จวินอู๋เสียขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่ยอมให้ใครเข้ามา
พวกเขาถูกกดดันด้วยเวลา หลังจากพูดคุยกับซูจิ่งเหยียน นางก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ถ้าทำได้นางก็ไม่อยากให้จวินอู๋เหยาเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ นางจึงต้องคิดหาทางออกอื่น นางต้องเตรียมการต่อสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองหนึ่งพันคนนั่นด้วยตัวเอง
การบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทองนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่เพียงแต่ให้พละกำลังพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นโล่ปกป้องร่างกายของพวกเขาด้วย
จวินอู๋เสียหยิบสมุนไพรทั้งหมดที่เก็บไว้ในกระเป๋ามิติออกมา โชคดีที่มันใหญ่มากพอและนางมีนิสัยที่ต้องนำของพวกนี้ติดตัวตลอดเวลา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่นางมีของทั้งหมดนี้อยู่กับตัว
นางไม่ได้โง่ที่จะไปสู้ด้วยกำลังล้วนๆ ถ้านางทำเช่นนั้นจริงๆ จวินอู๋เหยาก็จำเป็นต้องมีส่วนร่วมด้วย นางจึงตัดสินใจที่จะใช้สิ่งที่นางเชี่ยวชาญที่สุดและใช้ความรู้ทั้งหมดของนางในการปรุงยาและยาพิษเพื่อลดความเป็นไปได้นี้
สมุนไพรที่มีพิษมากที่สุด น้ำผลไม้ที่มีพิษมากที่สุด ผงพิษที่มีพิษร้ายที่สุด นางนึกถึงพิษทั้งหมดที่นางจำได้และเริ่มลงมือทำงาน
ตอนนี้นางกำลังจะกลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองแล้ว นางจึงเข้าใจถึงความแข็งแกร่งและความต้านทานพิษของผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองมากขึ้น การจะวางยาพิษผู้ใช้พลังวิญญาณสีทอง แค่พิษธรรมดาย่อมไม่เพียงพอ
หลังจากพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า จวินอู๋เสียหลุดเข้าสู่โลกส่วนตัว ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นความว่างเปล่าไม่สามารถดึงความสนใจของนางได้อีกต่อไป นางทุ่มสุดตัวกับการปรุงยาพิษเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้!
เจ้าแมวดำนอนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ โดยมีท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตอยู่ด้วย ทั้งสามตัวไม่ส่งเสียงเลยสักแอะด้วยกลัวว่าจะรบกวนการทำงานของจวินอู๋เสีย novel-lucky
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพร กลิ่นนั้นมีกลิ่นขมปะปนอยู่ด้วย ทำให้ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตที่มีประสาทสัมผัสรับกลิ่นดีมากรู้สึกไม่สบาย เจ้าแมวดำเป็นร่างวิญญาณ กลิ่นจึงไม่มีผลกับมัน แต่มันมีผลกระทบอย่างมากต่อท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิต
จวินอู๋เสียพยายามสร้างพิษที่สามารถส่งผลต่อผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองได้ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นเพียงกลิ่นแค่นิดเดียวก็มีพิษถึงตายได้ แต่ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตก็ดื้อรั้นไม่ยอมขยับเขยื้อน แม้ว่าพวกมันจะส่งกระแสจิตเหมือนแมวดำกับจวินอู๋เสียไม่ได้ แต่พวกมันก็รู้สึกได้ถึงความกังวลใจของนาง
เมื่อเห็นว่าเจ้าก้อนขนโง่ๆสองตัวกำลังเซื่องซึมไม่สบายเพราะกลิ่นที่กระจายอยู่ในห้อง เจ้าแมวดำก็แปลงร่างเป็นสัตว์อสูรสีดำทันที แล้วเอาปากคาบพวกมันขึ้นมา จากนั้นก็โยนออกไปนอกห้อง
“แบะ!!” ท่านแบะแบะประท้วงทันทีและอยากจะกลับเข้าไปในห้อง กระต่ายโลหิตก็กระโดดขึ้นๆลงๆอยากจะกลับเข้าไป แต่เจ้าแมวดำก็ยกอุ้งเท้าขึ้นขวางทางพวกมันเอาไว้
“สิ่งที่อยู่ข้างในเป็นอันตรายต่อพวกเจ้า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่สนใจ แต่ตอนนี้พวกเจ้าต้องเก็บแรงเอาไว้ให้มากที่สุด ไม่งั้นพวกเจ้าจะไม่สามารถช่วยเจ้านายได้เลย” ดวงตาของเจ้าแมวดำฉายแววหนักแน่นมั่นคง มันอยู่กับจวินอู๋เสียมานานที่สุด ทั้งชาติก่อนชาตินี้ก็ไม่เคยแยกจากกัน มันรู้ดีที่สุดว่าตอนนี้จวินอู๋เสียเครียดแค่ไหน
ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตเข้าใจคำพูดของเจ้าแมวดำและไม่กล้าโวยวายอีก พวกมันทำได้เพียงทิ้งตัวลงนอนกับพื้นและเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูโดยไม่ยอมออกห่างแม้แต่ก้าวเดียว
เจ้าแมวดำเหลือบมองพวกมันก่อนจะกลับเข้าไปในห้อง มันนอนลงบนพื้นเหมือนในชาติก่อนและชาตินี้หลายปีจนนับไม่ถ้วนที่มันอยู่กับจวินอู๋เสียตามลำพัง
ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของจวินอู๋เสียได้ดีไปกว่าเจ้าแมวดำ ชาติก่อนจวินอู๋เสียไม่มีห่วงอะไร ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ต้องจัดการด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด แต่ตอนนี้นางมีครอบครัว มีเพื่อน และคนรัก นางต้องห่วงความปลอดภัยของพวกเขา