ตอนที่ 187

The Devil’s Cage

สอดแนม

เทียบกับโต๊ะรก ๆ แล้ว ส่วนที่ใช้ทำการทดลองนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับการต่อสู้นั้นไม่ได้ขยายวงมาถึงส่วนนี้ของห้อง

จีหรานหันไปสนใจบีกเกอร์ทดลองหลายใบนั้น มีกระทั่งตะเกียงแอลกอฮอล์รุ่นเก่าใต้บีกเกอร์แก้ว

ไฟตะเกียงดับไปเป็นร้อยปีแล้ว

จีหรานอึ้งไปเมื่อเจอกับภาพนี้ในตอนแรก ความรู้สึกเลวร้ายพุ่งขึ้นในใจเขา

เขารีบค้นหาน้ำยาช่วยที่บันทึกพูดถึงอย่างรวดเร็ว

หลังจากค้นเร็ว ๆ รอบหนึ่ง เขาก็เห็นบีกเกอร์แก้วที่มีกากไหม้สีดำ ๆ อยู่ด้านใน ตามการวิเคราะห์ของจีหราน บีกเกอร์แก้วนี้น่าจะเคยใส่ของเหลวเอาไว้และถูกต้มจนเดือดนานเกินและระเหยแห้งไป

“นี่น่าจะเป็นน้ำยาที่ถูกลิขิตเอาไว้ให้ล้มเหลวแล้ว เพราะทั้งคู่ตายไปเสียก่อน…”

จีหรานอดถอนใจไม่ได้

ภรรยาของดยุคคงจะหันไปสนใจบันทึกของเธอตอนที่กำลังทำน้ำยาด้วยอดที่จะระบายความตื่นเต้นของตัวเองออกมาไม่ได้ คำอธิบายที่เป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นว่า กระบวนการทำน้ำยานั้นง่าย และเธอไม่จำเป็นต้องจับตาดูน้ำยานั่นไว้ตลอดกระบวนการ

และภรรยาของดยุคยังไม่ได้คิดว่าจะตายด้วยน้ำมือของลูกตัวเองด้วย

จีหรานหยิบบีกเกอร์แก้วขึ้นมาตรวจดูกากสีดำด้านใน

แม้ว่าบันทึกจะพูดถึงน้ำยาช่วย แต่ก็ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าน้ำยาที่เธอกำลังทำนั้นเป็นอย่างไร ความหวังเดียวของจีหรานก็คือวิเคราะห์กากสีดำนี่และค้นหาส่วนผสมที่เป็นไปได้

น่าเสียดายที่[น้ำยาศาสตร์] ระดับพื้นฐานของเขานั้นยังไม่ถึงขั้น

จีหรานถอนหายใจอีกครั้ง

“แล้วสายเลือดล่ะ?” เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความเสียดายอย่างยิ่ง

ในสิ่งใหม่ทั้งหมดที่เขาพบ จีหรานนั้นไม่แน่ใจว่าสายเลือดนี้จะมอบพลังให้คนผู้หนึ่งได้มากแค่ไหน ถ้าดูจากปิศาจดยุค ผลลัพธ์ก็ชัดเจน ปิศาจนั่นไม่ได้อยู่ในสภาพดีที่สุดด้วยซ้ำ

ด้วยข้อมูลอันจำกัด และใช้ปิศาจนั่นเป็นต้นแบบ จีหรานคาดเดาได้ว่าหากเขาได้สายเลือดนั่นมา ระดับพลังในตอนนี้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็เท่าตัว

เพียงแค่คิดเช่นนี้ก็ให้ความรู้สึกเย้ายวนมาก จีหรานเข้าใจประโยชน์ของการแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วดีกว่าคนอื่น ๆ

กฏความยากของการเข้าดันเจี้ยนนั้นเป็นการตัดสินว่าเกมจะดำเนินไปอย่างไรและวิถีการเล่นที่ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร

อย่างไรเสีย การสำรวจโดยไม่หยุดยั้งของจีหรานและการทำภารกิจย่อยและภารกิจสร้างชื่อให้สำเร็จเพื่อเพิ่ม Point และSkill Points ของเขาในช่วงนี้นั้นก็เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

โอกาสมักปรากฏขึ้นในเวลาอันเหมาะสมที่สุด หากเขาจำต้องปล่อยมันไปเพราะเหตุผลอื่น ๆ แล้วละก็ มันก็คงเจ็บปวดเหมือนกรีดเนื้อตัวเองเลยทีเดียว

เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดเช่นนั้น จีหรานตัดสินใจไม่ยอมแพ้โดยไม่สู้

เขาเก็บบีกเกอร์แก้วเข้าไปในกระเป๋า

[น้ำยาศาสตร์] ระดับพื้นฐานของเขาอาจจะไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนผสมได้ แต่เขาเชื่อว่าในสักวันหนึ่งเขาน่าจะสามารถค้นพบส่วนประกอบของน้ำยาได้เมื่อเขาเลื่อนระดับทักษะของเขาไปเป็น ผู้เชี่ยวชาญ มืออาชีพ หรือว่าปรมาจารย์

จีหรานมองไปรอบ ๆ ส่วนที่ใช้ทำการทดลอง หวังว่าจะพบของอื่นที่มีค่าพอที่จะชดเชยความสูญเสียของเขาได้

แล้วก็ต้องผิดหวัง

แม้ว่าส่วนทดลองจะอยู่ในวงเวทย์รักษาสภาพเดียวกับหนังสือ น้ำยานั้นต่างไปจากหนังสือ หลังจากหลายศตวรรษ น้ำยาทั้งหมดก็ล้วนสูญเสียประสิทธิภาพของมัน

