เฉินเยี่ยนเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว ในใจรู้สึกซาบซึ้ง เมื่อก่อนเธอมีภาพที่ไม่ดีของพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง ถึงแม้พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งจะเคยลำบากมาก่อน แต่ภายหลังเธอเจอใครที่มาทำความรู้จักหลังแต่งงาน มักจะให้คนคุกเข่าคำนับเธอ ทำให้คนอื่นเสียหน้า ตอนนั้นตัวเองยังไม่รับเงินเธอด้วยซ้ำ และไม่ได้คุกเข่าคำนับเธอ แต่วันนี้กลับเป็นพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งที่ช่วยเธอพาเยว่เยว่กลับมา แล้วยังบาดเจ็บเพราะเยว่เยว่อีกด้วย
“แต่ฉันไม่สามารถให้เธอแย่งเยว่เยว่ไปได้ เลยออกแรงสุดกำลังแย่งเยว่เยว่กลับมา สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นเห็นฉันโกรธ และฉันก็ตะโกนร้องสุดเสียงด้วย เธอกลัวว่ามีคนผ่านมา เลยวิ่งหนีไป ฉันเลยแบกเยว่เยว่กลับมา”
พี่สะใภ้เล่าเรื่องราวให้เฉินเยี่ยนฟัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “พวกเธอก็เหมือนกัน คนบ้านเธอเยอะแยะ ทำไมถึงดูเด็กคนเดียวไม่ได้! เด็กดีขนาดนี้พวกเธอไม่เสียดาย แต่ฉันเสียดายนะ”
ฟังคำพูดพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง เฉินเยี่ยนตกใจขึ้นมา เยว่เยว่โดนคนตั้งใจอุ้มไปจริงด้วย ถ้าวันนี้ไม่ได้บังเอิญเจอพี่สะใภ้ พวกเธอจะไปหาเยว่เยว่ที่ไหน?
เฉินเยี่ยนอุ้มเยว่เยว่แน่นขึ้นไปอีก ต่อจากนี้เธอจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
“พี่สะใภ้ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณ วันนี้ถ้าไม่ได้พี่ เกรงว่าคงไม่ได้หาเยว่เยว่เจอง่ายแบบนี้ แล้วพี่ยังได้รับบาดเจ็บเพื่อเยว่เยว่อีก”
เฉินเยี่ยนอุ้มเยว่เยว่อย่างซาบซึ้งใจ เห็นคราบเลือดที่ยังแห้งบนหน้าผากพี่สะใภ้ ขาข้างหนึ่งของพี่สะใภ้ก็บวมด้วย น่าจะเป็นตอนที่ยื้อแย่งกันแล้วขาพลิก เธอได้รับบาดเจ็บ เธอกับตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี เดิมทีไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่เธอกลับทุ่มเทสุดชีวิตแย่งเยว่เยว่กลับมาได้ จากนั้นไม่สนใจขาที่แพลงแบกเยว่เยว่ขึ้นหลังกลับมา บุญคุณครั้งนี้ตัวเองจะตอบแทนยังไงดี
นึกถึงครั้งนั้นที่พี่สะใภ้ให้ตัวเองคุกเข่าคำนับ เฉินเยี่ยนรู้สึกละอายใจ ตอนนั้นตัวเองไม่ยอม แต่วันนี้เขากลับช่วยลูกของเธอ
คิดมาถึงตรงนี้เฉินเยี่ยนก็คุกเข่าลง ได้เยว่เยว่กลับคืนมา อย่าว่าแต่ให้เธอคุกเข่าเลย จะให้ทำเรื่องที่มากกว่านี้เธอก็ยอมทำ
“ไม่ต้อง เธอไม่ต้องก้มคำนับ ตอนนั้นฉันก็ทำไม่ถูกต้องเหมือนกัน อีกอย่าง ถึงแม้ฉันกับเธอจะมีเรื่องไม่พอใจกันแบบนั้น แต่เด็กก็คือเด็ก ฉันเห็นแล้วไม่สนใจไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ได้คิดจะให้เธอตอบแทนอะไรด้วย ใครเห็นก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งรีบหลบ แต่เพราะว่าเท้าเจ็บ เธอเลยล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเธอคนนี้จะสุดขั้ว แต่กับเด็กนั้นเธอยังมีความรู้สึกอยู่ เธอไม่อยากให้เด็กคนไหนเกิดเรื่อง ไม่เหมือนลูกของเธอในตอนนั้น
