บทที่ 1971 – เมืองต้าฉาง ตระกูลโซว่ พระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ภายใต้ความช่วยเหลือจากชิงสุ่ย จักรพรรดินีผีดูดเลือดพัฒนาเข้าสู่ขั้นปลายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 น่าจะทำให้เธอมีพลังต่อสู้ติด 3 อันดับแรกของตระกูลชิง
  ช่วงเวลา 1 สัปดาห์เต็มไปด้วยความสุข ชิงสุ่ยใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่กับจักรพรรดินีผีดูดเลือดและลูกสาวของเขา จนกระทั่งถึงวันที่ชิงสุ่ยจากไป
  ย่างก้าว 9 เทวา!!
  ธงสวรรค์ปัญจธาตุ!!
  ชิงสุ่ยใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุกำหนดที่หมายณจุดล่าสุด เมื่อเปรียบเทียบจากแผนที่มหาทวีปอุดรเทวะกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว สถานที่ที่เขายืนอยู่เรียกว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของส่วนลึกที่สุดของมหาทวีปอุดรเทวา แต่จะให้เรียกได้เต็มปากคงจะเรียกได้ว่ามันคือบริเวณชายแดน  ชิงสุ่ยปรากฏตัวเหนือท้องฟ้า ค่อยๆบินทะยานลงสู่ถนนอันแสนกว้างขวางเบื้องล่าง ในถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย จึงทำให้การปรากฏตัวของเขาไม่เป็นที่สังเกต
  ถนนเส้นนี้กว้างใหญ่ยิ่งกว่าที่ไหนๆที่ชิงสุ่ยเคยเห็น ยิ่งไปกว่านั้น พลังปราณที่กระจายอยู่บนอากาศก็แน่นไม่ต่างอะไรจากมหาสมุทรสวรรค์เลย ที่แห่งนี้ผู้คนพลุกพล่านยิ่งกว่าเมืองหลินห่าย บรรดาอาคาร ตึกรามบ้านช่อง ล้วนมีขนาดใหญ่ ไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นเหมือนบ้านธรรมดา แต่เป็นเหมือนห้องโถงหรือไม่ก็วิหารต่างๆ
  ทุกอย่างบนท้องถนนถูกสร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด มันเป็นหินที่ทนทานแม้กระทั่งการโจมตีจากดาบกระบี่ก็ไม่อาจทำอะไรพวกมันได้ พาหนะสัตว์อสูรมากมายกูวิ่งบนท้องถนนกันอย่างรวดเร็ว
  ถนนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนแต่ไม่แออัด ร้านค้าเรียงรายอยู่ด้านข้างขอบถนน เมื่อชิงสุ่ยประเมินบรรดาผู้คนที่เดินตามท้องถนนเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นคนมีความสามารถ แม้แต่ชาวบ้านเองก็แข็งแกร่ง เพียงแต่ส่วนใหญ่จะมีพลังที่ยังไม่บรรลุระดับเทวะเซียนเทียน
  ชิงสุ่ยรู้สึกดีทุกครั้งที่เดินอยู่ในสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก เขาจึงเลือกที่จะเดินตามฝูงชนไปเรื่อยๆขณะที่เขาครุ่นคิด
  “แม่สาวน้อย เจ้าคิดว่าเจ้าจะเดินหนีไปง่ายๆหลังจากที่เจ้าทำร้ายคนของนายน้อยโซว่อย่างนั้นหรือ?”เสียงตะโกนดังขึ้น
  ชิงสุ่ยขมวดคิ้วเป็นเสี้ยววินาที เสียงตะโกนดังมาจากที่ไหนสักแห่งด้านหน้าของเขา อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วม แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เรื่องเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแทบทุกวัน จนกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าใส่ใจ
  “เจ้ากล้าดียังไง ถ้าหากพวกเจ้ากล้าแตะตัวพวกเรา พระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”เสียงหญิงสาวโต้เถียงกลับมา  “ฮ่าฮ่า กล้าดียังไง? นายน้อยโซว่ของพวกเราไม่เคยเกรงกลัวใคร เจ้าคิดว่าข้าโง่ไม่รู้เลยว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ามาจากพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา คนอื่นอาจจะกลัวพวกเจ้า แต่พวกเรา ตระกูลโซว่ หาได้เกรงกลัวไม่ ข้าอยากจะแตะตัวเจ้าเหลือเกิน มาดูกันว่าพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาจะทำอะไรได้บ้าง!!”เสียงตะโกนอันน่าวิงเวียนยังคงดังโต้เถียงกับ
  ชิงสุ่ยเคยได้ยินชื่อ พระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา หรือว่ามันจะเป็นที่แห่งเดียวกับที่หลวนหลวนอยู่ แต่บางทีมันอาจจะเป็นชื่อที่บังเอิญคล้ายกัน?
  เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว ชิงสุ่ยก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้า และเห็นหญิงสาวสองคนถูกล้อมไปด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง
  ทั้งคู่ยังเป็นเพียงแค่เด็กเยาว์วัย ที่สวมเครื่องแต่งกายชุดคลุมยาวสีหยกเขียว พวกเธอนั้นมีรูปลักษณ์ที่งดงาม ร่างกายบ่งบอกถึงความงามอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม พวกเธอเองก็ยังจ้องมองไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ด้านข้างด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
  ชิงสุ่ยมองเห็นชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีขาวกำลังถือพัดอยู่ในมือ เขามีริมฝีปากสีแดง และฟันที่ขาวใส แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสบประมาท
  เพียงแค่เห็นก็พอจะประเมินความสามารถของชายหนุ่มคนนี้ได้ทันทีว่า เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ และเหลืออีกเพียงแค่ 1 ก้าวก็จะขึ้นสู่ระดับปราณจักรพรรดิ
  “ไปจับตัว หญิงสาวสองคนที่มันดูถูกตระกูลโซว่”ชายหนุ่มออกคำสั่ง
  ผู้ชายนับ 10 คนที่อยู่ด้านข้างรีบวิ่งตรงเข้าหาหญิงสาวทั้งสองคนด้วยศาสตราอาวุธครบมือ
  ชิงสุ่ยยังไม่คิดทำอะไรบูมบาม และหญิงสาวทั้งสองเองก็หยิบกระบี่ประจำตัวเพื่อป้องกันการโจมตีจากชายฉกรรจ์  และแน่นอนว่าหญิงสาวทั้งสองคนนี้ย่อมต้องอ่อนแอกว่าเหล่าชายฉกรรจ์ พวกเธอพยายามสังหารศัตรู แต่ศัตรูเองก็มีจำนวนมากจนเหมือนว่าพวกเธอสู้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
  “ยอมแพ้ซะ นังแพศยา พวกเจ้าไม่เพียงแต่ทุบตีคนของข้า พวกเจ้ายังฆ่าคนของข้า เจ้าไม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเองหรือไง”ชายหนุ่มพุ่งทะยานเข้าหาหญิงสาวทั้งสองคน และใช้พัดในมือทุบตีหนึ่งในหญิงสาวผู้โชคร้าย
  สกัดจุด!!
  ดวงตาของชิงสุ่ยส่องประกาย ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้เองก็จะรู้จักวิธีการสกัดจุดและอย่างเชี่ยวชาญมันอีกด้วย
  ปังง!!
