เล่มที่ 23 เล่มที่ 23 ตอนที่ 684 ไม่สามารถต้านทานความงดงามได้

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สายตาขององค์ชายทอดมองไกลออกไป แววตานั้นแสดงออกถึงความทรงจำที่มีความสุข “ข้าพบอาอินเมื่อพันปีก่อน ตอนนั้นข้ายังเยาว์วัย และได้ไปเยือนหมู่บ้านริมชายฝั่งวังตงไห่ติงเทียนพร้อมกับเสด็จพ่อ เพื่อค้นหาแสงแห่งเงามืดที่สามารถรักษาหินเซิ่งอวิ๋น

แม้วันนั้น เสด็จพ่อและข้าจะได้รับแสงแห่งเงามืด ทว่าพวกเรากลับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่กำลังจะหมดสติ หญิงใบ้คนหนึ่งได้เข้ามาช่วยเหลือ และพาพวกข้ากลับไปพักฟื้นที่บ้านของนางเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้น ข้าและหญิงใบ้ได้พัฒนาความสัมพันธ์ ข้าต้องการพานางกลับมาด้วย ซึ่งนางก็เต็มใจ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าวันที่เสด็จพ่อกับข้ากำลังจะจากไปนั้น หญิงใบ้ได้หายตัวไป! ”

องค์ชายพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “พูดเข้าประเด็นสำคัญเถิด! ”

ซูจิ่นซีดึงความคิดอันโศกเศร้าขององค์ชายให้กลับมา เขาปรับอารมณ์และพูดต่อ “หญิงใบ้ผู้นั้นก็คืออาอิน ข้าตามหานางสามวันสามคืน ตามหาแทบทุกหมู่บ้านที่อยู่บนริมชายฝั่งวังตงไห่ติงเทียน แต่ก็ไร้ผล ต่อมา เมื่อข้ากลับมาที่เขาเมฆา ข้าได้สอบถามข่าวคราวของนางมาตลอด ทั้งยังไปเยือนริมชายฝั่งวังตงไห่ติงเทียนเพื่อตามหานางด้วยตนเองหลายครั้ง สุดท้าย ความเพียรของข้าก็เป็นผล ข้าได้พบอาอินอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ ข้าไม่คิดเลยว่าตอนที่ได้พบนาง นางจะนั่งอยู่บนเกี้ยวและกำลังจะอภิเษกสมรสกับวังหนานไห่หลิวหลี ทั้งนางยังเป็นองค์หญิงสามแห่งวังตงไห่ติงเทียน”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ องค์ชายก็ไม่สามารถพูดอันใดได้อีก ทว่าซูจิ่นซีพอคาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ได้ หลังจากตามหาหญิงคนรักมานาน เมื่อพบกันอีกครั้ง หญิงคนรักกลับแต่งให้ชายอื่น องค์ชายจะยอมพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?

“ดังนั้น ท่านจึงลักพาตัวเจ้าสาวมาใช่หรือไม่? ”

องค์ชายไม่ได้ตอบคำถามของซูจิ่นซีในทันที เขาค่อยๆ กำหมัด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาอินไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ท่านลุงของนางกุมอำนาจในวังตงไห่ติงเทียน เพราะเห็นแก่อำนาจ เขาจึงบังคับให้นางอภิเษกกับองค์ชายแห่งวังหนานไห่หลิวหลี ขณะนั้น องค์ชายแห่งวังหนานไห่หลิวหลีมีพระชนมายุแปดพันกว่าปีแล้ว เขามีสนมแปดคน และบุตรธิดาของเขาก็มีอายุมากกว่าอาอินด้วยซ้ำ”

ดังนั้น องค์ชายจะทนให้หญิงอันเป็นที่รักอภิเษกกับคนเช่นนั้นได้อย่างไร?

