ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 35 วิกฤติหนักของสำนักฝึกหลวง นางมาแล้ว!

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

“มีค่ายกลใหญ่แสงทองป้องกันเส้นทางแห่งจิตไว้ ก็ไม่มีเรื่องภายนอกจะมาส่งผลกระทบต่อการฝึกบำเพ็ญเพียรของฉูซูได้”

ผู้อาวุโสเหลียงกล่าวต่อ “ในทางกลับกัน ข้าต้องใช้ค่ายกลเพื่อสะกดเจตจำนงกระบี่ของซูหลี ครั้นแล้วหลังจากบดขยี้จนแหลกด้วยภูเขาจำนวนมากแล้ว ข้าจะส่งมันให้ฉูซูได้ทำความเข้าใจ!”

ได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสอีกสองคนก็รู้สึกโล่งอก คิดดูแล้วหากพวกเขาสามารถทำลายเจตจำนงกระบี่ของซูหลีและส่งให้ฉูซู บางทีฉูซูอาจจะออกมาสู่โลกได้เร็วขึ้นกว่าที่ประมุขพรรคคำนวณไว้ก่อนตายอีกหลายปี ถึงตอนนั้นพรรคฉางเซิงก็จะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง!

ในตอนที่พวกเขากำลังฝันถึงอนาคตอันสดใส ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

จดหมายบนโต๊ะเริ่มสั่นอย่างรุนแรง

จดหมายฉีกขาดเสียงดังแขวก แปรเปลี่ยนเป็นผีเสื้อกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

จดหมายของซูหลีจำเป็นต้องให้คนมาช่วยเปิดด้วยอย่างนั้นหรือ เจตจำนงกระบี่ที่เขาทิ้งไว้ราวกับเป็นของวิเศษจะต้องอาศัยการกระตุ้นด้วยหรือ

เขาอยากจะให้ผู้คนในพรรคฉางเซิงได้เห็นจดหมายนี้ เห็นกระบี่นี้ เช่นนั้นไม่ว่าจะมีใครเปิดจดหมายนี้หรือไม่ เขาก็ต้องให้อีกฝ่ายได้ยล!

เจตจำนงกระบี่พุ่งขึ้นมา ฟาดฟันลงอย่างเกรี้ยวกราดและรวดเร็ว!

เสียงคำรามโหยหวนของกระบี่ดังก้องไปทั่วถ้ำ คล้ายกับเสียงโหยหวนด้วยความทรมานที่กลายเป็นความเงียบงัน

เจตจำนงกระบี่ที่รุนแรงและรวดเร็วทำลายทุกอย่างที่สัมผัสต้อง

คือ กระบี่ของผู้อาวุโสทั้งสามที่มีการบำเพ็ญเพียรลึกล้ำ

ถ้ำพรรคฉางเซิงอันไม่เคยถูกทำลายนานนับหมื่นปี

พฤกษาเลื้อยเติบโตอยู่ลึกเข้าไปในคูหา

ชลใสหยดลงจากเถาวัลย์

สายลมไร้รูปอันเกิดจากการไหลของอากาศ

ในชั่วพริบตา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ถูกเจตจำนงกระบี่ตัดหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

หมอกโลหิตลอยขึ้นในอากาศ น่าสยดสยองแต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามจับจิต

กระบี่สามเล่มถูกหั่นเป็นสิบกว่าชิ้น

ร่างของผู้อาวุโสเหลียงเต็มไปด้วยรอยกระบี่นับสิบ นอนเค้เก้อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ครั้นเห็นเจตจำนงกระบี่พุ่งออกจากถ้ำ ใบหน้าซีดขาวของเขาก็เผยความประหลาดใจและสำนึกผิดอย่างไม่สิ้นสุด เขาที่เกือบสิ้นชีพรวบรวมกำลังที่เหลือและตะโกน “รีบปิดค่ายกลใหญ่!”

