ดูเหมือนซูจิ่นซีจะเข้าใจอันใดบางอย่าง
เกี่ยวกับเรื่องพิษในร่างกายขององค์หญิง แท้จริงแล้ว องค์ชายและองค์หญิงต่างทราบเรื่องนี้ดี ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์หญิงคิดว่าองค์ชายไม่รู้ความจริง คิดว่าเป็นเพียงโรคเก่า และองค์ชายมักแสร้งทำเป็นไม่รู้อันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์หญิง
“อ๊าก… ”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของบ่าวรับใช้และเสียงสิ่งของตกกระทบพื้นก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงอื่นๆ ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ซูจิ่นซีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และผลักประตูเข้าไป…
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำให้ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด และซากศพเปื้อนเลือด เวลานี้ ทั่วร่างกายและใบหน้าขององค์หญิงผู้งดงามก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเป็นอาการกำเริบของพิษกระชากวิญญาณ ผู้ที่ได้รับพิษจะดูดเลือดมนุษย์อย่างบ้าคลั่ง ศพที่อยู่บนพื้นเหล่านั้นก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือขององค์หญิง
นัยน์ตาขององค์หญิงกลายเป็นสีแดงฉาน ใบหน้าดุร้ายน่าสะพรึงกลัว ทันใดนั้น นางก็วิ่งเข้าหาซูจิ่นซี ซูจิ่นซีกำลังจะตอบโต้ อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าจังหวะเท้าของอวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างหลังจะเร็วกว่า เขารีบวิ่งมาอยู่เบื้องหน้าซูจิ่นซี และขัดขวางองค์หญิงโดยการสกัดจุดบนร่างของนาง
องค์ชายรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาประคองร่างขององค์หญิงที่กำลังจะล้มลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความทุกข์
เผ่าอวิ๋นหุนคนอื่นๆ ต่างช่วยประคององค์หญิงไปที่เตียง ซูจิ่นซีตรวจชีพจรให้องค์หญิงอีกครั้ง นางระบุว่าอาการขององค์หญิงเป็นการกำเริบของพิษกระชากวิญญาณอย่างแน่นอน
ทว่ามีบางอย่างที่ซูจิ่นซียังคงสงสัยและไม่แน่ใจ นางจึงเหลือบมองอวิ๋นจิ่น
อวิ๋นจิ่นเข้าใจเป็นอย่างดี เขาก้าวไปข้างหน้าและตรวจชีพจรให้องค์หญิง ทั้งยังตรวจดูอาการขององค์หญิงอย่างละเอียด ก่อนจะถามองค์ชายด้วยความประหลาดใจว่า “องค์หญิงไม่ใช่ชาวเผ่าอวิ๋นหุน ใช่หรือไม่? ”
องค์ชายไม่คิดว่าอวิ๋นจิ่นจะมองความจริงออก เขาประหลาดใจเล็กน้อย และพยักหน้า
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “องค์หญิงเป็นผู้ใดกันแน่? พิษกระชากวิญญาณในร่าง เกี่ยวข้องอันใดกับสถานะของนาง? ”
