่เหมือนกับพ่ายแพ้ยับเยินเลย มันเหมือนแค่นายเอาของมาโฆษณาจริงๆนะ

ถ้านายเอาของมามากกว่านี้ฉันว่าไม่นานหมอนั่นคงจะทนไม่ไหวหรอก หากตอนนี้เราไม่สามารถให้อะไรเขาได้ล่ะก็ ฉันก็คิดว่าเราคงจะหาโอกาสสร้างสัมพันธ์กับเขายากแล้วล่ะ” หวังซือหยาพูดออกมา

 

“อย่ากังวลเรื่องนั้นไปเลยน่า เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ห้ะ นี่นายแอบซ่อนอะไรไว้ไม่ให้ฉันรู้อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” หวังซือหยาจ้องไปยังซูจิ้งก่อนที่จะพูดต่อว่า

“ก็จริงที่นายสร้างชื่อเสียงให้กับเด็กๆของนายได้สำเร็จลุล่วง แต่มันก็ไม่ได้บอกได้ว่าคนที่รู้เรื่องนี้จะเต้นไปตามที่นายต้องการนะ”

 

“ไอ้คนที่เจ้ว่าก็คงจะมัวแต่สนใจกับงานเลี้ยงวันเกิดจริงๆน่ะแหล่ะ ลองดูนั่นสิ” ซูจิ้งชี้ไปยังอีกฝากหนึ่งที่มีคนธรรมดาคนหนึ่งกำลังถ่ายวีดิโออยู่ และเขาเองแทบไม่มีใครสนใจเขาเลยเหมือนเขาไม่มีตัวตนในงานนี้

“หมอนั่นถ่ายวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่ไว้สินะ” หวังซือหยาเองก็มองไปทางคนๆนั้นสายตาเปล่งประกาย

“ช่ายยยย และหมอนั่นก็น่าจะกำลังเผยแพร่รูปในเนตอยู่ตอนนี้” ซูจิ้งพยักหน้าและยิ้มออกมา

ถ้าไป๋ฮิตู ตงเซีย และหลัวฉือหลินอยู่ในตอนนี้ล่ะก็ พวกนั้นก็คงจะสังเกตุชายธรรมดาที่พวกเขากำลังดูอย่างนี่เช่นเดียวกัน

ด้วยฉายาที่รู้จักกันในนาม ผู้ส่งผ่าน เขานั้นได้ถ่ายวิดีโอและไปโพสต์ไว้ในอินเตอร์เนต อีกไม่นานวิดีโอในงานนี้ถูกเผยแพร่ออกไป และเมื่อนั้นทั้งแฟนคลับของเขาและชาวเน็ตเองต่างต้องตกตะลึงแน่นอน

“แล้วทำไมนายต้องสนใจวีดิโอนี้นักหนาล่ะ นี่ก็วีดิโอของงานปาร์ตี้วันเกิดของใครซักคนแค่นั้นเอง มีอะไรน่าสนล่ะ”

 

“เดี๋ยวก็รู้น่า”

“แม่เจ้า นั่นมันซูจิ้งไม่ใช่หรอ ไม่ใช่ว่าหมอนั่นอยู่กันคนล่ะฝั่งกับผู้ว่าการจังหวัดไม่ใช่หรอ กลายเป็นว่าหมอนั่นไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดผู้ว่า หมอนั่นต้องเอาหัวใจพระสูตรไปมอบให้ผู้ว่าแหงๆ”

“โอ้ ผู้ว่าไม่สนของขวัญของพี่จิ้งเลยสักชิ้น ถึงมันจะดีก็จริงแต่พี่จิ้งคงเจ็บใจแหงๆ”

“ห้ะ ไช่มุกนั่นมันอะไรกันทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น ต้องมีอะไรผิดพลาดแหงๆ”

“แต่ฉันบอดเป็นต้อจากแสงที่ไข่มุกนั้นสะท้อนใส่แล้วเนี่ย ไข่มุกทองคำพวกนั้นราคาเท่าไหร่เนี่ย แล้วผู้ว่ายังยอมปล่อยหลุดมือไปเนี่ยนะ

“ผู้ว่าการหู่ปฏิเสธอีกแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

“แม่เจ้าเว้ย หมอนั่นเปลี่ยนของใหม่ด้วยหล่ะ เป็นกระต่ายหยกที่ดูน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

