สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนคร่ำเครียดขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหมอหลวงเจียงผู้มีตาหามีแววไม่จะมีท่าทีเจ้าเล่ห์เช่นนี้ด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปากยิ้ม มองหวงฝู่อี้เซวียนเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอะไร
ในใจของหมอหลวงอยากรู้เพียงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมีวิธีแก้เช่นไร ไม่ได้สนใจสีหน้าของทั้งสอง เมื่อเห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร จึงร้อนใจ และเร่งว่า “ซื่อจื่อเฟย ท่านรีบบอกข้าเถิด ข้าร้อนใจจะแย่แล้ว”
หลังจากผ่านโรคระบาดที่หลินเฉิงมาแล้ว หมอหลวงเจียงและเมิ่งเชี่ยนโยวคุ้นเคยกันดี ดังนั้นคำพูดคำจาจึงไม่ได้นอบน้อมอย่างที่ควร ที่พูดไปเช่นนี้ก็เพiาะความร้อนใจ ไม่คิดเลยว่าหวงฝู่อี้เซวียนได้ยินเข้าแล้วสีหน้ายิ่งเครียดกว่าเดิม สั่งโจวอันเสียงเย็นชาว่า “เอาตัวกลับไปที่สำนักหมอหลวง หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามให้เขามาเสนอหน้าต่อหน้าซื่อจื่อเฟยอีก”
โจวอันรับคำ เดินเข้ามา
หมอหลวงเจียงตกใจจนต้องเดินถดถอยไปด้านหลัง โบกมือพูดว่า “ไม่ต้องลากตัวข้าไป ข้าเดินไปเองได้”
โจวอันเป็นคนเถรตรง ไม่หรือที่จะไม่ฟังคำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียน คนจำนวนหนึ่งเดินมาด้านหน้า ลากตัวเขาไปด้านนอก
เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวของหมอหลวงเจียงดังขึ้นมาเป็นระยะๆ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่ม ช้าลงหน่อย”
“อัยหยา ข้าเวียนหัว เวียนหัว ช้าลงหน่อย”
“เจ้าดีกับคนแก่หน่อยสิ ช้าลงที”
เสียงนั้นห่างออกไปเรื่อยๆ เมิ่งเชี่ยนโยวแอบสงสารเขาอยู่ในใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ไปกันเถิด ท่านแม่คงทำอาหารเสร็จแล้ว”
ขณะเดียวกันเมิ่งซื่อก็ได้ส่งคนมาตามเมิ่งเชี่ยนโยวว่าให้นางกลับไปรอในห้อง อีกครู่นางและภรรยาเมิ่งต้าจินจะนำอาหารไปส่งให้ที่ห้องของนางเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมโบกมือ บอกว่า “ไปบอกฮูหยิน ว่าไม่ต้องหรอก คนเยอะถึงจะกินข้าวอร่อย พวกเราไปกินที่ห้องอาหารดีกว่า”
แม้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะกังวลว่านางจะแพ้ท้องอีกครั้ง แต่เห็นนางมีความสุขเช่นนี้ คำพูดที่จะห้ามนางก็ได้ถูกกลืนลงไป เดินตามนางไปยังห้องอาหาร
เมิ่งซื่อรู้ดีว่าเมิ่งเชี่ยนโยวชอบความครื้นเครง จึงไม่ได้ว่าอะไรต่อ สั่งให้คนนำอาหารมาเตรียมไว้ที่ห้องอาหาร
คนในบ้านกินข้าวกันอย่างมีความสุข พูดคุยกันเรื่องในครอบครัวครู่หนึ่ง ก็ได้บอกลาทุกคน จากนั้นสองคนก็ได้กลับไปยังจวนอ๋อง
วันนี้หวงฝู่อวี้ไปตรวจตราที่นา ยังไม่กลับ วันนี้พระชายาอาศัยช่วงที่ทั้งสองไม่อยู่บ้าน ไปเยี่ยมเฝิงจิ้งซูและหลานชายน้อยของนางที่จวนแม่ทัพ ทั้งจวนเงียบสงบ ทั้งสองกลับมายังห้องของตนเอง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงได้เรียกจูหลีเข้าพบด้วยรอยยิ้ม ถามว่า “จูหลี เจ้าคิดได้หรือยัง มีคนที่เหมาะสมหรือไม่”