คิดถึงลูกของตัวเอง พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งก็เสียใจ นัยน์ตาแดงขึ้นมา
“ไม่ร้องไห้ ไม่ร้องไห้”
ตอนนี้เยว่เยว่เดินมาข้างหน้าพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง ใช้มือเล็กของเธอช่วยเช็ดน้ำตาให้พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งอย่างเงอะงะ
เห็นสายตาทั้งไร้เดียงสาและเต็มไปด้วยความเป็นห่วงของเด็กแล้ว แววตาที่เป็นประกายขนาดนั้น ในใจพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งมีความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก
“อื้ม ไม่ร้องไห้ ฉันไม่ร้องไห้ เยว่เยว่เด็กดี”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งโอบเยว่เยว่ สายตามีประกายแห่งความรักใคร่เอ็นดู
เฉินเยี่ยนเห็นภาพนี้แล้วซาบซึ้งใจมาก พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งนั้นสันโดษและเอาแต่ใจตัวเองมาก มีหลายครั้งที่คนในหมู่บ้านต่างไม่ชอบเธอ คิดว่าเธอแปลกแยก เลยไม่อยากเจอเธอเท่าไร แต่มาเรื่องนี้ พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งกลับยื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่พูดอะไรเลย
คิดดูแล้ว คนเรานี่ก็แปลกจริง มีหลายครั้งที่ทุกคนคิดว่าเป็นคนดี แต่ในบางเวลากลับเห็นแก่ตัวมาก บางครั้งคนเลวกลับทำเรื่องที่เผยให้เห็นถึงด้านสว่างของนิสัยมนุษย์ ใครก็เดาไม่ถูกว่าวินาทีต่อมาคนคนนี้จะทำยังไง จะทำอะไร
เรื่องวันนี้บอกเฉินเยี่ยน คุณจะไม่มีวันไปกำหนดนิสัยคนได้ เพราะคนนั้นซับซ้อน คนนั้นมีการเปลี่ยนแปลง คนนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้มากที่สุด
“พี่สะใภ้ รีบลุกขึ้นมาเถอะค่ะ ขาพี่แพลงแล้ว ฉันจะพาพี่กลับไป พวกเราไปสถานีอนามัยกัน”
เฉินเยี่ยนประคองพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งขึ้นมา
“ไม่ต้องไปสถานีอนามัยหรอก ไม่ได้เป็นอะไรมาก พักหลายวันก็หายแล้ว”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งส่ายหน้า ไม่เป็นอะไรจะไปสถานีอนามัยทำไม เปลืองเงิน
เฉินเยี่ยนขี่มอเตอร์ไซค์ พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งนั่งอยู่ด้านหลัง เยว่เยว่นั่งตรงกลาง
จนเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ทำงาน พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งจับเสื้อเฉินเยี่ยนแน่น แล้วประคองเยว่เยว่อยู่ตรงกลาง
“นี่คือมอเตอร์ไซค์ที่พวกเขาพูดกันเหรอ เร็วจริงๆ”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งอุทาน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งเครื่องเล่นนี้
เฉินเยี่ยนยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร หาเยว่เยว่เจอแล้ว เธอกลับมาเป็นปกติแล้ว
ยังไม่ถึงหมู่บ้าน ระหว่างทางพบเจอคนไม่น้อย ทุกคนต่างพูดว่าช่วยหาเยว่เยว่
เฉินเยี่ยนขอบคุณทุกคน บอกพวกเขาว่าหาเยว่เยว่เจอแล้ว
ทุกคนเห็นเยว่เยว่ก็วางใจ และดีใจแทนเฉินเยี่ยน หาลูกเจอแล้ว ทุกคนก็รวมตัวกันกลับ