เมื่อผู้อาวุโสอีกสองคนได้ยินเสียงร้องนี้ก็ตระหนักได้ถึงปัญหา ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาไร้กำลังที่จะหยุดเจตจำนงกระบี่ไม่ให้บินขึ้นสู่ท้องฟ้า แขนของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเจตจำนงกระบี่ โลหิตอาบเอิบทั่วร่างไร้เรี่ยวแรงจะลุกยืน

เจตจำนงกระบี่กลายเป็นประกายแสงเจิดจ้างดงาม ลอยลงจากภูเขาอย่างรวดเร็ว ข้ามประตูของพรรคฉางเซิงพุ่งตรงไปยังธารภูเขาอันห้อมล้อมไปด้วยหมอกเมฆี

เสียงระเบิดที่น่ากลัวและดังกึกก้องไปทั่วทั้งเทือกเขา หลังคาแสงปกคลุมยอดเขาสิบกว่ายอดในรัศมีหลายร้อยลี้

นี้คือค่ายกลพิทักษ์พรรคของพรรคฉางเซิง

ไม่นานจากนั้น เสียงโลหะเสียดสีกันที่ชวนเสียวฟันจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดังขึ้นจากธารภูเขา ลำแสงสีทองจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมา ทะเลเมฆก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน

ลึกลงไปในธารภูเขามีเสียงร้องที่ยังไม่เติบใหญ่แต่เปี่ยมความเกลียดชัง

เสียงนั้นเฉกเสียงมนุษย์ ทว่าคล้ายเสียงวิหคเช่นกัน หรือแม้แต่กระทั่งเสียงเครื่องจักรบางชนิด

“ฉูซู! ฉูซู!”

เสียงหวีดหวิวของกระบี่ดังแหลมคมขึ้นอย่างฉับพลัน!

เสียงนั้นค่อยๆ จางลง กระทั่งเงียบงันไม่อาจได้ยิน

……

……

แม้จะเป็นเวลาดึกแล้วแต่ผู้คนมากมายก็ยังไม่ได้นอนหลับ

บ้างอาจเพราะกำลังตกหลุมรักบางคน บ้างก็อาจเป็นเพราะกำลังเกลียดชังบางคน บ้างก็เป็นเพราะกำลังคิดถึงบางคน และก็มีบางคนที่กำลังคิดถึงอาหารอร่อย

ก่อนเข้านอน เซวียนหยวนผ้อได้กินเป็นย่างถังจิ่งเป็นของว่างมื้อดึก ทว่าหลังจากนอนลงบนเตียงได้ไม่นานนักก็หิวขึ้นมาอีก คนเราจะนอนทั้งที่ยังหิวได้อย่างไรกัน

เขาเดินไปที่ครัวข้างทะเลสาบ ตั้งใจจะเอาปูดองที่ดองไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนมากิน

ระหว่างเดินไปที่ครัว ก็ตระหนักว่าไฟในเตาดับแล้ว เขาไม่สนใจหรือคิดจะจุดขึ้นมาใหม่ แม้ในความมืดยามวิกาล เขาก็สามารถเดินไปถึงจุดที่วางโหลดองไว้ได้อย่างแม่นยำ

ภายในโหลซึ่งดูธรรมดานั้นบรรจุไว้ด้วยปูดองที่ไม่ธรรมดา

เขาได้ใช้กุ้งมังกรครามที่มีมูลค่าสูงหาใดเปรียบแทนปู ดังนั้นจึงน่าจะเรียกว่ากุ้งมังกรดองมากกว่า

เขาคือหัวหน้าฝ่ายงานบ้านของสำนักฝึกหลวง ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อครัวหอเฉิงหู จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่เคยขาดของกิน แต่การกินของที่หรูหราจนเรียกได้ว่ากินล้างกินผลาญเช่นนี้ หากเฉินฉางเซิงและถังซานสือลิ่วรู้เข้าคงต้องมีเรื่องใหญ่เป็นแน่

ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ใครรู้เรื่องกุ้งมังกรดองเด็ดขาด เก็บซ่อนโหลดองเอาไว้อย่างดี

ยิ่งลักลอบกินเท่าไหร่ก็ยิ่งอร่อยมากขึ้นเท่านั้น

เซวียนหยวนผ้อไม่เข้าใจเรื่องราวมากมายในโลกนี้ แต่เขารู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน เมื่อเอื้อมมือออกไปหาโหลดอง แทบจะได้กลิ่นเค็มของกุ้งมังกรดองและความหอมหวานที่อยู่ในเนื้อ สัมผัสอันละเอียดอ่อนซึ่งค่อยๆ เคลือบลิ้นของเขา…

แต่ทว่า…มือของเขากลับสัมผัสได้แต่ความว่างเปล่า

โหลดองที่ควรอยู่ตรงนั้นกลับหายไป หายไปทั้งหมดเลย แน่นอนว่ากุ้งมังกรดองที่อยู่ในโหลก็ย่อมหายไปด้วยเช่นกัน

