ตอนที่ 293 เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

หลินจ้งทำหน้าบูดบึ้ง แต่กลับไม่กล้าโมโหโวยวาย

 

 

หวงฝู่อวี้รู้สึกผิด ได้แต่ลูบหน้าฝั่งซ้ายที่บวมของตัวเอง ไม่กล้าพูดอะไร

 

 

“เจ็บไหม” เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยเสียงที่อ่อนโยนอย่างเป็นห่วงเป็นใย

 

 

หวงฝู่อวี้ผงกศีรษะหลายครั้ง และตอบด้วยเสียงอันเศร้าสร้อย “เจ็บขอรับ”

 

 

“สมน้ำหน้า!” เมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นด่าใส่เขา

 

 

ทุกคนต่างตกตะลึง

 

 

เฮ่ออี่ที่อยู่มุมมืดๆ เกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา จึงรีบเอามือป้องปากตัวเองไว้

 

 

ภายในน้ำเสียงที่เชื่องช้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแฝงด้วยการเหน็บแนม “เจ้านี่นะ ไม่มีวันใดที่ไม่ทำให้ข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าต้องกังวลเลย บอกมาเถิด ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว ทำให้คนอย่างคุณชายใหญ่หลินที่ทั้งสุขุมและทะนงตนต้องมาหาถึงบ้าน แล้วต่อยเจ้าจนหน้าบวมเป็นหัวหมูโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น”

 

 

หลินจ้งฟังออกว่าคำพูดของนางมีเจตนาเหน็บแนม แต่ก็อดทนไว้ ไม่กล้าโวยวาย ถ้าหากเป็นหวงฝู่อี้เซวียนที่กล้าออกหน้าเสียดสีเขาว่ามาโดยไม่แยกแยกผิดถูกเช่นนี้ เขาก็ลงมือใส่ตั้งนานแล้ว อย่างมากพรุ่งนี้ก็แค่ถูกฮ่องเต้ถอดถอนออกจากตำแหน่งราชการ ทว่า เมิ่งเชี่ยนโยวนั้น เขาไม่กล้า ไม่ต้องพูดถึงวิธีการจัดการคนเหล่านั้นของนาง แค่เห็นว่ามีเด็กน้อยๆ อยู่ในท้องของนาง เขาก็ไม่กล้าลงมือแล้ว ต้องรู้ว่า นี่เป็นถึงผู้สืบทอดแห่งจวนอ๋อง ถ้าหากเกิดอันเป็นไปอันใดด้วยน้ำมือของเขา อย่าว่าแต่ตำแหน่งทางราชการของเขาเลย เกรงว่าแม้แต่จวนราชเลขาก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้อีกต่อไป

 

 

เห็นท่าทางที่เขาโมโหแต่ไม่กล้าเอ่ยปากนั่น ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกชอบใจยิ่ง ไม่รอให้หวงฝู่อวี้ตอบ ก็เดินอ้อยอิ่งเข้าไปตรงหน้าของเขา แม้ว่าจะทำหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงกลับเย็นชาและน่าขนลุก “คุณชายหลิน ท่านสามารถบอกให้ทราบได้หรือไม่ว่าวันนี้ท่านบุกเข้ามาในจวนอ๋อง แล้วทุบตีอวี้เอ๋อร์นั้นเป็นเพราะเหตุใดกัน”

 

 

หลินจ้งรู้สึกว่าเสื้อบนแผ่นหลังเปียกชุ่มอีกครั้ง เขาอ้าปากหลายรอบ กลับไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถพูดได้ว่าน้องสาวของตัวเองถูกใจหวงฝู่อวี้ แต่หวงฝู่อวี้กลับไม่สนใจนาง ตัวเองจึงมาคิดบัญชี เพราะถ้าหากพูดออกไปเช่นนี้ คาดว่าคงจะต้องถูกเมิ่งเชี่ยนโยวสั่งคนให้ตีจนพิกลพิการ ณ ที่แห่งนี้เป็นแน่

 

 

