GGS:บทที่ 828 อุปการะ
“นี่พี่สาวของฉันของฉันกลายเป็นลูกบุญธรรมของผู้ว่าการหู่จริงๆงั้นหรอ” เฉิงเสี่ยวหยุนเองตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“น่าสนใจจริงๆ” เฉิงเสี่ยวฮงเองหัวเราะออกมาอย่างหนักก่อนที่จะหันไปมองพ่อของตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“………” ผู้นำตระกูลเฉิงในตอนนี้ถึงกับพูดไม่ออก หากมองจากสีหน้าแล้วก็ดูเหมือนว่าตัวเขาเองนั้นจะรับไม่ได้ขึ้นมาจนต้องนิ่งไป
เขาเองในตอนนี้ได้หวนนึกถึงคำพูดของตัวเองที่เคยพูดเอาไว้ว่า จ้าวหยวนสิถึงจะเรียกว่าตระกูลจ้าวที่แท้จริง
มันมีความต่างกันอย่างมากระหว่างจ้าวหยวนกับจ้าวฉือหลงและจ้าวฉือเฟิง ดูก็รู้ว่าใครคือผู้มีอำนาจในตระกูลจ้าวอย่างแท้จริง
หากแกได้แต่งงานกับจ้าวหยวนก็ไม่ต่างจากได้กลายเป็นนายหญิงแห่งตระกูลจ้าวไปโดยปริยายแล้ว ยังไงซะการแต่งกับจ้าวหยวนย่อมดีกว่าการคอยติดตามซูจิ้งต้อยๆเป็นไหนๆ นี่สิถึงจะเรียกว่าตัวเลือกที่ดี
แต่ในตอนนี้เฉิงหนานได้กลายเป็นลูกบุญธรรมของหู่ซิงหมิงไปแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่แม้แต่การได้แต่งกับจ้าวหยวนก็ยังนำมาเทียบไม่ได้
เขานั้นย่อมรู้ดีว่าตระกูลหู่นั้นมีอิทธิพลในจังหวัดนี้ขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังรู้ดีว่าซูจิ้งที่คอยยืนอยู่เคียงข้างเฉิงหนานในตอนนี้
ผู้ซึ่งพวกเขานั้นคิดมาตตลอดว่าเขานั้นเพียงแค่คนที่คอยเกาะขาตระกูลหวังเอาไว้ แต่ตัวซูจิ้งเองนั้นก็มีปูมหลังที่หาใครเทียบได้ยากยิ่ง เพียงสองอย่างนี้จ้าวหยวนไม่มีทางเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องที่ทำให้พวกเขาต้องขายหน้าอยู่อีก หู่ซิงหมิงเองได้พูดออกมาเฉิงหนานถูกขับไล่ออกจากตระกูลอย่างไม่ยุติธรรม นั่นก็หมายถึงว่าตระกูลเฉิงได้กลายเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหู่เรียบร้อยแล้ว
หัวหน้าตระกูลเฉิงในตอนนี้เองนั้นเขาก็ได้อยู่ในอารมณ์ที่ยากจะบรรยาย เขานั้นไม่ได้รู้สึกผิดต่อเฉิงหนานเลยแม้แต่น้อย
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองได้ตัดสินใจพลาดไป เขานั้นไม่ควรบังคับเฉิงหนาน
เขาในตอนนี้กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉิงหนานแล้วเขาต้องทำตัวยังไง
ไหนจะตระกูลเฉิงอีก เขานึกไม่ออกเลยว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เขาควรจะคลี่คลายปัญหานี้แบบไหนที่ดีที่สุด
“ไอ้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ออกไปวิ่งออกกำลังกายแล้วหมดสติจนมีคนมาพบแล้วช่วยไว้
พอคุยถูกชะตาแล้วตอบแทนด้วยการรับเป็นลูกบุญธรรมแบบนี้อ่ะนะ มีแต่ในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นแหล่ะ”
