“อีกอย่างฉันอยากจะสร้างโรงงานที่นี่ด้วย ให้ลุงสองช่วยจัดการ ในหมู่บ้านมีคนอยากเข้าโรงงาน ขอแค่คนไม่มีปัญหา ก็ให้เข้ามาทำที่โรงงานได้ พูดขึ้นมาวันนี้ทุกคนต่างช่วยกันหาเยว่เยว่อย่างกระตือรือร้น แต่นอกจากพี่สะใภ้เหลียนจือแล้ว คนในหมู่บ้านไม่มีรายได้เท่าไรเลย มีโรงงาน ทุกคนจะได้มีงานทำ มีเงิน ชีวิตจะได้ดีขึ้น”
เฉินเยี่ยนเล่าความคิดของเธอ
“ได้สิ เรื่องนี้ผมจะปรึกษาลุงสอง ถึงเวลานั้นคุณจะได้อยู่บ้านอยู่เป็นเพื่อนลูกมากหน่อย”
ซินห้าวพยักหน้า เขารู้ว่าเฉินเยี่ยนมีปมเรื่องเยว่เยว่ แบบนี้คนในหมู่บ้านจะได้มีงานทำ และเฉินเยี่ยนจะได้อยู่บ้านมากขึ้นด้วย
เห็นซินห้าวเข้าใจตัวเอง เฉินเยี่ยนซบลงไปในอ้อมกอดซินห้าว ยิ้มอย่างปลื้มใจ
ลูบใบหน้าเยว่เยว่ เฉินเยี่ยนใจเต้น แล้วพูดขึ้นมา “ห้าวคะ วันนี้ลำบากพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งแล้ว ถ้าไม่ได้เธอ ยังไม่รู้ว่าเยว่เยว่จะเป็นยังไงเลย ตอนนั้นลูกพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งหลุดไป หลายปีมานี้เธออยู่คนเดียวอย่างยากลำบาก ฉันเห็นเธอชอบเยว่เยว่จากใจจริง ไม่อย่างนั้นพวกเราให้เธอเป็นแม่บุญธรรมดีไหม?”
เฉินเยี่ยนเพิ่งมีความคิดนี้ขึ้นมา ตอนแรกสนใจแต่เยว่เยว่ เธอไม่ได้คิดเรื่องอื่น แต่ถ้าจะตอบแทนพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง เขาไม่อยากได้อะไร แต่พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งอยู่คนเดียวนั้นโดดเดี่ยว ถ้าให้เยว่เยว่ยอมรับเธอ คิดว่าพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งก็น่าจะดีใจนะ?
“ผมไม่ว่าอะไร คนเขาช่วยชีวิตเยว่เยว่ไว้ จะยังไงก็ควรตอบแทน แต่นี่ไม่เรียงลำดับอาวุโส ทำได้ไหม?”
ซินห้าวไม่ได้ลังเลเรื่องอื่นของพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งเลย ตามลำดับแล้วควรเรียกพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งว่าย่า
“ไม่ได้ไม่เกินห้ารุ่นของบ้านเราเสียหน่อย พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งกับครอบครัวเราห่างกันกี่รุ่นแล้ว เพียงแค่สามีเธอแซ่ซินเท่านั้นเอง อีกอย่างคนหมู่บ้านนี้แต่งงานยังมีข้ามรุ่นกันด้วย นี่จะนับอะไรกัน ขอแค่พวกเรากับพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งยอม คนอื่นก็ว่าอะไรไม่ได้แล้ว พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งไม่มีทายาท น่าจะไม่สนใจอะไรมาก”
เฉินเยี่ยนกลับไม่สนใจ ในยุคหลัง คนที่สนใจเรื่องลำดับขั้นจะมีสักกี่คน
ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนแล้ว ซินห้าวพยักหน้า ที่เฉินเยี่ยนพูดก็มีเหตุผล
“งั้นอีกไม่กี่วันจะส่งข่าวไปบอกพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง ถ้าเธอยินดี พวกเราก็ให้เยว่เยว่รับเธอเป็นแม่บุญธรรม ถ้าไม่ยอม พวกเราก็ไม่ฝืนเขา”