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ไม่บอกก็เข้าใจได้ องค์ชายและองค์หญิงต่างรักใคร่กันดี ทั้งองค์หญิงยังเต็มใจสละฐานะขององค์หญิงแห่งวังตงไห่ติงเทียน และฐานะพระชายาแห่งวังหนานไห่ เพื่ออยู่กับคนรักของนาง ดังนั้น นางจึงมาที่เขาเมฆา

ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พิษกระชากวิญญาณในร่างขององค์หญิง เกี่ยวข้องกับวังหนานไห่ใช่หรือไม่? ”

องค์ชายไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะคาดเดาได้แม่นยำเช่นนี้ ดวงตาของเขาปรากฏความตกตะลึงเล็กน้อย

“อาการตอนนี้ของอาอิน เกี่ยวข้องกับวังหนานไห่จริงๆ ทว่าพวกเราไม่รู้ว่าอาอินถูกวางยาพิษ ทั้งยังเป็นพิษกระชากวิญญาณ หากข้ารู้ก่อนหน้า ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะหาวิธีถอนพิษให้อาอิน”

ประเด็นนี้ ซูจิ่นซีเชื่ออย่างมาก

องค์ชายกล่าวต่อว่า “ข้าคิดว่า ตอนที่ข้าพาอาอินออกมาจากวังหนานไห่ในวันนั้น นางได้รับบาดเจ็บ และมีอาการป่วยเรื้อรังมาตลอด กอปรกับที่คนจากเผ่าสวรรค์ไม่อาจมีความสัมพันธ์กับคนนอกเผ่าได้ ทว่านางกลับฝ่าฝืนกฎของเผ่าสวรรค์ และยืนกรานที่จะมาเขาเมฆากับข้า ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้”

จากคำพูดทั้งหมดขององค์ชาย ซูจิ่นซีคิดตามหลักเหตุผล ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “แม้จะใช้ยารักษาพิษกระชากวิญญาณ ทว่าขอกล่าวอย่างจริงจัง ยานี้มีฤทธิ์ในการควบคุมเป็นพื้นฐาน หากข้าเดาไม่ผิด องค์ชายใหญ่แห่งวังหนานไห่เป็นผู้ใช้ยาพิษกระชากวิญญาณกับองค์หญิง ตลอดหลายปีมานี้ เขาใช้พิษกระชากวิญญาณเพื่อควบคุมองค์หญิง”

องค์ชายตกตะลึงอย่างมาก เขาไม่อยากจินตนาการ หากเป็นจริงตามที่ซูจิ่นซีกล่าวมา องค์ชายใหญ่แห่งวังหนานไห่ใช้พิษกระชากวิญญาณควบคุมอาอินมานานหลายปี อาอินต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาอันแสนเจ็บปวดขององค์ชายก็อดหันไปมององค์หญิงที่นอนสงบอยู่บนเตียงไม่ได้

ในความเงียบสงัดนั้น ใบหน้าของนางยังดูงดงาม ทว่าหัวคิ้วกลับขมวดด้วยความอ่อนล้า

นางรู้เรื่องพิษกระชากวิญญาณใช่หรือไม่?

ทว่านางกลับปิดบังเขามานานหลายปี

เพราะเหตุใด?

พวกเขาอยู่ด้วยกันมาหลายพันปี หลายพันปีนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดลึกซึ้ง มีความรักสมัครสมาน ทั้งยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นนี้แล้ว ในโลกนี้ยังมีสิ่งใดที่ต้องปิดบังเขา ไม่อาจบอกเขาได้อีกหรือ?

แม้จะเจ็บปวดมากเพียงใด เขาและนางก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาตลอด เหตุใดนางไม่บอกเขา?