“กระต่ายหยกเลือดนั่นสมควรจะราคามากกว่า 200 ล้านหยวนสินะ คราวนี้ฉันต้องได้มาครองให้ได้”

“ผู้ว่าการหู่ปฏิเสธของอีกแล้ว อ้ะ นั่นพี่จิ้งเพิ่งทำของหล่นหรอ”

“อุการบาตแก้ว ราคามากกว่า 100 ล้านหยวนอ่ะนะ”

“พระเจ้า ซูจิ้งมีอะไรเก็บสะสมไว้นักเนี่ย”

“ฮ่าฮ่าดูเหมือนว่าคนในงานต่างก็ตกตะลึงกันไปหมดเลย”

“ฮ่าฮ่าคิดว่าพี่จิ้งเป็นใครกันล่ะ เขาคือเจ้าแห่งของขวัญเลยนะ ถ้าไม่เอาวัวมาฉุดมีหรือว่าพี่เขาจะหยุด”

“ฉันบอกได้คำเดียวว่าพี่จิ้งโคตรกบฎ(ไม่เหมือนใคร)อ่ะ”

“ขอบอกอีกคำละกัน พี่แกไม่กลัวโดนปล้นเลยรึไงเนี่ย”

“ห้ะ ใครจะกล้าไปปล้นเขาได้ ขืนเข้าไปมีหวังโดนจับดัดสันดานแหงๆ”

 

วีดิโอนี้ก็สมควรจะเป็นวีดิโองานวันเกิดทั่วไปก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก แต่งานปาร์ตี้มีสิ่งที่ต่างกับงานปาร์ตี้ทั่วไป นั่นก็เพราะว่าอย่างแรก มีซูจิ้งอยู่ในงาน อย่างที่สอง มีสมบัติที่น่าตกตะลึง

พวกเขานั้นอดไม่ได้ที่มีโอกาสยลโฉมสมบัติอันน่าตื่นตะลึงทีละชิ้นแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ยังมีสุดยอดสมบัติถึงสี่ชิ้นด้วยกัน แถมแต่ละชิ้นยังมีราคาสั่นสะเทือนได้แม้แต่โลกนี้ ผีได้ยินยังร้องไห พระเจ้ายังต้องร้องออกมา

 

ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าชาวเน็ตยังมีโอกาสได้เห็นพวกคนรวยที่อยู่ในวงการนักสะสมได้ตกตะลึง หลายๆคนถึงขนาดที่เตรียมพร้อมติดต่อซูจิ้งในทันที่ที่เสร็จงานเลี้ยงวันเกิดนี้ เพื่อขอซื้อสมบัติทั้งหมด

บ้างก็อยากติดต่อซื้อหัวใจพระสูตร บ้างก็อยากติดต่อเรื่องไข่มุกทองคำ บ้างก็อยากติดต่อเรื่องกระต่ายหยกเลือด และบ้างก็อยากติดต่อขอซื้ออุกาบาตแก้ว

 

พวกเขาต่างรู้ดีว่าของทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นที่หมายปองของใครหลายหลายคน หากก้าวช้าล่ะก็จะหมดโอกาสอย่างแน่นอน สมบัติที่ร้อยปีจะได้เห็นสักครั้ง หากพลาดไปแล้วก็คงได้แต่โทษตัวเองที่ช้าไป

 

เว็บไซต์ที่โพสต์วีดิโอนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปยังทั่วโลก วิดีโอนี้ยังเป็นที่สนใจยิ่งกว่าข่าวคู่รักดาราถูกแฉซะอีก

ยิ่งไปกว่านั้นอันดับดาราของซูจิ้งขึ้นไปอีกสามลำดับ นี่เป็นการสร้างความตกตะลึงต่อคนในวงการบันเทิงอีกครั้ง

หากคุณช่วยคนจากกองเพลิง ช่วยคนบนเครื่องบิน กวาดล้างสำนักคาราเต้ หากเป็นเรื่องพวกนี้พวกเขาก็ยังพอรับได้เพราะต่อให้ซูจิ้งไม่ใช่คนในวงการบันเทิงแต่ก็คือคนที่มีทักษะ ไม่มีใครกล้าอิจฉาเขาได้

แต่นี่เพียงเขาไปร่วมงานวันเกิดแล้วนำของขวัญไปมอบให้เฉยๆแต่เพิ่มมาสามลำดับเนี่ยนะ นี่มันเกินไปแล้ว