เดิมทีองค์ชายทรงลังเลเล็กน้อย ทว่าเมื่อมองไปยังใบหน้าซีดขาวขององค์หญิง เขาจึงรับสั่งให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากตำหนัก “แม่นางซู เกี่ยวกับสถานะของอาอินนั้น หากข้าบอกความจริงแล้ว ท่านจะรักษาอาการป่วยของอาอินได้หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่กล้ารับประกันทั้งหมด “แม้ร่างกายขององค์หญิงดูเหมือนไม่มีความผิดปกติอันใด นอกจากโรคเก่าที่เกิดจากพิษกระชากวิญญาณ ทว่าร่างกายของนางอ่อนแออย่างมาก พูดตามตรง ข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะรักษาอาการป่วยของนางให้หายขาด ทว่าข้ารับประกันชีวิตของนาง หากท่านไม่พูดอันใด ข้าคงช่วยนางไม่ได้”
องค์ชายเม้มริมฝีปาก และสั่งให้คนที่อยู่โดยรอบถอยออกไป ก่อนจะพูดทุกสิ่งอย่างตรงไปตรงมา
“ความจริงเป็นดั่งที่คุณชายพูดมาทั้งหมด องค์หญิงไม่ใช่ชาวเผ่าอวิ๋นหุนของข้า แต่เป็นองค์หญิงสามแห่งวังตงไห่ติงเทียน”
“องค์หญิงสามแห่งวังตงไห่ติงเทียนหรือ? ”
แม้จะดูลึกลับไปสักหน่อย ทว่าซูจิ่นซีรู้จักสถานที่แห่งนี้อยู่บ้าง
อวิ๋นจิ่นมีท่าทางผิดปกติเล็กน้อย “องค์หญิงสามแห่งวังตงไห่ติงเทียน มาอยู่ที่เขาเมฆาแห่งนี้ได้อย่างไร? ”
ต้องทราบว่า องค์หญิงสามแห่งวังตงไห่ติงเทียนเป็นเผ่าสวรรค์ คนของเผ่าสวรรค์ไม่อาจมีความสัมพันธ์กับคนนอกเผ่าได้ ไม่เช่นนั้น… ผลการฝึกตนจะเสียหาย แม้แต่ชีวิตก็ไม่อาจรักษาไว้
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เหตุใดคนของเผ่าสวรรค์จึงโจมตีเผ่าอวิ๋นหุน? ความจริงทั้งหมดไม่ได้เป็นดั่งที่พวกเจ้าพูด พวกเขาไม่ได้มาเพื่อแย่งชิงหินเซิ่งอวิ๋น ของล้ำค่าประจำเผ่าอวิ๋นหุน แต่มาเพื่อองค์หญิงสามแห่งตงไห่ติงเทียน ใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีพูดได้ตรงประเด็นภายในประโยคเดียว องค์ชายหลบสายตาของซูจิ่นซีด้วยความตื่นตระหนก “แม่นางซู ท่านคิดมากเกินไปแล้ว แม้อาอินจะเป็นองค์หญิงสามแห่งวังตงไห่ติงเทียนจริง ทว่าชีวิตของนางในโลกนี้ช่างน่าสงสาร ไร้ญาติขาดมิตร แม้นางจะตามข้ามาที่เขาเมฆา ทว่าไม่มีผู้ใดสนใจ เผ่าสวรรค์โจมตีเผ่าอวิ๋นหุนเพื่อหินเซิ่งอวิ๋นจริง ไม่เกี่ยวกับอาอินอย่างแน่นอน”
ซูจิ่นซียกยิ้มอย่างเย็นชา “องค์ชาย ในเมื่อท่านไม่ยอมเปิดเผยความจริง เช่นนั้นก็ไร้ประโยชน์ ข้าช่วยองค์หญิงไม่ได้ ต้องเสียมารยาทแล้ว! ”
พูดจบ ซูจิ่นซีก็เดินจากไป
ทันใดนั้น องค์ชายก็ยกมือขึ้น ‘ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง’ องครักษ์เผ่าอวิ๋นหุนหลายคนกรูเข้ามาในห้องโถงใหญ่ และล้อมซูจิ่นซีกับอวิ๋นจิ่นไว้ตรงกลาง
ใบหน้าขององค์ชายปรากฏความเย็นชาและบูดบึ้งเล็กน้อย “แม่นางซู ในเมื่อท่านตกลงจะรักษาอาอินแล้ว ครั้งนี้ท่านต้องช่วย ไม่ช่วยก็ต้องช่วย”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา โดยไม่หันกลับไป “ท่านคิดว่า อาศัยองครักษ์เพียงไม่กี่คน จะสามารถขัดขวางข้าทั้งสองได้หรือ?