วินาทีนี้เฉินเยี่ยนซาบซึ้งใจจริงๆ หมู่บ้านหนึ่ง ถึงแม้ว่าบางครั้งทุกคนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันทุกวัน บางคนไม่ได้สนิทมาก แต่เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ถ้ารู้เรื่อง คนในหมู่บ้านแทบทุกคนจะออกมาช่วยกัน
คนในหมู่บ้านนั้นยากจนกว่า ล้าหลังกว่า แต่พวกเขาซื่อสัตย์ และใจดี
วินาทีนี้นอกจากซาบซึ้งแล้ว เฉินเยี่ยนมีความคิดที่จะก่อสร้างโรงงาน เธออยากจะนำความร่ำรวยมาสู่พ่อแม่พี่น้อง ให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี
จนมาถึงบ้านซิน เห็นเยว่เยว่ คุณปู่ คุณย่า ซินฉุ่ย ไป๋ซิ่วเหมย และซุนหม่านเซียงค่อยเบาใจลง ซุนหม่านเซียงอุ้มเยว่เยว่ร้องไห้ออกมา ที่จริงในใจเธอนั้นรู้สึกผิดจริงๆ โกรธที่ตัวเองดูแลหลานสาวน้อยไป แต่ถ้าเธอเอาความใส่ใจที่มีต่อหลานชายแบ่งมาให้หลานสาวบ้าง หลานสาวก็จะไม่หายไป เรื่องวันนี้ถือเป็นบทเรียนของเธอ
“ซินห้าวกลับมาหรือยังคะ?”
เฉินเยี่ยนถาม
“ยังไม่กลับ โทรไปหลายครั้งแล้วก็ไม่เจอเขา ได้ยินว่าวันนี้เขาออกไปคุยธุรกิจกับคนอื่น แต่ไปที่ไหนนั้นไม่รู้”
ซินฉุ่ยส่ายหน้า
ตอนนี้ไม่มีมือถือไม่สะดวกเลย แต่นี่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้หาเยว่เยว่เจอแล้ว เฉินเยี่ยนก็ไม่รีบให้ซินห้าวกลับมาแล้ว
จนเข้ามาในบ้าน เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง คนบ้านซินรู้สึกซาบซึ้งพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งมาก ทำเอาพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งรู้สึกเคอะเขิน
มองดูไป๋ซิ่วเหมยเอาน้ำมาเช็ดหน้าให้ตัวเอง ซินฉุ่ยวิ่งออกไปหายามาให้เธอ เธอรู้สึกไม่คุ้นเคย เพราะอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด อยู่ๆ มีคนอื่นมาทำดีกับเธอขนาดนี้ เธอไม่ชินจริงๆ
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งโดนเรียกให้อยู่ที่บ้านซิน เพราะขาเธอแพลง บวมมาก ถึงแม้จะทายาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นในทันที ยังไงก็ไม่สามารถให้เธอกลับไปทำอาหารเองได้ ถ้าบาดเจ็บอีก คนบ้านซินจะยิ่งรู้สึกผิด
คุณย่าบอกให้เธออยู่บ้านซินกินข้าวเย็น จากนั้นค่อยไปส่งเธอ พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งปฏิเสธไม่ลง เลยอยู่ต่อ
ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คิดจะให้คนบ้านซินตอบแทน แต่ตอนนี้คนบ้านซินทำแบบนี้ ถ้าเธอปฏิเสธ คัดค้านก็ดูไม่ดี อีกทั้งเธอไม่รู้ว่าทำไม เธอชอบเยว่เยว่มาก ได้ดูเยว่เยว่นานขึ้นหน่อย เธอก็ยอม
เฉินเยี่ยนถามเบอร์โทรโรงพยาบาลจิตเวชจนได้มา เธอโทรไป จากการสอบถาม ฝั่งนั้นบอกเธอว่า ซูเหม่ยลี่ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล
สภาพของซูเหม่ยลี่ยังไม่ดีขึ้นเลย เทียบกับเมื่อก่อนแล้วยิ่งหนักกว่าเดิมอีก อยู่คนเดียวในห้องนั่งพูดกับตัวเอง แล้วยังตะโกนร้องเสียงดัง เหมือนว่าข้างเธอมีคนอยู่ด้วย ตอนนี้ซูเหม่ยลี่จำแม้แต่พ่อแม่ตัวเองไม่ได้แล้ว ไม่มีทางได้ออกมา