ส่วนน้ำยารูปแบบอื่นหรือขี้ผึ้ง กระทั่ง[น้ำยาศาสตร์] ระดับพื้นฐานยังพอให้เขาบอกได้ว่าทั้งหมดล้วนใช้การไม่ได้แล้ว หรือบางอย่างยังเป็นพิษด้วย

แต่ท่ามกลางการค้นพบอันน่าผิดหวัง จีหรานก็ไปเจอกับลูกแก้วลูกหนึ่ง

เขาไม่แน่ใจว่าทำไมลูกแก้วนี่ถึงถูกวางเอาไว้ในส่วนทดลองเหมือนเป็นของที่ทำขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาไม่เคยเห็นการตกแต่งเช่นนี้ในห้องทำงานของนิโคเรอิหรือไซมอน

จีหรานตรวจดูลูกแก้วที่โดดเด่นขึ้นมาจากทุกอย่างในห้องนี้อย่างระวัง

ลูกแก้วนั้นมีขนาดใหญ่เกือบสองเท่าของกำปั้นของผู้ชายเต็มวัย มันส่องแสงเป็นประกายและยังมีฐานเป็นไม้สีแดง จากที่เห็น มันดูไม่ต่างไปจากลูกแก้วทั่วไป

หลังจากจีหรานตรวจดูรอบตัวตามนิสัยและแน่ใจว่าไม่มีกับดักอะไร เขาก็แตะมือลงที่ลูกแก้ว

ทันทีที่นิ้วของจีหรานแตะถูกมัน แสงสว่างแสบตาก็ก่อตัวขึ้นในลูกแก้ว มันส่องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ทั้งห้องสว่างไสวขึ้นในพริบตา

เมื่อแสงสว่างจางไป ลูกแก้วก็ฉายภาพเหมือนดูโทรทัศน์ไปที่กำแพงด้านหนึ่งของห้องทดลอง

“นี่มัน….”

ภาพที่ฉายนั้นเป็นห้องโถงอันคุ้นเคยและโลงศพทองแดงที่บนพื้น

จีหรานจำที่นั่นได้เพียงแค่มองแวบเดียว มันเป็นที่ที่เขาพบกับโลงศพทองแดงเป็นครั้งแรกและสู้กับครึ่งชีพกิลเฟรน แฮทช์

เมื่อฟรอสทริลก็ปรากฏตัวขึ้นในภาพฉายด้วยจีหรานก็เริ่มกังวล เขากลัวว่าฟรอสทริลจะรู้สึกถึงเขา

ฟรอสทริลไม่รู้ตัวว่าถูกลอบดูอยู่ เขาทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป วาดวงเวทย์หนึ่งซ้ำ ๆ

ฐานของวงเวทย์นั้นสร้างจากพระจันทร์ข้างแรมและพระจันทร์ข้างขึ้นใช้เป็นวงเวทย์แลกเปลี่ยน ฟรอสทริลดูจะกำลังใช้ผงระยิบระยับบางอย่างสร้างวงเวทย์จากพระจันทร์ข้างแรมสู่พระจันทร์ข้างขึ้น ที่ตรงกลางเป็นพระจันทร์เต็มดวง แบ่งทั้งหมดเป็นสองส่วน

พระจันทร์เต็มดวงนั้นมึความหมายเฉพาะในฐานะของสัญลักษณ์ใน [ความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์] แต่ระดับของจีหรานนั้นต่ำเกินกว่าเขาจะเข้าใจได้

เช่นเดียวกับผงระยิบระยับที่ฟรอสทริลกำลังใช้เป็นวัตถุดิบค้ำจุนการร่ายเวทย์ จีหรานไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นกัน

หลังจากฟรอสทริลวาดวงเวทย์เสร็จเจ็ดรอบ วงเวทย์ก็ดูจะสร้างเงาซ้อนทับกันหลายชั้นขึ้นมา

เมื่อเขาทำเสร็จ ฟรอสทริลก็เริ่มร่ายเวทย์ ลูกแก้วฉายภาพไม่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่เขากำลังพึมพำ แต่จีหรานก็ยังเห็นว่าเขาทำกำลังทำอะไร

“มันคือวงเวทย์ที่ขัดขวางการมองเห็นของนิโคเรอิ!” จีหรานพูดเบา ๆ

จากนั้นเขาก็เพิ่งความสนใจไปที่วงเวทย์ เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร

เขาต้องทำลายวงเวทย์เพื่อให้นิโคเรอิเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบนเกาะ

จีหรานไม่ได้จะพึ่งพาแค่ความช่วยเหลือจากนิโคเรอิเพราะว่าการรอความช่วยเหลือมาถึงน่าจะยาวนานทีเดียว

ฟรอสทริลอาจจะหาตัวจีหรานเจอได้ในระหว่างเวลานั้น หรืออาจจะเอาโลงศพทองแดงไปแล้วหายตัวไป

อย่างหลังนั้นน่าจะเป็นไปได้มากกว่า โดยเฉพาะเมื่อฟรอสทริลรู้ว่ากิลเฟรน แฮทช์ นั้นไม่กลับมาและเริ่มกลัวว่านิโคเรอิจะบุกที่นี่ เขาคงจะฉวยโลงศพทองแดงไปจากจีหรานแล้ว

นั่นไม่ใช่สิ่งที่จีหรานต้องการ หลังจากอ่านบันทึกแล้ว จีหรานก็ตัดสินใจจะต้องได้หัวใจในโลงศพทองแดง

“ฉันต้องลงมือก่อนเขา! ฉันต้องลงมือให้เร็วและได้รางวัลในโลงศพนั่น!” จีหรานคิดเงียบ ๆ

แน่นอนว่า ก่อนที่เขาจะลงมือ เขาต้องสืบและเตรียมตัวให้มากกว่านี้