สายตาของจูหลีสั่นคลอนเล็กน้อย กัดปากไม่พูดไม่จา
“วันนี้มีคนมาขอร้องข้า แต่เขามาขอชิงหลวน ข้าไปถามนางแล้ว นางตกลง หากเจ้าเองไม่มีคนในใจ ข้าก็จะหาให้เจ้าสักคน จะได้สมใจข้าเสียที ต่อจากนี้ข้าจะได้ดูแลครรภ์ได้อย่างสบายใจเสียที”
จูหลียังคงไม่พูดไม่จา
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วลง “จูหลี เจ้าอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว นิสัยใจคอของเจ้าข้าก็พอจะรู้อยู่บ้าง เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ มีคนในใจอยู่แล้วใช่หรือไม่”
จูหลีกัดฟัน ตอบว่า “เรียนนายหญิง ไม่มีเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ไม่อยากออกเรือนกับผู้ใดก็เท่านั้น ข้าอยากอยู่ข้างกายนายหญิงตลอดชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา เอนกายพิงไปที่เก้าอี้ด้านหลังด้วยท่าทีสบายใจ และพูดว่า “เรื่องนี้เข้าวางใจได้ ต่อให้เจ้าออกเรือนไปแล้ว ยังสามารถรับใช้อยู่ข้างกายข้าได้ ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกหนึ่งวันไปคิด หากไม่มีใครที่เหมาะสม ข้าก็จะหาให้เจ้าเอง”
จูหลีไม่ตอบอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่บังคับนาง ให้นางกลับไป
ออกจากประตูมา ชิงหลวนยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นท่าทางของจูหลีจึงได้เกิดความสงสัยขึ้น ถามว่า “จูหลี ดูทีนายหญิงจะให้เราออกเรือนท่าเดียว หากเจ้ามีคนในใจก็รีบบอกนายหญิงไป นายหญิงอนุญาตอยู่แล้ว”
จูหลีมองหน้านาง เตรียมจะพูดแต่ไม่พูด
อย่างนี้ก็แสดงว่ามีคนในใจอยู่แล้ว ชิงหลวนไม่เข้าใจ จึงถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกนายหญิงไปเล่า หากนายหญิงเลือกคู่ให้เจ้าจะมาเสียใจตอนหลังก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
จูหลีที่ใจเย็นมาตลอดกลับมีน้ำตาไหลรินออกมา พูดเสียงเบาว่า “เขาไม่ยอม เจ้าจะให้ข้าบอกนายหญิงได้อย่างไร”
“ผู้ใดกัน” ชิงหลวนเสียงดังขึ้นมาทันที ขอแค่พอจะรู้ว่าคนนั้นเป็นผู้ใด นางเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะสู้เพื่อนาง สำหรับนางแล้ว จูหลีเป็นดั่งพี่น้องแท้ๆ เป็นเพื่อนที่ดี และเป็นหญิงที่ดีเลิศ ยังมีผู้ใดไม่ยอมรับนางอีกหรือ คนๆ นี้สมควรโดนนางสั่งสอนเสียที
จูหลีตกใจในรีบปิดปากนางเอาไว้ รีบพูดว่า “เสียงเบาหน่อย อย่าให้นายหญิงได้ยินเป็นอันขาด”
ชิงหลวนดึงมือของนางออก มองไปด้านในเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความโกรธอยู่แต่น้ำเสียงก็เบาลง ถามด้วยน้ำเสียงดุแต่มีเพียงสองคนจะได้ยินเท่านั้นว่า “เป็นผู้ใดกัน เจ้าบอกข้ามา ข้าจะไปถามเขาให้ ว่าเหตุใดจึงไม่ยอม”
หลายวันมานี้ ใจของจูหลีเองก็วุ่นวายยิ่งนัก โชคดีที่มีคนช่วยนางคิด นางจึงรีบพูดออกไปโดยมไม่ลังเลว่า “กัวเฟย!”
ชิงหลวนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดุนางว่า “ข้าถามว่าเจ้าชอบพอผู้ใด เจ้าพูดถึงกัวเฟยทำ…” พูดถึงตรงนี้ นางก็คิดได้ เบิกตาโพลง ถามอย่างไม่เชื่อว่า “เจ้าจะบอกว่าคนที่เจ้าชอบใจคือกัวเฟย?”
จูหลีพยักหน้า
ชิงหลวนตกใจยิ่งกว่าเดิม ถามอย่างตะหนกว่า “ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“ตั้งแต่ก่อนไปหลินเฉิงเขาก็ดีกับข้าเหลือเกิน ตอนแรกข้าไม่ได้สนใจเขา จากนั้นก็ค่อยเป็นค่อยไป รู้ตัวอีกทีเขาก็เข้ามาอยู่ในหัวใจของข้าเสียแล้ว”
ชิงหลวนเบิกตาโพลง เจ้าตัวดี หลายปีมานี้ นางและจูหลีตัวติดกันตลอดเวลา แต่กลับไม่รู้เลยว่านางผิดปกติไป จ้องมองใบหน้าแดงก่ำของจูหลี ครู่ใหญ่จึงได้พูดว่า “อย่างนั้นจะรออะไรอีก ใช้โอกาสนี้ ให้นายหญิงไปคุยเรื่องออกเรือนให้เจ้าเลยสิ”
สีหน้าของจูหลีหม่นหมองลงไป น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง “ที่จริงพวกเราตกลงกันแล้ว ว่ารอให้นายหญิงเป็นฝั่งฝาเสียก่อน ก็จะมาสู่ขอข้า แต่ว่าตั้งแต่ที่เขาเสียแขนไปข้างหนึ่ง เขาก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ข้าเร่งรัดเขาหลายที แต่เขากลับพูดว่าเขาไม่คู่ควรกับข้า ให้ข้าไปหาคนใหม่ที่คู่ควร ข้า…”
“ข้าจะไปหาเขา!” ชิงหลวนโกธเหลือเกิน สาวเท้าก้าวยาวเดินไปด้านนอก
จูหลีรั้งนางเอาไว้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขอร้อง “เจ้าอย่าไปเลย ข้าไม่อยากบังคับเขา”
“แต่หากเขาไม่มา นายหญิงก็จะหาคู่ให้เจ้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าจะทำเช่นไร” ชิงหลวนถามอย่างร้อนรน
จูหลีถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “วันก่อนข้าคิดได้แล้ว หากนายหญิงจะบังคับหาคู่ให้ข้า ข้าก็จะยอมรับก็เท่านั้นเอง”
“เจ้า…” ชิงหลวนโกรธจนจะทนไม่ไหว ใช้นิ้วจิ้มไปที่หัวของนางหลายที ดุนางอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “ในหัวของเจ้ามีแต่ขี้เลื่อยหรืออย่างไร ต่อให้เจ้าแต่งงานกับผู้อื่น แล้วในใจของเจ้าจะมีความสุขหรือ แล้วจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร”
เนื่องจากความโกรธ เสียงของนางดังขึ้นเล็กน้อย ได้ยินไปถึงในห้อง จึงตะโกนถามว่า “ชิงหลวน เจ้าเสียงดังอะไรอยู่ด้านนอกนั่นน่ะ”
ชิงหลวนตอบทันทีว่า “เอ่อ นายหญิง ชิงหลวนอยากจะขอลาหยุดเจ้าค่ะ ข้าอยากกลับไปหนานเฉิงเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวมีความสงสัย “พวกเราเพิ่งกลับมาจากหนานเฉิงมิใช่หรือ เจ้าจะกลับไปอีกด้วยเหตุใดกัน”