ใบหน้าขององค์ชายเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เขาเดินไปหาองค์หญิงที่กำลังหลับใหลอย่างเชื่องช้า และทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง นิ้วเรียวยาวค่อยๆ เลื่อนผ่านพวงแก้มงดงามขององค์หญิง
“ขัดขวางไม่ได้แล้วอย่างไร? หากอาอินเป็นอันใดไป ข้าจะใช้ชีวิตของท่านทั้งสองและคนเผ่าอวิ๋นหุนทั้งหมด สังเวยให้แก่นาง อย่างไรเสีย… หากไม่มีนางแล้ว ในโลกนี้ ข้ามีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ความหมาย”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชาย ร่างที่เคร่งขรึมเย็นชาพลันปรากฏขึ้นมาในความคิดของซูจิ่นซี ทำให้หัวใจของนางปวดร้าว
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของนาง
ซูจิ่นซี ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเป็นอันใดไป!
ซูจิ่นซี หากไม่มีคำสั่งจากข้า ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเป็นอันใด?
ซูจิ่นซี หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าจะทำอย่างไร?
ซูจิ่นซีเดินซวนเซและหันหลังกลับมา นางมองไปยังคนทั้งสอง คนหนึ่งนอน คนหนึ่งนั่ง ช่างเหมือนนางกับเยี่ยโยวเหยาในตอนนั้น
เยี่ยโยวเหยา ตอนนี้เขากำลังทำอันใด?
ตั้งแต่วันที่สถานะเชื้อพระวงศ์แห่งต้าฉินของเขาถูกเปิดเผย และมู่หรงอวิ๋นไห่กักตัวนางไว้ที่วังหลวงแคว้นหนานหลี เพราะความบาดหมางระหว่างสกุลมู่หรงและราชวงศ์ต้าฉิน นางก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเยี่ยโยวเหยาอีกเลย
เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่พวกเขาจากกัน
เยี่ยโยวเหยา ท่านกำลังทำอันใดอยู่? ท่านเคยคิดถึงข้าบ้างหรือไม่?
ซูจิ่นซีทอดสายตามองไปทางทิศตะวันตกที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งเป็นที่ตั้งของแคว้นจงหนิง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทิศทางที่นางมองไปจะแม่นยำเพียงใด ทว่านางมองเห็นเพียงเมฆสีขาวและท้องฟ้าสีครามด้านนอกห้องโถงเท่านั้น ไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีก
หัวใจของนางพลันรู้สึกเจ็บปวด บางอย่างได้รับการตัดสินอยู่ภายในใจลึกๆ
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็หันหลังกลับมา และพูดกับองค์ชายว่า “องค์ชายเผ่าอวิ๋นหุน ข้าตกลงจะช่วยองค์หญิง ทว่าท่านต้องร่วมมือกับข้าอย่างไม่มีเงื่อนไข สิ่งที่ข้าต้องการทราบ ไม่เกี่ยวข้องกับความอยากรู้อยากเห็นของข้า ทว่าทั้งหมดเพียงเพื่อช่วยองค์หญิง ตกลงกันตามนี้ รีบตัดสินใจ ข้าต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพื่อไปยังโลกเขตแดน”
หลังจากพูดจบ ซูจิ่นซีก็หันหลังและนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง นางรินน้ำชาให้ตนเอง ทั้งยังรินชาอีกจอกส่งให้อวิ๋นจิ่น และเชิญอวิ๋นจิ่นมานั่งด้านข้าง
นางพูดกับองค์ชายว่า “ข้ามีเวลาหนึ่งก้านธูป รีบบอกที่มาขององค์หญิงให้ชัดเจน”
องค์ชายมองลึกเข้าไปในดวงตาของซูจิ่นซี นางมีท่าทางจริงจังและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธเลย
เดิมทีองค์ชายคิดจะปกปิดเรื่องราวบางอย่าง ทว่าเขากลับตัดสินใจบอกทุกอย่างให้ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นทราบ
“ถูกต้อง แท้จริงแล้ว เผ่าสวรรค์โจมตีเผ่าอวิ๋นหุนของข้าไม่ใช่เพื่อแย่งชิงหินเซิ่งอวิ๋น แต่มาเพื่ออาอิน”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้น องค์ชายก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ทว่าเรื่องที่โลกเขตแดนโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนของข้าเพื่อหินเซิ่งอวิ๋นนั้น ข้าไม่ได้โกหก”
“พูดต่อ” ซูจิ่นซีจิบชา