เขารู้! เขารู้แล้วจริงๆด้วย! เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของซูจิ่งเหยียน เขาเข้าใจความหมายในสายตาของจวินอู๋เหยา จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
ความสงสัยแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของจวินอู๋เสีย คำที่ซูจิ่งเหยียนพูดไม่จบนั้นทำให้นางนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา นางหันไปมองจวินอู๋เหยาทันที แต่พบว่าเขากำลังมองกลับมาที่นางด้วยรอยยิ้ม ในดวงตาสีม่วงคู่นั้น นางเห็นเงาสะท้อนของตัวเองอยู่ท่ามกลางรอยยิ้มในดวงตาของเขา
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ ยังมีอะไรที่อยากถามอีกรึเปล่า?” จวินอู๋เหยากล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จวินอู๋เสียมองซูจิ่งเหยียน และถามเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
ซูจิ่งเหยียนรู้ดีว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด อย่างที่จวินอู๋เสียเดาไว้ ซูหย่าถูกขังอยู่ในสาขาจ้าววิญญาณจริงๆ แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ชั้นไหน ผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองหนึ่งพันคนนั้นอยู่ในสาขาจ้าววิญญาณ คอยเฝ้าซูหย่าทั้งวันทั้งคืน
จวินอู๋เสียยังถามซูจิ่งเหยียนด้วยว่าของวิเศษอะไรที่อาณาจักรบนอยากได้จากชายชราตัวเล็ก แต่เรื่องนี้ แม้แต่ซูจิ่งเหยียนก็ไม่รู้ กระทั่งตัวตนที่แท้จริงของชายชราตัวเล็กก็ไม่มีใครรู้ novel-lucky
ถ้าบอกว่าการปรากฏตัวของจักรพรรดิแห่งความมืดลึกลับมาก ตัวตนของอาจารย์ใหญ่สำนักธาราเมฆก็ลึกลับไม่ต่างกันนัก เขาปรากฏตัวในอาณาจักรกลางก่อนประมุขทั้งเก้าของเก้าอาราม เดิมทีประมุขเก้าอารามมาด้วยจุดประสงค์ที่จะปกครองอาณาจักรกลาง แต่แม้ว่าพวกเขาทั้งเก้าจะรวมพลังกัน ก็ยังพ่ายแพ้ยับเยินให้แก่ชายชราตัวเล็ก ถูกทุบตีซะหวาดกลัวจนฉี่ราด ไม่มีพลังที่จะโต้กลับ เพราะมีชายชราตัวเล็กอยู่ เก้าอารามจึงไม่เคยขึ้นปกครองอาณาจักรกลางได้
ชายชราตัวเล็กเป็นใคร ไม่มีใครรู้คำตอบสักคน สิ่งเดียวที่รู้ก็คือดูเหมือนชายชราตัวเล็กตั้งใจที่จะปกป้องอาณาจักรกลาง
เมื่อได้ฟังถึงความแข็งแกร่งของชายชราตัวเล็ก จวินอู๋เสียก็ตกใจมาก คนเดียวสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองเก้าคน……ความแข็งแกร่งนี้ฉีกกฎสวรรค์เกินไปแล้ว นางเคยคิดว่าชายชราตัวเล็กคือผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิดซะแล้ว……
หลังจากถามทุกอย่างที่อยากรู้แล้ว จวินอู๋เสียก็มองซูจิ่งเหยียนและพูดว่า “ท่านไปได้แล้ว”
ซูจิ่งเหยียนตกตะลึง “เจ้าจะปล่อยข้าไปจริงๆหรือ? ไม่กลัวว่าข้าจะบอกคนของอาณาจักรบนเรื่องพวกเจ้าหรือ?”
จวินอู๋เสียพูดว่า “ท่านไม่ทำหรอก”
ซูจิ่งเหยียนแสดงสีหน้าประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ชั่วพริบตาก็กลับกลายเป็นรอยยิ้ม เขายกมือขึ้นแตะบาดแผลเล็กๆที่คอซึ่งถูกกรีดด้วยดาบของเย่เม่ย ดวงตาซับซ้อนคู่นั้นมองไปยังจวินอู๋เสียและจวินอู๋เหยา
“ขอบคุณที่ไว้ใจ คืนนี้ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น” พูดจบ ซูจิ่งเหยียนก็หันหลังเดินจากไป
เย่เม่ยมองจวินอู๋เหยาเป็นเชิงถาม แต่จวินอู๋เหยาโบกมือไล่ เย่เม่ยจึงหายตัวไปในความมืดทันที
ภายในห้องเหลือเพียงจวินอู๋เสียและจวินอู๋เหยาสองคน จวินอู๋เหยาเหมือนจะสนใจผมยาวของจวินอู๋เสียมาก เขาหมุนเล่นไม่หยุด สัมผัสนุ่มลื่นที่ปลายนิ้วทำให้เขาหลงใหลอย่างมาก
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยา ดวงตาเย็นชาที่อยู่ใต้แสงจันทร์ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้น
แต่จวินอู๋เหยากลับเงียบกริบ ราวกับว่าเขาไม่สังเกตเห็นสายตาของนาง และเอาแต่มองผมของนางอยู่อย่างนั้น
“อู๋เหยา” ทันใดนั้น จวินอู๋เสียก็พูดขึ้น
“หืม?” จวินอู๋เหยาตอบอย่างใจลอย
“บูชายัญเลือดสามอาณาจักร วิญญาณต่างโลกที่พวกเขาต้องการก็คือท่าน” จวินอู๋เสียไม่ได้ถาม แต่นางแน่ใจ
รอยยิ้มแวบผ่านดวงตาของจวินอู๋เหยา แน่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรปิดบังนางได้
คำพูดของซูจิ่งเหยียนทำให้จวินอู๋เสียรับรู้ถึงความผิดปกติ