ไม่ใช่ซูเหม่ยลี่
แต่คนที่อุ้มเยว่เยว่ไปเป็นหญิงสาว แล้วเป็นใครนะ?
เฉินเยี่ยนนึกถึงคนที่รู้จักทั้งหมด แต่ก็ไม่พบว่านอกจากเฉินเวยและซูเหม่ยลี่แล้วก็ไม่มีใครที่มีความแค้นมากมายกับเธอขนาดนั้น
น่าเสียดายตอนนี้ไม่มีมือถือ ไม่อยากนั้นในมือถือมีรูป สามารถเอาไปให้พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งดูก็รู้แล้ว
ถึงแม้จะเสียดาย แต่เฉินเยี่ยนก็ยังสอบถามพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งอย่างจริงจัง จากที่พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งบรรยายมา คนนี้ไม่ใช่เฉินเวย เพราะคนนี้สูงกว่าเฉินเวย อวบกว่า สาวกว่า
“ใช่แล้ว ข้อมือเธอมีปานสีดำ ฉันคิดก่อนว่ามือไหน มือซ้าย ใช่แล้ว มือซ้าย ปานสีดำนั้นไม่เล็กด้วยนะ”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งบรรยายลักษณะรูปร่างคน แต่เฉินเยี่ยนนึกไม่ออก เพราะคนนั้นมีตาสองข้าง มีหนึ่งจมูก หนึ่งปาก เธอพยายามนึกถึงจุดที่แตกต่างของคนนี้ ในที่สุดเธอก็นึกออก
ข้อมือซ้ายมีปานดำ?
เฉินเยี่ยนนึกถึงผู้หญิงแต่ละคนที่เธอรู้จัก แล้วตัดออกทีละคน มีหลายครั้งที่เธอสังเกตใบหน้าคนอื่น แต่สังเกตข้อมือน้อยมาก
เธอนึกถึงกระทั่งภรรยาของอวี๋เหวยหมิน แต่เหมือนข้อมือของภรรยาอวี๋เหวยหมินไม่มีปานดำ
คนที่ข้อมือซ้ายมีปานดำ?
ใครกันนะที่มือมีปานดำ?
ทันใดนั้นสายตาของเฉินเยี่ยนเยือกเย็นขึ้นมา เธอคิดถึงคนหนึ่ง จะใช่เธอไหม?
คนที่เฉินเยี่ยนนึกถึงไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเสี่ยวหลี่ที่โดนเธอไล่ออกจากร้านเสื้อผ้า
ข้อมือซ้ายของเสี่ยวหลี่มีปานดำ ตอนเธอขายเสื้อผ้าเฉินเยี่ยนเคยเห็นมาก่อน เฉินเยี่ยนยังกินข้าวกับเธอหลายครั้ง ดังนั้นเห็นไม่ยาก
หลังเสี่ยวหลี่โดนเธอไล่ออก เธอกลับมาที่ร้านครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นซินห้าวมารับเธอกลับด้วยกัน เสี่ยวหลี่เลยมาขวางหน้าประตูร้านเสื้อผ้า เธอมาหาซินห้าว ให้ซินห้าวช่วยเธอ
ซินห้าวบอกเธอว่าการตัดสินใจของเฉินเยี่ยนก็เท่ากับการตัดสินใจของเขา เขากับเฉินเยี่ยนเป็นคนเดียวกัน ในเมื่อเสี่ยวหลี่ไม่เหมาะกับร้านพวกเขา เขาก็หวังจะให้เสี่ยวไปหางานที่อื่นที่เหมาะกับเธอ
เสี่ยวหลี่เห็นซินห้าวไม่มีใจให้เธอสักนิด สุดท้ายเลยพูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่งว่าจะให้พวกเขาเสียใจ แล้วออกไปด้วยความแค้น ตั้งแต่นั้นเฉินเยี่ยนก็ไม่เคยเห็นเธออีกเลย
เฉินเยี่ยนไม่ได้สงสัยเสี่ยวหลี่เลย แต่มาสูญเสียงานที่ร้านเธอ ส่วนคำพูดนั้นของเสี่ยวหลี่ เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นแค่คำพูดที่โมโหเท่านั้น ถ้าเสี่ยวหลี่เป็นคนทำเรื่องนี้จริง คนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
“พี่สะใภ้ ถ้าฉันเรียกคนนี้ออกมา พี่เห็นเธอแล้ว พี่จะยังจำเธอได้ไหม?”