เซวียนหยวนผ้อโกรธเกรี้ยวเต็มหัวใจ ประกายสายฟ้าเรียวบางจำนวนมากผุดขึ้นบนนัยน์ตา ผมหยักศกยุ่งเหยิงของเขาเริ่มส่งเสียงปะทุขึ้นมา

โลกเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนจากความมืดมิดเป็นสว่างเจิดจ้า ปรากฏภาพของห้องครัวปรากฏชัดเจน

ไม่เพียงแค่โหลดอง หม้อ ชาม ตะเกียบ ไม้ฟืนแม้แต่เตาในครัวก็ยังถูกหั่นเป็นชิ้นๆ กองอยู่บนพื้น

มีเศษอาหารคราบมันกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นดูสกปรกเหลือจะกล่าว

เซวียนหยวนผ้อโกรธหนักกว่าเก่าแต่ก็ระมัดระวังขึ้นกว่าเดิม เกิดอะไรขึ้น ใครกันที่แสดงเจตจำนงกระบี่ที่น่าตื่นตระหนกเช่นนี้

ทั้งห้องเต็มไปด้วยสิ่งของที่ถูกตัดหั่นด้วยเจตจำนงกระบี่ มีเพียงกระบี่มหาสมุทรขุนเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่กลางกองไม้ฟืน

เซวียนหยวนผ้อคว้ากระบี่มหาสมุทรขุนเขา ตามรอยที่เหลืออยู่ไปเพื่อค้นหาเจตจำนงกระบี่ เขาตระหนักว่ามันอยู่ในเตาไฟ ติดอยู่กับขี้เถ้าสีสันต่างๆ อย่างอ่อนจาง

ขี้เถ้านี้ดูไม่เหมือนว่าจะเกิดจากการเผาไหม้ของไม้ฟืน แต่น่าจะเป็นกระดาษเสียมากกว่า

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้กระบี่มหาสมุทรขุนเขาสะกิดก้อนขี้เถ้าเบาๆ

ก้อนขี้เถ้าแตกกระจายในทันที

ความเย็นเยียบเกินจินตนาการห่อหุ้มห้องนี้เอาไว้โดยพลัน

ร่างกายของเซวียนหยวนผ้อแข็งทื่อ หายใจลำบาก หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง

ความเย็นและอันตรายนี้ไม่ได้ลอยขึ้นมาจากก้อนขี้เถ้าที่เพิ่งสลายไป หากแต่มาจากด้านหลังของเขา จากเบื้องหลังกำแพงสำนัก

เป็นความอึดอัดหนาวเย็นของมหาสมุทรที่ลึกที่สุด

คลื่นสีเขียวครามไร้สิ้นสุดคือมหาสมุทรแห่งความตาย

เซวียนหยวนผ้อเหงื่อตก ก่อนเหงื่อจะทันทำให้เสื้อเปียกชุ่ม ก็กลายเป็นน้ำแข็งไปด้วยความเยือกเย็นดุจความตาย

นักพรตหญิงชรามองสำนักฝึกหลวงในความมืดมิดพลางก้าวไปข้างหน้า

น้ำแข็งสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนกำแพง จากนั้นก็สลายกลายเป็นฝุ่นอย่างไร้เสียง

ภาพนี้เหมือนกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย

กำแพงสำนักพังทลายและที่อยู่ตรงหน้าของนางก็คือครัว จากนั้นห้องครัวก็พังทลายลงอย่างเงียบงัน

เซวียนหยวนผ้อถือกระบี่มหาสมุทรขุนเขายืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ร่างกายสั่นสะท้านไม่ยอมหยุด

นั่นเพราะเขาหวาดกลัวอย่างยิ่ง

แม้เขาจะกล้าหาญมาก ก็ยังหวาดกลัวอย่างยิ่ง

คนที่มามีความแข็งแกร่งเกินกว่าจะจินตนาการได้ ไอปราณอันเย็นเยียบแผ่สัมผัสปานจะดับสรรพชีวิตลง

ในบ้านเล็กข้างทะเลสาบ

เจ๋อซิ่วลืมตาขึ้น

เฉินฉางเซิงลืมตาขึ้น

ทั้งสองต่างก็สัมผัสได้และเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเหลือจะพรรณนา

……