ซุนหยูเฮงในตอนนี้ถึงแม้ภายนอกยังดูสงบ แต่ภายในใจของเขานั้นพยายามวิเคราะห์เรื่องราว
เฉิงหนานคือคนของซูจิ้งแต่เธอก็ได้ถูกรับให้เป็นลูกบุญธรรมไปแล้ว
กับเขาที่เพียงเชิญหลินฉีหยูมาอวยพรวันเกิดได้ ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ได้เลยว่าใครจะมีโอกาสสร้างสัมพันธ์กับผู้ว่าการหู่มากกว่ากัน
เรื่องนี้นอกจากจะทำให้ตระกูลหลิว ตระกูลเกา และคนอื่นๆต่างก็รู้สึกอิจฉาริษยาไปเรียบร้อยแล้ว มีเพียงหวังซือหยาและเตียนจงยี่เท่านั้นที่ยิ้มร่าออกมา ช่างเป็นเรื่องประหลาดใจที่พวกเขาไม่มีทางคาดฝันเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาในที่สุดก็เข้าใจซักทีว่าทำไมซูจิ้งถึงกล้วที่จะเอาสมบัติของเขามาโชว์ในงานนี้โดยไม่เกรงกลัวอำนาจของหู่ซิงหมิงเลยแม้แต่น้อย ไม่กลัวแม้แต่เป็นการบั่นทอนสายสัมพันธ์ที่ยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ
นั่นก็เพราะว่าเทียบกับเรื่องของเฉิงหนานแล้ว จำเป็นต้องมีของขวัญอื่นใดด้วยอย่างนั้นหรอ
“อาจิ้ง ทำไมนายไม่บอกอะไรพวกฉันไว้เลยเนี่ย ทำเอาซะกังวลอยู่ตั้งนาน” หวังซือหยาได้หยิกซูจิ้งไปหนึ่งที
“ฮี่ฮี่ บอกก็ไม่แปลกใจกันน่ะสิ” ซูจิ้งยิ้มออกมา
“ไม่มีทางที่จะมีทหารอ่อนแอภายใต้ผู้นำที่เข้มแข็งจริงๆ ผมเองก็คิดไม่ออกเลยว่าผู้นำอย่างคุณซูจะไปได้ไกลถึงขนาดไหนในอนาคต”
เตียนจงยี่อดไม่ได้ที่จะพูดคำนี้ออกมา ในที่สุดความกังวลในใจของเขาก็ได้หายไปจนหมดสักที
“ผมเองก็อยากได้ผู้จัดการดีๆแบบนั้นเหมือนกันน้า…” ถังฮ่าวได้พูดความในใจของเขาออกมาด้วยรอยยิ้ม
ชายอ้วนวัยกลางคนที่อยู่ถัดจากเตียนจงยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“ผมเองก็อิจฉาคุณซูเช่นกัน ก่อนหน้านี้ผมเองก็ยังกังวลเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างเตียนจงยี่และคุณซูไม่น้อยเลย แต่พอรู้ว่าคุณซูเองก็มีไพ่ลับอย่างนี้อยู่ในมือ ผมเองก็ได้รู้แล้วว่ากังวลจนเกินไปตอนนี้ผมวางใจได้แล้วล่ะ”
ไม่นานนัก ณ บริเวณพื้นที่ตระกูลหู่ ซูจิ้ง หวังซือหยา และเตียนจองยี่ได้นั่งพูดคุยอยู่กับหู่ซิงหมิงและเฉิงหนานอย่างสนุกสนาน อย่างที่คาดไว้เรื่องการรับบุตรบุญธรรมนี้ไม่ว่าของขวัญชิ้นไหนก็ไม่มีสิ่งใดเทียบได้
แต่ในวงสนทนานี้เฉิงหนานนั้นรู้สึกอารมณ์เสียมากกว่าใครๆ ต่อให้จะมีใครเสียดาย เสียใจ อิจฉา และริษยาแค่ไหน แต่กับเธอแล้วด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เอาจริงๆเธอเองก็ยังทำตัวไม่ถูกแม้แต่น้อย
กับไอ้สถานการณ์การไปเผอิญได้ช่วยหู่ซิงหมิงเอาไว้โดยบังเอิญจนได้กลายเป็นเพื่อคู่คิดตั้งแต่แรกเห็น เรื่องแบบนี้จะไปมีบนโลกแห่งความจริงได้ยังไงกัน หากไม่ได้เจอกับตัวเองล่ะก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเป็นยังไง