เห็นเขาไม่พูด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ขมวดคิ้วและพูดกับตัวเอง “แปลกเสียจริง พวกเจ้าทั้งคู่ตีกันเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ กลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ไม่ใช่ว่าถูกผีเข้าสิงแล้วหรอกนะ หรือว่าระหว่างพวกเจ้าจะมีความรักใคร่ที่ผิดครรลองต่อกันโดยที่ไม่อาจบอกใครได้หรือ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว

 

 

หวงฝู่อวี้อ้าปากกว้าง พูดอะไรไม่ออก

 

 

ทุกคนรู้สึกแต่เพียงว่ามีเมฆดำลอยผ่านเป็นระลอกอยู่เหนือศีรษะ แล้วตามมาด้วยเสียงสายฟ้าฟาดดังกระหึ่ม สั่นสะท้านจนจิตใจของพวกเขาล้วนเต้นระรัว ซื่อจื่อเฟยก็กล้าพูดเกินไปแล้ว นี่ นี่ นี่…คุณชายหลินจะต้องโกรธจนคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน

 

 

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ปลายเท้าของหลินจ้งพลันลื่น โซเซจนเกือบจะล้มลงพื้น เขาชี้ตัวเอง แล้วแผดเสียงร้องด้วยความเดือดดาล “ดูให้ชัดซะ ตัวข้าเป็นผู้ชาย ผู้ชายแท้ๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคล้ายว่าถูกทำให้ตกใจ ถอยหลังไปหลายก้าว และกุมหน้าอกของตัวเองไว้ หันศีรษะ ร้องเรียกราวกับอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ “อี้เซวียน”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนถมึงทึงขึ้น ตะโกนด้วยเสียงที่เยือกเย็น “โจวอัน!”

 

 

เงาร่างของโจวอันกระโจนเข้ามาจากด้านนอกเรือน แล้วพุ่งไปโจมตีหลินจ้งโดยตรง

 

 

ในขณะที่ตกใจ หลินจ้งก็รีบออกกระบวนท่าป้องกัน แล้วทั้งสองคนก็ปะทะต่อสู้กัน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนโอบเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาถึงระยะที่ปลอดภัยแล้ว ถึงจะหยุดฝีเท้าแล้วมองการต่อสู้ของทั้งสองคน

 

 

หน้าผากของหวงฝู่อวี้มีเหงื่อซึมออกมา อยากจะเข้าไปห้ามปรามก็ไม่กล้า อยากจะอ้อนวอนร้องขอเมตตากับหวงฝู่อี้เซวียน แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของเขา คำอ้อนวอนก็ติดชะงักอยู่ในลำคอ

 

 

หลินจ้งย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวอัน หลังจากสู้รบกันถึงยี่สิบกระบวนท่า ก็ถูกโจวอันโจมตีจนล้มลงไปกับพื้น

 

 

โจวอันออกจากเรือนไป

 

 

หลินจ้งนอนอยู่บนพื้น หอบหายใจถี่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโผล่ศีรษะออกมาจากในอ้อมอกของหวงฝู่อี้เซวียน ถาม “คุณชายหลิน ท่านคิดออกแล้วหรือยังว่าบุกเข้ามาในจวนอ๋องเพื่ออะไร”

 

 

ได้รับความอับอายติดต่อกัน หลินจ้งก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ชี้ไปที่หวงฝู่อวี้ แล้วพูดออกมาโดยไม่คิด “ข้าก็มาหาเขานั่นแหละ เขาทิ้งน้องสาวข้าอย่างไม่ใยดี”

 

 

“อะไรนะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงดังขึ้น เดินออกมาจากอ้อมอกของหวงฝู่อี้เซวียน “ถ้าข้าจำไม่ผิดล่ะก็ น้องสาวของเจ้าก็คือหลินหันเยียนที่เป็นคุณหนูแห่งตระกูลหลินใช่หรือไม่ อวี้เอ๋อร์ทิ้งนางโดยไม่สนใจใยดี นี่เป็นเรื่องเมื่อไหร่กัน”

 

 

หลินจ้งปีนตัวขึ้นมาจากพื้นด้วยความกระฉับกระเฉง แล้วพูดด้วยความหอบ “ก็หลายวันก่อนอย่างไรล่ะ น้องสาวข้าไปหาเขาสองครั้ง เขากลับหนีไม่ยอมพบ หากนี่ไม่ใช่การทอดทิ้งอย่างไม่สนใจใยดีแล้วคืออะไรเล่า”