องค์ชายค่อยๆ หันไปมองซูจิ่นซีอีกครั้ง พยายามหาคำตอบจากนาง

ซูจิ่นซีมีท่าทางเรียบเฉย “เกรงว่าเรื่องนี้คงต้องถามองค์หญิงเท่านั้น เมื่อนางฟื้น ท่านก็ถามนางเองเถิด”

องค์ชายเผยรอยยิ้มเป็นทุกข์

“ในร่างขององค์หญิงมีอันตรายซ่อนอยู่มากมาย ทว่าหน้าที่ของข้าคือการถอนพิษกระชากวิญญาณ ส่วนเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”

องค์ชายพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ซูจิ่นซีหันไปมองอวิ๋นจิ่น เมื่อเผชิญหน้ากับซูจิ่นซี ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นยังคงมีรอยยิ้มอบอุ่นเสมอ “กระหม่อมรอฟังคำสั่งของพระชายา”

“จิ้งจอกน้อยเป็นจิ้งจอกแห่งชิงชิว เลือดของมันสามารถขจัดพันธะข้อห้ามทั้งหมดได้ ข้าต้องการเลือดของมันสักหยด”

ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่นยังไม่ทันตอบตกลง จิ้งจอกน้อยก็ส่งเสียงร้อง ‘จี๊ด’ และวิ่งออกนอกประตูไป ไม่เห็นแม้เงา

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย อวิ๋นจิ่นนั่งบนเก้าอี้โดยไม่ขยับ เขยื้อน ทว่าเขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป ทันใดนั้น จิ้งจอกน้อยก็ราวกับถูกบางสิ่งดึงกลับมา

“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด… ”

จิ้งจอกน้อยนอนหมอบอยู่ในอ้อมแขนของอวิ๋นจิ่น มันใช้สายตามองอวิ๋นจิ่นอย่างอ้อนวอน พยายามใช้แผนออดอ้อน ขอร้องไม่ให้อวิ๋นจิ่นมอบตนเองให้ซูจิ่นซี และอย่าเอาเลือดของมันไป

ทว่าทุกสิ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า แม้จิ้งจอกน้อยจะหวาดกลัวมากเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานความงดงามได้

ภายใต้รอยยิ้มอันอบอุ่นและอ่อนโยนของอวิ๋นจิ่น จิ้งจอกน้อยมึนงงจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตนเองกำลังหวาดกลัว

อวิ๋นจิ่นลูบหัวจิ้งจอกน้อยเก้าสีอย่างเชื่องช้าด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาราวกับดอกไห่ถังที่เบ่งบานภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น “เด็กดี มันไม่เจ็บหรอก! นางต้องการไม่มาก เพียงหยดเดียวเท่านั้น”

อืม…

คุณชายยิ้ม!

คุณชายยิ้มให้มันด้วย!

นานมากแล้วที่มันไม่เห็นคุณชายยิ้มเช่นนี้!

จิ้งจอกน้อยเกือบหมดสติภายใต้รอยยิ้มของอวิ๋นจิ่น

ขณะที่มันกำลังตกอยู่ในความลุ่มหลง อวิ๋นจิ่นก็เหยียดนิ้วชี้ด้านขวาออกมา แสงสว่างปรากฏบนนิ้วชี้ เขาสะกิดที่ต้นขาของจิ้งจอกน้อย ผิวหนังของมันจึงมีเลือดไหลซึมออกมา อวิ๋นจิ่นรีบเก็บเลือดไว้ในขวดสะอาด

การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วอย่างมาก จิ้งจอกน้อยเก้าสีไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อกลับมาได้สติอีกครั้ง อวิ๋นจิ่นก็พันแผลให้มันแล้ว

“จี๊ด จี๊ด จี๊ด… ”

จิ้งจอกน้อยเริ่มขุ่นเคืองบ้างแล้ว ทว่ามันไม่กล้าพุ่งเข้าหาคุณชาย!

เมื่อไม่รู้ว่าจะวางท่าอย่างไร จิ้งจอกน้อยที่กำลังโมโหจึงมองซูจิ่นซีด้วยท่าทีขุ่นเคือง

น่าเสียดายที่ซูจิ่นซีกำลังยุ่งอยู่ จึงไม่ได้สนใจมัน

นางหยิบขวดเลือดที่อวิ๋นจิ่นมอบให้ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่เตียงขององค์หญิง