เวลาผ่านไปจนงานเลี้ยงสิ้นสุดลง หลายคนเองก็ยังคงพูดคุยกันอยู่
ซูจิ้ง เฉิงหนาน หวังซือหยา และเตียนจงยี่ได้เดินออกไปจากงาน ในระหว่างนี้มีแขกในงานมากมายได้พยายามแนะนำตัวพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ แน่นอนว่ารวมถึงตระกูลลู่และตระกูลเกาด้วย
สำหรับตระกูลเฉิงและตระกูลหวู่นั้นในตอนนี้ไม่มีหน้าจะมาเสนอต่อเฉิงหนานแม้แต่น้อย พวกเขาต่างก็รู้สึกอึดอัดอย่างมากจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยทีเดียว
“แป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันขอไปห้องน้ำหน่อย” ซูจิ้งพูดพร้อมกับวิ่งแยกออกมาจากหวังซือหยาและเฉิงหนาน
อย่างไรก็ตามแทนที่เขาจะวิ่งไปทางห้องน้ำเขากลับเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ที่นั่นมีชายแก่คนหนึ่งรอคอยเขาอยู่ คนๆนั้นก็คือหู่ซิงหมิง
“นายท่าน” หู่ซิงหมิงคุกเข่าลงเมื่อเขาได้เห็นซูจิ้ง
“ดี แต่ไม่ต้องมากพิธีไปแบบนี้อีก ในอนาคตเรียกฉันแค่คุณซูหรือไม่ก็หนุ่มน้อยก็พอ และต่อหน้าธารกำนัลอย่างคืนนี้พวกเรานั้นจะไม่รู้จักกันดีขนาดนี้” ซูจิ้งพูดออกมา
“ได้ครับ” หู่ซิงหมิงพยักหน้ารับแต่โดยดี
หากมีใครมาเห็นฉากนี้เข้าอย่างเช่นซุนหยูเฮง หวู่ฉิงติง เฉิงเสี่ยวฮง หรือไม่ว่าใครก็ตาม
คนพวกนั้นสมควรจะอ้าปากกว้างจนแตะยอดอกได้อย่างแน่นอน เพราะเรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าการรับเฉิงหนานเป็นบุตรธรรมเป็นไหนๆ
ใช่แล้ว หู่ซิงหมิงคนนี้คือหนึ่งในสิบคนที่ถูกยิงโดยสแตนด์ของเจียฉือหลง
ไม่ว่าจะเป็นการให้ของขวัญ หรือใช้เฉิงหนานในการผูกสัมพันธ์ ทุกอย่างล้วนแล้วไม่มีความจะเป็นแต่อย่างใด
นั่นก็เพราะโดยไม่มีใครรู้หู่ซิงหมิงได้กลายเป็นทาสของซูจิ้งตั้งนานแล้ว เขามีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปผูกสัมพันธ์อีกกัน
การที่วันนี้หู่ซิงหมิงนั้นไม่ยอมรับของขวัญจากซูจิ้งนั้น มันก็แค่เรื่องที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของหู่ซิงหมิงและเพื่อโฆษณาสินค้าของเขาแค่นั้นเอง
แต่สิ่งที่อาจจะคอยกวนใจเขาในตอนนี้มากที่สุดก็คือเรื่องของเฉิงหนาน เขานั้นไม่ได้กลัวว่าคนตระกูลหู่จะไม่ยอมรับเฉิงหนานแต่อย่างใด แต่เขากลัวว่าตระกูลเฉิงจะเล่นตุกติกซะมากกว่า
นั่นก็เพราะว่าการที่มีตระกูลอื่นมารับคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลของพวกเขาไปแบบนี้จะทำให้พวกคนที่มีแนวคิดเรื่องตระกูลแบบหัวโบราณจะถือว่าเสียหน้าอย่างมาก