 

 

“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ พูด อวี้เอ๋อร์ทอดทิ้งน้องสาวท่านโดยไม่สนใจใยดีอย่างไรหรือ”

 

 

แววตาของหลินจ้งเป็นประกายไหวสั่น “ก็คือ ก็คือ…”

 

 

“กล้าๆ พูดออกมาอย่างสบายใจเถิด ท่านวางใจได้ ถ้าหากอวี้เอ๋อร์ก่อเรื่องไว้กับคุณหนูหลินจริง วันนี้ข้าจะสั่งให้คนโบยเขาจนขาหักต่อหน้าท่าน”

 

 

หลินจ้งสะดุ้ง รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้น ก็คือน้องสาวข้าอยากจะพบเขา เพียงแต่เขาหนีและไม่ออกมาพบเท่านั้น หาได้มีเรื่องอื่นไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เชื่อ จึงย้อนถาม “จริงหรือ”

 

 

หลินจ้งผงกศีรษะหงึกๆ “จริงสิ จริงสิ”

 

 

ถอนหายใจโล่งอก แล้วสีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวก็เริ่มบึ้งตึงแล้ว พูดว่า “คุณชายหลิน เช่นนี้ก็เป็นท่านที่เป็นฝ่ายไม่ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ อวี้เอ๋อร์เป็นคนที่กำลังจะหมั้นหมายแล้ว คุณหนูหลินยังจะมายุ่งเกี่ยวด้วย จึงเห็นได้ชัดเจนว่านางไม่รักษาธรรมเนียมของหญิงที่ดี ท่านกลับมาหาเรื่องที่จวนอ๋อง นี่ออกจะไม่ดูเป็นการรังแกคนอื่นเกินไปหน่อยหรือ”

 

 

เหงื่อบนกายของหลินจ้งซึมออกมาด้านนอก เสื้อผ้าด้านหลังก็เปียกชุ่มไปไม่รู้กี่ชั้นแล้ว ภาพลักษณ์ที่มาจากการกระทำความผิดเช่นนี้ ต่อให้วันนี้เขาไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่ดี

 

 

หวงฝู่อวี้คิดถึงขั้นนี้เช่นกัน จึงประคองหน้าด้านหนึ่งที่บวมแดงของเขา เดินมาตรงหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว ร้องขอเมตตาแทนหลินจ้ง “พี่สะใภ้ใหญ่ขอรับ ข้ากับพี่หลินจ้งเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ล้อเล่นจนเคยชินเสียแล้ว ระหว่างพวกเราเป็นเพียงแค่ขำขันกันเองเท่านั้นขอรับ มิได้จะลงมือทำร้ายกันจริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลากเสียง “อ๋อออ” ยาวอย่างเบาๆ พยักหน้า และชี้ที่หน้าฝั่งซ้ายที่บวมแดงของเขา จากนั้นชี้บนหน้าของหลินจ้งที่บวมจนคล้ายว่าจะเหลือแต่เพียงปลายจมูกที่เดียว อีกทั้งยังมีเลือดไหลเป็นสายออกมาทางจมูก และถามอย่างใคร่รู้ “พวกเจ้าทั้งคู่เพียงแต่เล่นขำขันกันก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว ถ้าหากไม่ล้อเล่นล่ะ จะมีสภาพเยี่ยงไรกัน”

 

 

หวงฝู่อวี้ชะงักงัน

 

 

หลินจ้งสำลักน้ำลายตัวเอง ไอออกมาไม่หยุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองพวกเขา แล้วพูด “ดูเหมือนว่าคุณชายหลินอยากจะแสดงให้ข้าดูเสียหน่อยสินะ”

 

 

หลินจ้งยิ่งไอดังขึ้นอีก พอเป็นเช่นนั้น ก็แทบอยากจะไอจนอวัยวะภายในสำรอกออกมาทั้งหมด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็มิได้รีบร้อน รอเขาอย่างเงียบๆ