ชิงหลวนโกหกไปว่า “ข้าซุ่มซ่ามไปหน่อย ลืมของเอาไว้ที่หนานเฉิงเจ้าค่ะ อยากจะกลับไปเอาเสียหน่อย”
ในห้องไม่มีเสียงตอบรับ ใจของชิงหลวนเต้นแรง
ครู่หนึ่งเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวจึงได้ดังออกมาจากในห้อง “รีบไปรีบกลับ ให้จูหลีดูแลอยู่ที่นี่ ข้าจะพักผ่อน อย่าให้ใครเข้ามาในนี้ได้”
ชิงหลวนตอบรับ จูหลีลังเลเล็กน้อย
เมื่อไม่ได้ยินเสียงของจูหลี เมิ่งเชี่ยนโยวจึงสงสัย และพูดว่า “จูหลีไม่อยู่หรือ”
“ข้าน้อยอยู่เจ้าค่ะ นายหญิงพักผ่อนเถิด ข้าน้อยจะดูแลอยู่หน้าประตูนี่เอง” จูหลีรีบตอบรับ
เมื่อได้รับการอนุญาตจากเมิ่งเชี่ยนโยว ชิงหลวนก็รีบเดินออกจากเรือนไป จูหลีมองนาง ในใจรีบร้อนเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร
ในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวปิกปากตัวเอง หัวเราะออกมาด้วยความดีใจ ดวงตาคู่สวยของนางมีประกายของความชนะออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นดังนั้น จึงได้ลูบหัวนางอย่างเอ็นดู พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไปพักผ่อนเถิด ในหนึ่งชั่วยามชิงหลวนก็คงกลับมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าอย่างว่าง่าย นอนลงไปบนเตียง ยื่นสองมือให้หวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มพร้อมส่ายหน้า ถอดเสื้อของตนออก นอนลงบนเตียงเช่นกัน ค่อยๆ โอบกอดนางไว้ในอกด้วยความระวัง
ขยับหาท่าที่นอนสบายในอกของเขา ไม่นาน เมิ่งเช่นโยวก็หลับสนิท
แต่หวงฝู่อี้เซวียนเบิกตาโพลง มองเพดานห้อง คิดถึงคำของหมอหลวงเจียงวันนี้ ไม่กล้าหลับตาลง
ชิงหลวนกลับมายังหนานเฉิง ตรงไปยังบ้านพักบ่าวรับใช้ เพื่อหาตัวกัวเฟย เมื่อเข้าประตูมาก็พบคนเดินออกมาพอดี เป็นเหวินซงเอง ที่กำลังจะออกไปด้านนอก
เมื่อเห็นนาง เหวินซงจึงผงะไป จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันที รีบเดินเข้าไปหานางทันที ถามอย่างดีใจว่า “ชิงหลวน เจ้ามาหาข้าอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเห็นเขา ชิงหลวนเองก็ผงะไป จากนั้นก็พยักหน้า “ข้ามาหากัวเฟย”
สีหน้าของเหวินซงเผยความผิดหวังออกมา แต่ก็ยังคงถามด้วยรอยยิ้มว่า “จะให้ข้าเรียกตัวเขาออกมาหรือไม่”
เมื่อก่อน จะเข้าไปในที่พักของบ่าวรับใช้แต่ละที ชิงหลวนจะเข้าไปด้วยท่าทีนักเลง ไม่เคยมีพิธีรีตรองอะไร เมื่อเห็นแววต่อรอคอยของหนุ่มน้อยตรงหน้า นางจึงพนักหน้าตอบรับอย่างไม่รู้ตัว “รบกวนเจ้าด้วย”