อาจจะถึงขั้นออกมาคัดค้านการรับเฉิงหนานเข้าตระกูลหู่เลยก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องแบบนี้ยังถือได้ว่าทำให้ประวัติตระกูลต้องเสื่อมเสียเพราะเรื่องนี้ยังไงซะก็ได้ประกาศออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตามซูจิ้งก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะด้วยความสามารถของเขา บวกกับผู้มีอำนาจที่ถูกควบคุมเอาไว้ทั้งสิบคน มีอะไรที่เขาต้องกลัวอีกกัน
ดีไม่ดีเพราะเรื่องที่คนพวกนั้นก่อเอาไว้มันน่ารังเกียจมากซะจนบางทีเขาเองอาจจะไม่ต้องทำอะไรก็มีคนออกตัวแทนเขาเองไปก่อนเสียด้วยซ้ำ
ซูจิ้งได้สั่งการหู่ซิงหมิงไปอีกสองสามอย่างก่อนที่จะจากมา เพราะตอนนี้เขายังไม่มีเรื่องอะไรที่ให้หู่ซิงหมิงต้องทำมากนัก
เมื่อเขากับมาก็ได้เห็นเฉิงหนาน หวังซือหยา ยืนคุยกันอยู่กับเตียนจงยี่เพื่อรอเขาเพราะพวกเขานั้นคิดว่าซูจิ้งไปแค่ห้องน้ำจริงๆ
หลังจากพูดคุยกันแล้วหวังซือหยาและเตียนจงยี่นั้นได้แยกกันไปเพราะขับรถของตัวเองมากัน เหลือเพียงเฉิงหนานและซูจิ้งเท่านั้นที่ยังอยู่คุยต่อ
เฉิงหนานได้แสดงท่าทางที่ยากจะอธิบายออกมา ซูจิ้งเห็นดังนั้นจึงได้พูดกับเฉิงหนานออกมาว่า “ถ้ามีอะไรอยากจะถามก็ถามมาได้เลย”
“คุณกับผู้ว่าการหู่มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่” เฉิงหนานถามออกมาอย่างตรงประเด็น
“คนของฉัน” ซูจิ้งสามารถอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ได้โดยใช้คำอธิบายเพียงสามคำเท่านั้น
เฉิงหนานเองก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันทีและเธอก็ได้พยักหน้ารับ นั่นก็เพราะว่าการที่จะทำให้คนอย่างผู้ว่าการหู่ยอมเล่นละครใหญ่โตขนาดนี้ได้จำเป็นที่จะมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเลย
แต่เธอเองก็นึกไม่ออกจริงว่าซูจิ้งกับผู้ว่าการหู่นั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ เพราะต่อให้สนิทกันยังไงก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างแน่นอน
ความจริงนั้นเธอก็ได้คิดเรื่องแนวๆนี้ไว้เหมือนกันแต่ด้วยการที่มีกฎเข้มงวดเรื่องการคบค้าสมาคมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและตระกูลต่างๆ
และดูเหมือนผู้ว่าการหู่เองก็ไม่ได้รู้จักหวังซือหยาดีแต่อย่างใดนั่นทำให้เธอไม่คิดถึงเรื่องนี้
“ขอบคุณนะ” เฉิงหนานในตอนนี้ไม่รู้จะพูดคำไหนออกมาได้เพราะว่าในตอนนี้ใจเธอมีแต่คำนี้ๆ
“เรื่องง่ายๆน่า แล้วก็ถ้าคุณพี่สาวแสนสวยมีอะไรติดขัดแม้แต่น้อยก็บอกฉันได้เสมอเลยนะ” ซูจิ้งพูดเสร็จแล้วเขาก็ได้ขับรถออกมา เฉิงหนานเองก็ได้จ้องมองซูจิ้งจนลับสายตา ตอนนี้เธอได้ยิ้มหวานออกมาอย่างมากพร้อมพูดออกมาลอยๆว่า “ถึงจะยังหนุ่มแต่ก็เป็นที่พึ่งพาได้จริงๆสินะ”