เสียงเฉินเยี่ยนเย็นชา ไม่ว่าเป็นใคร คิดมาทำร้ายลูกสาวเธอ เธอจะไม่ปล่อยไปแน่
แต่เยว่เยว่ยังเด็กมาก ถึงแม้เธอจะเรียกเสี่ยวหลี่มา เยว่เยว่ก็ไม่สามารถเป็นพยานได้ แต่พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งเป็นได้
“ทำไมจะไม่ได้? ฉันยังไม่แก่ถึงขั้นตาฝ้าฟางเสียหน่อย”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งกรอกตาใส่เฉินเยี่ยน ถึงแม้เธอชอบเยว่เยว่ แต่กับเฉินเยี่ยนแล้ว เธอไม่ได้มีความรู้สึกดีสักเท่าไร เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนกับเธอเป็นแค่คนเดินผ่านมาแค่นั้น
“ได้ ถึงเวลานั้นคงต้องรบกวนพี่สะใภ้ด้วยค่ะ”
เห็นพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งมั่นใจ เฉินเยี่ยนพยักหน้า
จากนั้นเฉินเยี่ยนให้ลุงสองไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก่อน ถึงแม้ว่าเฉินเยี่ยนและซินห้าวจะไปหาเสี่ยวหลี่ได้ แต่ถ้าเสี่ยวหลี่ไม่ยอมรับ แบบนั้นพวกเขาก็จะลงมือ แล้วหลังจากลงมือล่ะ? เสี่ยวหลี่จะได้บทเรียนอะไร? ยังไงก็ไม่สามารถตีคนจนตายได้ อีกอย่างถ้าพวกเขาลงมือทำอะไรเสี่ยวหลี่ แบบนั้นพวกเขากับเสี่ยวหลี่จะต่างกันตรงไหน?
ตอนนี้กฎหมายควบคุมสังคม ไปแจ้งความ ตำรวจไปหาเสี่ยวหลี่ พวกเขามีพยานบุคคล ถ้าเป็นเสี่ยวหลี่จริงๆ เสี่ยวหลี่ยอมรับ แบบนั้นเธอก็จะได้รับผลตอบแทน ผลของการติดคุกย่อมทำให้เสี่ยวหลี่รู้ว่าเธอทำความผิดอะไรลงไป
จนตอนคนที่สถานีตำรวจมาสอบถามเพื่อลงบันทึก ซินห้าวกลับมาแล้ว เขาคุยธุรกิจกับคนอื่นเสร็จ กลับมาถึงได้ยินคนบอกว่าที่บ้านโทรหาเขา บอกว่าเยว่เยว่หายไป ทำให้เขารีบกลับบ้าน เขาเพิ่งขี่มอเตอร์ไซค์รีบกลับมา
มาถึงหมู่บ้าน ได้ยินคนบอกว่าหาเยว่เยว่เจอแล้ว ใบหน้าเย็นชาของเขาค่อยกลับมาเป็นปกติหน่อย เขานึกภาพไม่ออกถ้าลูกสาวหายไปจริงๆ เขาจะเป็นอย่างไร
มาถึงที่บ้าน คนที่สถานีตำรวจมาพอดี ซินห้าวยืนอยู่ข้างเฉินเยี่ยน ฟังเรื่องราวทั้งหมดอีกรอบ
เป็นใครนะ? มีคนตั้งใจอุ้มเยว่เยว่ไป ซินห้าวนึกภาพไม่ออกถ้าพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งไม่บังเอิญเจอเข้า เยว่เยว่จะเป็นยังไง
เวลานี้นอกจากความรู้สึกซาบซึ้งต่อพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งแล้ว ยังมีความโกรธแค้นต่อคนนั้นด้วย ถ้ารู้ว่าคนนั้นคือใคร เขาจะไม่ปล่อยให้เธอคนนั้นลอยนวลแน่
“สหาย พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งบอกว่าคนที่อุ้มเยว่เยว่ไปข้อมือซ้ายมีปานดำอยู่จุดหนึ่ง พวกเราเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในเมือง เดิมทีที่ร้านมีพนักงานขายคนหนึ่ง ชื่อหลี่จิ้ง เธอกับฉันมีปัญหากัน ต่อมาฉันไม่ให้เธอทำงานที่ร้านแล้ว คนที่ฉันรู้จักมีแค่เธอที่ข้อมือมีปานดำ แต่ฉันก็ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเธอแน่นอน แต่พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งจำเธอได้ รบกวนพวกคุณช่วยหาหน่อย ถ้าหาเจอ ให้พี่สะใภ้มาชี้ตัวใช่ไหมคะ?”