ซินห้าวรู้สึกมั่นใจขึ้นมาหน่อย
“ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ”
เฉินเยี่ยนยิ้ม เธอก็มีเจตนาที่ดี จะไปบังคับคนเขาทำไม
สองสามีภรรยาคุยกันอยู่นาน แล้วห่มผ้าห่มให้เด็กทั้งสองคนที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว ค่อยขึ้นเตียงนอน
วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนไม่ได้ไปที่ร้าน อยู่บ้านเป็นเพื่อนเยว่เยว่ตลอด อาจจะเป็นเพราะเยว่เยว่ยังตกใจอยู่ เลยตัวติดกับเฉินเยี่ยนเช่นกัน เห็นเฉินเยี่ยนอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอ เธอดีใจมาก ใบหน้ายิ้มไม่หุบเลย ทำเอาเช่อเช่อทนไม่ได้เรียกให้เฉินเยี่ยนอุ้มบ้าง
ตอนกลางวันเฉินเยี่ยนและเยว่เยว่ไปส่งอาหารที่บ้านพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง แล้วคุยกันไม่กี่คำ กลับมาที่บ้านซิน ก็เจอหวางนิวและฉือหลิว
“เยว่เยว่ มาหายายมา ยายได้ข่าวว่าเธอหายไป ทำยายตกใจแย่ แม่เธอนี่จริงๆ เลย”
หวางนิวอุ้มเยว่เยว่ ถลึงตาใส่เฉินเยี่ยน เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเรื่องที่เกือบทำเยว่เยว่หาย
เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไร นั่งลงเงียบๆ
“คุณน้า”
ฉือหลิวมาข้างเฉินเยี่ยน เยว่เยว่เห็นแม่ตัวเองโอบคนอื่น ถึงแม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องตัวเอง เธอก็ไม่พอใจ กว่าแม่จะอยู่บ้านตอนกลางวันเป็นเพื่อนเธอนั้นไม่ง่ายเลย พี่ฉือหลิวมาแย่งที่ของเธอได้ยังไง
เยว่เยว่เลยลงมาจากตัวคุณยาย มาข้างตัวเฉินเยี่ยน ให้เฉินเยี่ยนอุ้มเธอ
เฉินเยี่ยนอุ้มเยว่เยว่ขึ้นมา เยว่เยว่มองฉือหลิว ยิ้มให้ฉือหลัว พูดในใจ: แม่รักฉันที่สุด นี่มาอุ้มฉันแล้ว ไม่อุ้มพี่
ฉือหลิวโตกว่าเยว่เยว่หลายขวบ พอรู้เรื่องบ้าง และไม่คิดแย่งเยว่เยว่ ยังปลอบเยว่เยว่ด้วย
ไม่นานเยว่เยว่ก็ลืมความไม่พอใจเมื่อกี้ไปเลย เล่นกับฉือหลิวอย่างสนุกสนาน
หวางนิวนั่งอยู่ที่นี่นาน เห็นเยว่เยว่ไม่เป็นอะไร เธอก็กลับไปอย่างสบายใจ
ผ่านไปสองวัน วันนี้เฉินเยี่ยนเพิ่งอุ้มเยว่เยว่มาถึงหน้าประตูบ้านพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่ง ก็เห็นพนักงานจากสถานีตำรวจกำลังเคาะประตู
จนเข้ามาในบ้าน เฉินเยี่ยนวางอาหารในมือลง สองวันนี้เธอมาส่งข้าวสามมื้อให้พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งทุกวัน ถึงแม้พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งจะบอกว่าไม่ต้อง เธอก็ยังยืนยัน ที่สำคัญคือกลัวว่าเท้าพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งยังไม่หายดี แล้วบาดเจ็บอีก
เจ้าหน้าที่ตำรวจอยากจะให้พีสวะใภ้เฉียวเฟิ่งไปชี้ตัว เพื่อเลี่ยงพวกเขาจับผิดคน
“ได้สิ ฉันจะพาพี่สะใภ้ไปกับพวกคุณค่ะ”
พอเฉินเยี่ยนได้ยินว่าหาเสี่ยวหลี่เจอแล้ว เลยลุกขึ้นยืน เธออยากจะไปดู ว่าเสี่ยวหลี่เป็นคนที่อุ้มเยว่เยว่ไปหรือไม่!
เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยขี่จักรยานไปก่อน เฉินเยี่ยนกลับไปขี่มอเตอร์ไซค์มา จากนั้นพาพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งกับเยว่เยว่ไปสถานีตำรวจในอำเภอด้วยกัน
ตอนที่พวกเธอมาถึงสถานีตำรวจ ตำรวจก่อนหน้านี้ยังมาไม่ถึง แต่ในโรงพักยังมีตำรวจนายอื่นอยู่ มีคนมาต้อนรับพวกเฉินเยี่ยนทั้งสามคน
พอได้ยินว่ามาชี้ตัวคน ก็มีตำรวจพวกเธอเข้าไปในห้องหนึ่ง
พอเช้าไปในห้องเฉินเยี่ยนก็เห็นเสี่ยวหลี่นั่งอยู่บนม้านั่ง เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าเสี่ยวหลี่เป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นเสี่ยวหลี่จึงยังมีอิสระอยู่ และไม่ได้มีกุญแจข้อมืออะไรพวกนี้
เฉินเยี่ยนอยากจะพุ่งเข้าไปถามเสี่ยวหลี่ ว่าความแค้นอะไรที่ทำให้เธอทำเรื่องแบบนี้ ลงมือกับเด็กคนหนึ่ง
แต่เธออดทน
เยว่เยว่ชี้ไปที่เสี่ยวหลี่แล้วร้อง จากนั้นกอดคอเฉินเยี่ยนแน่น กลัวว่าจะถูกคนอุ้มไปอีก
“เป็นเธอ เธอเป็นคนอุ้มเยว่เยว่ไป ไม่ผิด ฉันจำเธอได้”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งก็ชี้ไปที่เสี่ยวหลี่แล้วร้อง
เป็นเธอจริงด้วย! สายตาเฉินเยี่ยนเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งอีก
“พวกคุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่เคยไปหมู่บ้านพวกคุณ และไม่เคยอุ้มเด็กไป พวกคุณอย่ามาใส่ความฉัน”
เสี่ยวหลี่จะยอมรับได้ยังไง
“ใครใส่ร้ายเธอ! เธอนั่นแหละที่อุ้มเยว่เยว่ไป เธอยังบอกว่าเธอเป็นน้องสาวเฉินเยี่ยนด้วย ฉันบอกให้เธอกลับหมู่บ้านไปกับฉัน เธอก็ไม่ยอม เธอยังเอาอะไรมาตีหัวฉันอีก”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งโมโหมาก เธอเป็นคนที่จริงจังมาก เดิมทีก็ไม่พอใจเสี่ยวหลี่อยู่แล้ว เวลานี้เห็นเสี่ยวหลี่ไม่ยอมรับ เธอรีบเดินไปข้างหน้าชี้เสี่ยวหลี่
“นั่งลงให้หมด พูดกันดีๆ”
ตำรวจตะโกนขึ้นมา
เฉินเยี่ยนดึงพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งให้นั่งลง จากนั้นมองไปทางเสี่ยวหลี่
เสี่ยวหลี่โดนเฉินเยี่ยนจ้องจนรู้สึกอึดอัด ก้มหน้าลง เฉินเยี่ยนมองตามสายตาเธอไปที่มือของเสี่ยวหลี่
เสี่ยวหลี่รีบเอาแขนเสื้อปิดมือเธอไว้
“คุณตำรวจ ข้อมือซ้ายเธอมีปานดำอยู่ อีกอย่างเธอกับพี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งเคยสู้กัน มือน่าจะมีรอยบาดแผลอยู่ พวกคุณลองตรวจสอบดู”
เสียงเฉินเยี่ยนเย็นชามาก เธอไม่กลัวว่าเสี่ยวหลี่จะไม่ยอมรับ
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันนึกออกแล้ว ฉันรีบ ฉันข่วนเธอไปสองที บนมือเธอต้องมีรอยที่ฉันข่วนแน่ อีกอย่างตอนที่เธอตีหัวฉัน ฉันเจ็บ ฉันเลยกัดข้อเท้าเธอไปทีหนึ่ง ดูข้อเท้าเธอด้วย”
พี่สะใภ้เฉียวเฟิ่งก็นึกขึ้นมาได้ เลยรีบบอก