เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 946
หานอู๋ซวงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ สนใจผู้เฝ้าเมืองแค่คนเดียวเหรอ พอได้แล้ว นายไม่ต้องเดาหรอก ฉันจะบอกให้ เพราะองค์รัชทายาทกำลังเอาโควตารายชื่อพวกนี้ไปทำการค้า พูดให้ถูกต้องคือขายเพื่อให้ได้เงินมา”

ลู่ฝานอึ้งไป จากนั้นพูดว่า “มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

หานอู๋ซวงพูดว่า “ตกใจมากเหรอ ถ้านายใช้ชีวิตในเมืองหลวงสักระยะหนึ่ง นายจะพบว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กัน มองภายนอกองค์รัชทายาทแนะนำคนมีความสามารถ ให้เข้าร่วมการคัดเลือกอย่างเปิดเผย แต่ลับหลังแท้จริงแล้วคือการซื้อขายโควตารายชื่อ ข้าราชการใหญ่คนไหนจ่ายเงินเยอะ ก็ให้โควตารายชื่อกับตระกูลเขาหนึ่งรายชื่อ ข้าราชการใหญ่คนไหนยอมสนับสนุนองค์รัชทายาท เป็นสุนัขรับใช้ของทายาท ก็จะให้โควตารายชื่อเขาหนึ่งรายชื่อเหมือนกัน จนถึงตอนนี้โควตารายชื่อทั้งหมด ส่วนใหญ่ซื้อขายเรียบร้อยหมดแล้ว โควตารายชื่อที่เหลือไม่กี่รายชื่อ องค์รัชทายาทเตรียมเก็บไว้ขายในราคาสูง แน่นอนว่าไม่มีทางให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งไปหรอก”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่างเช่นผม”

หานอู๋ซวงพยักหน้าพูดว่า “ใช่ อย่างเช่นนาย”

ลู่ฝานพูดว่า “ตอนนี้ผมพอรู้แล้วว่าผมจะเจออันตรายแบบไหน”

หานอู๋ซวงหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ฉันเลยบอกไง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสักนิด ไม่เกิดขึ้นสิถึงจะแปลก แม้นายมาถึงเมืองหลวงแล้ว แต่ถ้าองค์รัชทายาทไม่อยากให้โควตารายชื่อกับนาย และส่งนักบู๊สองสามคนมาซัดนายจนเละ ทุกอย่างก็จบ รายงานกับฝ่าบาทว่าวันหนึ่งลู่ฝานเขตตงหวา พ่ายแพ้การต่อสู้ที่เมืองหลวง วิทยายุทธโดนทำลายหมด ไม่สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ ด้วยเหตุนี้จึงมอบโควตารายชื่อให้คนอื่น”

ลู่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “นั่นหมายความว่าการที่ผมมาล่วงหน้า เป็นการมาที่ผิดพลาด องค์รัชทายาทคงไม่หาผู้แข็งแกร่งแดนปราณฟ้ามาซัดผมใช่ไหม”

หานอู๋ซวงหัวเราะแล้วพูดว่า “เชื่อฉันสิ นายยังไม่มีค่าให้องค์รัชทายาท ใช้ผู้แข็งแกร่งแดนปราณฟ้ามาซัดนายหรอก”

การปลอบใจแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ลู่ฝานดีใจสักนิด

จู่ๆ เขารู้สึกว่าเมืองหลวงไม่ได้น่ารักขนาดนั้นแล้ว ตรงกันข้ามกลับมีความรู้สึกว่าก้าวเข้าสู่วงจรสมรู้ร่วมคิด

หานอู๋ซวงยิ้มแล้วพูดว่า “ดังนั้นฉันจึงขอแนะนำ อีกสามวันนายแพ้ให้เทียนตู้ดีกว่า เขาก็เป็นนักบู๊ในรายชื่อประเทศบ้าบออะไรนั่น การที่นายแพ้ให้เขา หนึ่งคือไม่อับอาย สองคือหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวเองให้ปลอดภัย จากนั้นเที่ยวในเมืองหลวงสักสองวันแล้วค่อยกลับ”

ลู่ฝานส่ายหน้ายิ้มแหย แล้วพูดว่า “ฟังดูแล้ว เหมือนคงต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังใช่ไหมครับ”

หานอู๋ซวงพยักหน้าพูดว่า “ใช่”

ลู่ฝานเงยหน้ามองหานอู๋ซวง จู่ๆ ก็กระแทกตัวหมากลงบนกระดานหมากรุก

“ขอโทษด้วย ไม่กี่ปีที่ผมฝึกบู๊มา อย่างอื่นผมไม่ได้เรียนรู้ แต่ผมเรียนรู้ที่จะไม่ยอมแพ้ ขอบคุณลุงที่เตือน แต่ผมไม่กลับไปง่ายๆ แบบนี้หรอกครับ”

หานอู๋ซวงมองกระดานหมากรุกอย่างอึ้งๆ จู่ๆ เขาพบว่าตัวเองแพ้แล้ว

ลู่ฝานลุกขึ้นยืน ยิ้มแล้วพูดว่า “ลุงรีบพักผ่อนเถอะครับ”

พูดจบ ลู่ฝานหันหลังเดินออกไป

หานอู๋ซวงมองแผ่นหลังลู่ฝาน จู่ๆ เขาตะโกนว่า “นายคิดดีแล้วเหรอ นายอาจตายที่เมืองหลวงนะ”

ลู่ฝานหันมามองหานอู๋ซวงแล้วพูดว่า “ลุง ถ้าศิษย์พี่หานเฟิงเจอเรื่องแบบนี้ ลุงจะให้เขาถอยหรือเปล่า”

หานอู๋ซวงพูดเสียงดังว่า “ฉันจะให้เขารีบไสหัวไปให้ไกลเลย”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “โชคดีที่ผมไม่ใช่ศิษย์พี่หานเฟิง”

พูดจบ ลู่ฝานก้มตัวต่ำคำนับหานอู๋ซวง จากนั้นก็เดินออกไป

หานอู๋ซวงมองลู่ฝานหายลับไปจากสายตาตัวเอง จู่ๆ เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “แต่ถ้าหานเฟิงจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวแบบนาย ฉันจะพูดว่านี่สิลูกชายฉัน! เจ้าหนุ่มมีความกล้ามากนะ!”