 

 

ผ่านไปนาน หลินจ้งถึงจะหยุดไอ และประสานมือทั้งคู่ของตัวเองขึ้นอย่างอ่อนน้อม “ซื่อจื่อเฟย เป็นข้าเองที่ผิดไปแล้ว โปรดท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับคนต่ำต้อย และขออย่าได้ถือสากับคนหยาบช้าอย่างข้านี่เลยขอรับ”

 

 

“คำพูดนี้ของคุณชายหลินช่างน่าขันจริง ท่านโกรธแทนน้องสาวของท่าน แล้วมาป้ายสีคุณชายรองของพวกเราว่าเป็นคนที่ทอดทิ้งนางโดยไม่สนใจใยดี หากคำพูดนี้มิได้พูดให้ชัดเจนในวันนี้ เกรงว่าต่อไปคนในจวนอ๋องฉีของพวกเราออกไปข้างนอกก็จะต้องเอาหม้อปิดหน้าเสียแล้วกระมัง”

 

 

นี่หมายความว่ายังคงไม่ยอมให้อภัย ในใจของหลินจ้งก็ลอบร้องว่าลำบากเสียแล้ว และแทบอยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองหลายที ตัวเองสวมใส่วิญญาณบ้าอะไร ถึงมาก่อเรื่องวุ่นวายที่จวนอ๋องฉี รู้ทั้งรู้ว่า แม่นางตรงหน้าเป็นนายหญิงที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ผู้ใดก็มิอาจหาญกล้ามาหาเรื่องด้วย แล้วมุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มที่ขมขื่น โค้งกายลง และพูดด้วยความนอบน้อม “ซื่อจื่อเฟย เป็นข้าน้อยเองที่ผิดไปแล้วจริงๆ ขอรับ ข้าน้อยเป็นชายหยาบคาย พูดจาไม่คิดไตร่ตรองด้วยสมอง ท่านเป็นผู้มีอำนาจใหญ่โต ขออย่าได้เอาความกับข้าเลยขอรับ”

 

 

หากเรื่องทั้งหมดจบลงตรงนี้ และปล่อยให้ผ่านไปก็จะแย่เอาได้ เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจถึงข้อนี้ดี จึงผ่อนน้ำเสียงลง “คุณหนูหลินมีพี่ใหญ่แบบท่านเช่นนี้เป็นวาสนาที่สั่งสมมาหลายชาติจริงๆ เช่นแล้วกัน เรื่องที่ท่านมาสร้างความวุ่นวายถึงที่ในวันนี้ พวกเราก็ถือว่าผ่านไปเสีย บัดนี้ ข้าเพียงแต่อยากจะถามเสียหน่อยว่าจุดประสงค์ที่มาวันนี้คืออันใดหรือ”

 

 

กวาดสายมองทุกคนภายในเรือนแวบหนึ่ง หลินจ้งก็เพียงแต่โค้งตัวขอบคุณอีกครั้ง และไม่พูดอะไรอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตระหนักได้ จึงสั่งทุกคน “ไปรินน้ำชาอย่างดีมา ส่วนคนที่เหลือก็ออกไปให้หมดเถิด”

 

 

ทุกคนรับคำ และถอยออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้หวงฝู่อวี้ “เชิญคุณชายหลินเข้าไปคุยในห้องเถิด”

 

 

พูดจบ หันตัวมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองหลินจ้งและหวงฝู่อวี้แวบหนึ่ง แล้วเดินไปอยู่ข้างเมิ่งเชี่ยนโยว โอบนางเบาๆ เดินเข้าไปภายในห้อง

 

 

หลินจ้งมองหวงฝู่อวี้แวบหนึ่ง แล้วตามเข้าไปในห้อง

 

 

หวงฝู่อวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลูบแก้มของตัวเอง แล้วถึงจะเดินเข้าไป

 

 

แต่ละคนนั่งลง สาวใช้ยกน้ำชามาวางไว้ตรงหน้าทีละคน โดยมีเพียงตรงหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวที่วางน้ำเปล่าใบหนึ่ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายหลิน ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว มีอะไรก็พูดตรงๆ เถิด”

 