  หญิงสาวคนนั้นเดินโซซัดโซเซถอยหลัง ก่อนจะล้มลงกับพื้นกลายเป็นคนไร้เรี่ยวแรง
  หญิงสาวอีกคนนึงตกใจอย่างมาก เธอจดจ่อไปที่ชายหนุ่มและพยายามชี้กระบี่ไปที่อกของชายหนุ่มเพื่อป้องกันตัว
  “อ่อนแอยิ่งนัก พวกเจ้าที่อ่อนแอไม่มีทางรุกรานตระกูลโซว่ ได้หรอก หายไปซะ”
  ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะใช้พัดในมือทุบตีหญิงสาวโดยตรง
  ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกธอไม่มีทางทนการโจมตีได้อีกต่อไป ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรเลย พวกเธอจะต้องถูกชายหนุ่มจับตัวไปแน่ ซึ่งเมื่อเขามองดูจากสายตาชายหนุ่ม พวกเธอจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องน่าเศร้าอย่างปฏิเสธไม่ได้
  ชิงสุ่ยส่ายหน้าก่อนจะกลายเป็นภาพกระพริบไปปรากฏตัวอยู่ด้านข้างหญิงสาว และจับพัดในมือชายหนุ่ม การเคลื่อนไหวของพัดเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน และแทบจะไร้พลังไม่ต่างอะไรจากการโจมตีของเด็กทารก
  ชายหนุ่มตื่นตระหนกอย่างหนักเมื่อเห็นยอดยุทธผู้ทรงพลังปรากฏกาย เขาพยายามดึงพัดกลับสุดแรง แต่มันเหมือนว่าพัดของเขาเข้าไปติดอยู่ในซอกหิน  “วันนี้ข้ายังไม่อยากฆ่าใคร สาวน้อยทั้งสองคนคือสหายของข้า ข้าหวังว่าเหตุการณ์เลวร้ายจะไม่เกิดขึ้น เจ้าจงไปซะ”ชิงสุ่ยบีบพัดในมือให้สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
  ใบหน้าของชายหนุ่มเผือด เขารู้แล้วว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับตัวตนที่ทรงพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าเขา มีเพียงยอดยุทธระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะบีบพัดของเก่าให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ และชายที่อยู่ตรงหน้านอกจากจะเป็นยอดยุทธระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขายังดูเด็กมากอีกด้วย
  “ไป กลับ”ชายหนุ่มรีบพาคนของเขาหนีจากไปทันที อีกไม่กี่วินาทีต่อมา “เจ้าชื่ออะไร สหายรึ? ข้าไม่เห็นจะจำได้เลยว่าในเมืองต้าฉาง จะมีคนที่แข็งแกร่งเช่นเจ้าอยู่”
  ชิงสุ่ยยิ้มและสายหน้า “เจ้าจะไปพบเจอยอดยุทธที่แข็งแกร่งได้อย่างไร ในเมื่อตัวเจ้าเองยังไม่บรรลุปราณจักรพรรดิ?”
  ชิงสุ่ยหันหลังกลับไปคลายจุดให้กับหญิงสาวทั้งสองคน ทักษะการสกัดจุดของชายหนุ่มถือว่าเป็นทักษะที่โดดเด่นมากที่สุดในเมืองต้าฉาง แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังเจอคนที่แข็งแกร่งกว่า และแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้อาวุโสในตระกูลของเขาเสียอีก
  “ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพวกเรา”
  “ไปเถิด เราค่อยคุยกันทีหลัง”
  หญิงสาวทั้งสองคนออกจากพื้นที่แห่งนี้พร้อมกับชิงสุ่ยอย่างไม่ลังเล ชิงสุ่ยไม่เกรงกลัวข่าวรั่ว เพราะเขารู้ดีว่านายน้อยโซ่วจะต้องแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับผู้นำตระกูลโซ่วได้รับทราบ การปรากฏตัวของเขาอย่างฉับพลันมันต้องสร้างคลื่นการดึงดูดสายตาจากผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย
  “พวกเจ้ามาจากพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยนำทางหญิงสาวทั้งสองคนเข้าไปในภัตตาคารและนั่งลงที่โต๊ะใกล้หน้าต่าง
  “ใช่แล้วค่ะ ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาด้วยอย่างนั้นหรือ?”หญิงสาวทั้งสองคนกล่าวตอบ เสื้อผ้าของพวกนางค่อนข้างเปิดเผยบริเวณเนินหน้าอก มันทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาจดจ่อสายตามาที่หน้าอกของพวกเธอก่อน
  “ในตอนแรก ข้าเองก็ไม่รู้จักหรอก แต่ถ้ามาที่นี่ก็เพราะลูกสาวของข้าบอกกับข้าว่าเธอคือรองเจ้าวัง และเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุด”ชิงสุ่ยกล่าวตอบ