เหวินซงโบกมือ “ไม่รบกวนหรอก ไม่รบกวน เจ้ารอตรงนี้ ข้าจะรีบกลับมา”
พูดจบ ก็หันหลังกลับ รีบเดินเข้าไปในห้องบ่าวรับใช้ เรียกตัวกัวเฟยออกมา
ทั้งสองเดินมาหาชิงหลวน
ชิงหลวนพยักหน้าให้เหวินซง พูดว่า “รบกวนเจ้าด้วย ข้าและสหายกัวเฟยมีเรื่องต้องคุยกัน เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่”
รอยยิ้มของเหวินซงค้างชะงัก มองทั้งสอง พูดว่า “ได้สิ ข้าเองก็มีธุระต้องไปทำพอดี พวกเจ้าคุยกันเถิด”
พูดจบ ก็หันหลังเดินออกไป
ชิงหลวนพูดกับกัวเฟยด้วยเสียงต่ำ “ตามข้ามา”
พูดจบ ก็เดินออกจากห้องพักคนงาน ไปยังหลังจวน กัวเฟยเดินตามออกไปอย่างงุนงง
หลังจวนไม่มีคน หาที่โล่ง จากนั้นชิงหลวนก็หยุดเดิน หันหลังพูดว่า “จูหลีบอกข้าเรื่องของเจ้ากับนางแล้ว ข้าอยากถามเจ้า ว่าเหตุใดจึงไม่ไปสู่ขอนาง”
กัวเฟยผงะไป เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา “ข้าไม่คู่ควรกับนาง”
“อย่างนั้นตอนแรกเจ้าไปทำให้นางวุ่นวายทำไม” ชิงหลวนพูดด้วยวามโมโห “ทำให้นางรู้สึกแต่ไม่ยอมไปขอนาง ข้าดูเจ้าผิดไปจริงๆ”
“ข้า…” กัวเฟยอยากจะอธิบาย
ชิงหลวนไม่ให้โอกาสเขา พูดต่อว่า “ข้าบอกอะไรเจ้าให้ หลายวันก่อนนายหญิงมีคำสั่งมา ว่าให้พวกเราไปหาคนที่เหมาะสมมาแต่งงานด้วย มิเช่นนั้นท่านจะหาให้เอง วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เจ้าคิดเองแล้วกัน หากเจ้าไม่อยากเสียใจ วันพรุ่งนี้ก็รีบไปสู่ขอนาง มิเช่นนั้นรอวันที่นายหญิงหาคู่ให้จูหลีแล้วเจ้าก็เตรียมตัวเสียใจไปทั้งชีวิตได้เลย”
พูดจบ ไม่รอให้กัวเฟยตอบ ก็เดินกลับเข้าไปด้วยความโกรธ
แต่กัวเฟยกลับทรุดลงด้วยความเจ็บปวดอยู่ด้านหลัง นานแสนนานก็ไม่ได้ลุกขึ้นมา
หลังจากเหวินซงทำธุระเสร็จ ก็รออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ เมื่อเห็นชิงหลวนเดินเข้ามา ก็รีบตามออกไป
ชิงหลวนผงะไป จากนั้นก็ถามว่า “มีอะไรหรือ”
เหวินซงกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ถามอย่างเกร็งๆ ว่า “เจ้า…”
ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ชิงหลวนมองเขาด้วยความแปลกใจ
เหวินซงก็ยิ่งตื่นเต้น ปากไม่เป็นดั่งใจ ถามอย่างตะกุกตะกักว่า “เรื่องงานแต่งของข้ากับเจ้า เจ้ามีที่ใดไม่พอใจหรือไม่”
ชิงหลวนแปลกใจยิ่งกว่าเดิม ขมวดคิ้วลง ถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้”
“ข้า… ข้าเห็นเจ้า…พบข้า…แต่กลับ…ไม่ค่อย…ดีใจ” เหวินซงตอบอย่างติดๆ ขัดๆ