เฉินเยี่ยนพูดชื่อเสี่ยวหลี่ออกมา
ซินห้าวมองมาที่เฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนพยักหน้าให้เขา สายตาซินห้าวเยือกเย็นจนน่าตกใจ ข้อมือเสี่ยวหลี่มีปานดำหรือเปล่าเขาไม่รู้ ไม่ได้สังเกตเลย แต่ถ้าเป็นเสี่ยวหลี่ ซินห้าวกำหมัด ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง มาทำร้ายครอบครัวเขา ไม่ว่าเป็นใคร เขาไม่ยอมปล่อยไปแน่
เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจแสดงว่ารับรู้คำให้การของเฉินเยี่ยน แล้วจดบันทึก จากนั้นกลับไป
กินข้าวเย็นเสร็จ เฉินเยี่ยนขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งกลับ ตอนแรกซินห้าวอยากจะให้เธอพักอยู่บ้านซินหลายวัน รอจนขาหายดีแล้วค่อยให้เธอกลับ แต่พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งไม่ยอม บอกว่าเธอไม่คุ้นชิน
พาพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งมาส่งถึงที่ห้องแล้ว จัดแจงมาถึงที่เตียง เฉินเยี่ยนค่อยกลับไป เธอไม่ได้พูดขอบคุณอีกครั้ง แต่เธอจะทำ อีกหน่อยเธอจะพยายามช่วยเหลือพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งให้มากที่สุด เพื่อตอบแทนบุญคุณเธอ
ฝั่งซุนหม่านเซียงหลับไปแล้ว ส่วนเยว่เยว่ฝั่งนี้ที่ตกใจหวาดกลัวมากก็หลับไปแล้วเช่นกัน เห็นลูกสองคนหลับปุ๋ย ในใจเฉินเยี่ยนรู้สึกผิด
ถ้าเธอไม่ไปในเมือง เยว่เยว่ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ ถึงแม้จะบอกว่ามีคนคอยช่วยดูอยู่ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ แต่เธอเป็นแม่ ถ้าอยู่ข้างลูก เปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดเรื่องนั้นก็จะน้อยลงไปเยอะ
“ซินห้าว ต่อจากนี้ฉันจะไม่ไปร้านเสื้อผ้าในเมืองทุกวันแล้วนะ ฉันจะไปวันเว้นวัน ถึงยังไงตอนนี้พวกเธอก็คุ้นเคยกับงานแล้ว ฉันอยากจะอยู่บ้านอยู่เป็นเพื่อนเยว่เยว่กับเช่อเช่อมากหน่อย คุณย่าอายุมากแล้ว ป้ารองก็ยุ่งงานบ้าน แล้วลูกก็อยู่ในวัยที่ชอบวิ่ง แม่เขาดูคนเดียวไม่ไหว”
เฉินเยี่ยนปรึกษาซินห้าว ครั้งนี้เธอไม่โทษคนอื่น เธอไม่มีสิทธิ์โทษใคร จะโทษก็ต้องโทษตัวเอง
“ก็ดีเหมือนกัน ผมก็จะหาเวลาว่างมาอยู่เป็นเพื่อนพวกคุณ ตอนกลางวันถ้าไม่เข้าเมืองได้ ผมก็จะไม่เข้า”
ซินห้าวเขยิบเข้าไปโอบไหล่เฉินเยี่ยน ในใจเขาก็ตำหนิตัวเองเช่นกัน แต่เรื่องเกิดแล้ว โทษตัวเองก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งธุรกิจทุกอย่างไม่สนใจได้ อีกหน่อยเขาจะพยายามให้ความสำคัญทั้งสองเรื่อง