 

เรื่องมาถึงตอนนี้ หากไม่พูดก็เกรงว่าวันนี้จะเดินออกจวนอ๋องฉีไม่ได้แล้ว อีกทั้ง วันนี้ตัวเองก็มาเพราะเรื่องการแต่งงานของหลินหันเยียน จึงเปิดเผยออกไปให้รู้แล้วรู้รอด บอกเรื่องที่หลินหันเยียนคิดต่อหวงฝู่อวี้ และสุดท้ายก็พูดว่า “ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะต้องการอยากจะถามเพียงคำถามเดียวว่า คุณชายรองมีความรู้สึกชอบพอกับน้องสาวข้าหรือไม่ ถ้าหากมีล่ะก็ ข้าจะช่วยพวกเจ้าอีกแรงหนึ่ง แต่หากไม่มี ข้าก็จะกลับไปบอกนางต่อ เพื่อให้นางตัดใจ แล้วหมั้นหมายกับคุณชายหลิวด้วยใจที่ซื่อตรง”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวมองไปทางหวงฝู่อวี้ทั้งคู่

 

 

หวงฝู่อวี้เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูด

 

 

ภายในห้องเงียบสงัด

 

 

ท้ายสุดก็เป็นหลินจ้งที่ยับยั้งอารมณ์ไม่ไหว จึงถามด้วยเสียงขรึม “คุณชายรอง เรื่องที่ควรทำและไม่ควรทำข้าก็ได้ทำทั้งสิ้นแล้ว ตอนนี้เจ้าพูดออกมาสักคำให้ข้าสบายใจเถิด ตกลงแล้วเจ้ามีใจให้แก่น้องสาวของข้าหรือไม่”

 

 

อันที่จริงแล้ว คนที่ตาไวก็ล้วนมองในใจของหวงฝู่อวี้ออก แม้แต่ราชเลขาหลินและฮูหยินก็มองออกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ถึงได้ขัดขวางการไปมาหาสู่ของหลินหันเยียนกับหวงฝู่อวี้ แต่หลินจ้งเป็นคนตรงไปตรงมา อีกทั้งปฏิบัติงานในกองทหาร ก็มีเรื่องมากมายอยู่แล้ว จึงไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้เท่าไรจริงๆ ดังนั้นวันนี้ถึงจะออกมาสอบถามถึงที่ด้วยตัวเอง

 

 

ในใจของหวงฝู่อวี้ได้เปลี่ยนความคิดอย่างนับไม่ถ้วน ทว่า ความคิดเหล่านี้ก็ถูกเขาหยุดยั้งเอาไว้ตลอด สุดท้ายก็เหลือแค่เพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือเขาไม่อาจแต่งกับหลินหันเยียนได้ สถานการณ์ของจวนราชเลขาหลินกับจวนอ๋องในตอนนี้เป็นดั่งวารีและอัคคี ซึ่งอยู่ต่างขั้วอำนาจกัน ราชเลขาหลินก็หาสามีที่ดีให้แก่หลินหันเยียนแล้ว ถ้าหากตอนนี้เขายอมรับว่าในใจของตัวเองมีหลินหันเยียน อิงจากนิสัยของหลินจ้งก็ต้องช่วยหลินหันเยียนหนีออกมา แต่หลังจากนั้นเล่า นอกจากหลินหันเยียนจะต้องแบกรับคำกล่าวโทษว่าอกตัญญู ไร้ยางอายแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างจวนราชเลขากับจวนอ๋องก็ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมอีก แม้ว่าท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของตัวเองจะไม่เกรงกลัวต่อราชเลขาหลิน แต่การเป็นปรปักษ์กับราชเลขาหลินเช่นนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดี ไม่รู้ว่าวันใดสักวันพวกเขาอาจจะแอบทำร้ายอะไรลับหลังท่านพ่อกับพี่ใหญ่ ใคร่ครวญถึงตรงนี้ ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูด “ขอบคุณในความรักที่คุณหนูหลินมีให้ หากแต่ข้ามิได้มีใจต่อคุณหนูหลินเลย”

 

 

เมื่อคำพูดนี้ของเขาออกไป เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นตะลึงโดยพลัน นางนึกว่าหวงฝู่อวี้จะถือโอกาสนี้แสดงความรู้สึกในใจที่มีต่อหลินหันเยียนเสียอีก

 

 

หลินจ้งฟังจบ ก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าทุกข์ใจดี ที่ดีใจก็เพราะหวงฝู่อวี้ไม่ได้มีความรู้สึกต่อน้องสาวของตัวเอง เช่นนั้นนางก็สามารถตัดใจเสียที แต่ที่ทุกข์ใจก็คือ น้องสาวตัวเองมอบความรู้สึกให้ผิดคน บัดนี้ก็จะไม่รบกวนอีกแล้ว จึงลุกขึ้นยืน แล้วประสานมือคำนับต่อเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย วันนี้ข้าน้อยรบกวนแล้วขอรับ วันหลังมีเวลาข้าจะมาชดใช้โทษถึงที่อีกครั้ง”

 

 

พูดจบ ไม่รอให้ทั้งคู่ตอบ ก็หันหลังก้าวยาวๆ เดินออกไป

 

 

หวงฝู่อวี้นั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอดถอนหายใจเบาๆ ไม่พูดอะไรสักคำ แล้วลุกขึ้นยืน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ลุกขึ้นตามด้วย ทั้งสองคนเดินออกไปด้านนอกด้วยกันอย่างเงียบๆ ขณะที่เดินมาถึงข้างกายของหวงฝู่อวี้ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อาจทนได้ จึงยื่นมือไปตบที่บ่าของเขา “อวี้เอ๋อร์ เจ้าต้องรู้นะว่าคำพูดของเจ้าในวันนี้พลาดพลั้งอะไรไป หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง”

 

 

หวงฝู่อวี้ไม่ได้เงยหน้าขึ้น และไม่ได้ขยับเช่นกัน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกลับทำหน้าบึ้ง มองมือที่นางตบเบาๆ บนบ่าของหวงฝู่อวี้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่อึมครึม ในใจก็พลันหวาดหวั่น แล้วร้องในใจว่า แย่แล้วสิ จึงรีบถอนมือกลับมา แล้วคล้องแขนของหวงฝู่อี้เซวียนเอาไว้ พร้อมกับทำหน้ายิ้มอย่างเอาใจและพูดอย่างเริงร่า “ไปเถิด พวกเราไปอธิบายเรื่องนี้กับเสด็จแม่กัน”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับนาง แต่ช่วงขณะที่หันศีรษะไป มุมปากก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา

 

 

หลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว ภายในห้องก็เงียบสงัด เวลาผ่านไปนาน หวงฝู่อวี้ถึงจะเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา แล้วพาดหัวกับพนักเก้าอี้ มองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุด แต่ละหยดที่หนักอึ้งร่วงหล่นลงบนพื้นทีละเม็ดๆ

 

 

หลังจากที่หลินจ้งกลับถึงจวน หน้าตาก็ถมึงทึง พุ่งตัวไปที่เรือนของหลินหันเยียนทันที

 

 

คนที่รับผิดชอบเฝ้าประตูอยู่สองคนรู้สึกถึงมวลกายที่ไม่สบอารมณ์ของเขามาแต่ไกล จึงรีบหลบเข้าที่ต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง แล้วรอจนกระทั่งเห็นเขาเดินเข้าไปในเรือน ถึงจะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ด้วยความหวาดหวั่น มองหน้ากันและกัน แล้วถาม “นี่นายน้อยไปทะเลาะกับคนอื่นมาหรือ”

 

 

ภายในเรือนตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของหลินหันเยียน “พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือเจ้าคะ”

 

 

หลินจ้งก็ไม่ได้ปิดบัง แล้วเอาคำพูดเดิมของหวงฝู่อวี้บอกนางโดยที่ไม่ตกหล่นไม่แม้แต่คำเดียว

 

 

หลังจากที่หลินหันเยียนได้ยิน ก็กระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ พูดพึมพำอย่างไม่เชื่อ “จะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร พี่อวี้จะไม่รู้สึกอะไรต่อข้าได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร…”