บทที่ 6 บทที่ 131-2 ดังนั้นเจอกันที่นี่

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“จำเอาไว้ นั่นเป็นผู้ร้ายที่อันตรายมาก จะต้องเฝ้าดูให้ดี อย่าให้คลาดสายตาอย่างเด็ดขาด ก่อนส่งเข้าคุกพวกนายอย่าได้ละสายตาไปจากเขาเป็นอันขาด” 

 

 

เซอร์หม่ายืนสั่งการอยู่หน้ารถตำรวจ…เป็นการกำชับรอบที่สามแล้ว 

 

 

 “เซอร์หม่า วางใจได้ เขาหนีไม่ได้อย่างแน่นอน” ตำรวจสองคนจับซ้ายและขวาของชายฉกรรจ์ ทั้งยังใส่กุญแจมือตนเองกับสองมือของชายฉกรรจ์เอาไว้อีก…ด้านหน้ายังมีตำรวจอีกสองนาย 

 

 

หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้า หลังมองรถตำรวจจากไปแล้วถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก…เพิ่งได้รับคำสั่งจากเบื้องบนว่า พนักงานคนหนึ่งช่วยสร้างความวุ่นวายที่นี่ด้วย 

 

 

 “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะจับฆาตกรในคดีฆาตกรรมหลายคดีได้ที่นี่” หลินเฟิงส่ายหน้า “น่าสงสารคนที่ตายจริงๆ” 

 

 

หม่าโฮ่วเต๋อรู้สึกสับสน…ตอนนี้เองก็มีคนวิ่งมา 

 

 

 “เหล่าหม่า เหล่าหม่า” 

 

 

เป็นเริ่นจื่อหลิง 

 

 

รองบรรณาธิการเริ่นเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิด…น้อยมากที่หม่าโฮ่วเต๋อจะเห็นสีหน้าเหมือนเด็กรู้สึกผิดของเริ่นจื่อหลิง จึงใจอ่อนพูดเบาๆ ว่า “คุณคงไม่ได้หาอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่ไหม” 

 

 

เริ่นจื่อหลิงหน้าซีดขาวเล็กน้อย “ขอโทษด้วย…ฉันหาไม่เจอ ขอโทษด้วย” 

 

 

 “ไม่เป็นไรหรอก ครั้งนี้มีคนเยอะ” หม่าโฮ่วเต๋อพูดปลอบต่อ “ผมจะให้คนหาดู…เด็กคนนั้นดูเป็นคนดวงแข็ง น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก ถึงโลกนี้จะมีคนเลวเยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะมากอย่างที่เราคิด ส่วนมากแล้วยังมีมโนธรรมอยู่” 

 

 

 “หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” เริ่นจื่อหลิงพยักหน้าอย่างหมดทางเลือก 

 

 

 “พี่สาว” เสียงเด็กดังขึ้นด้านหลังเริ่นจื่อหลิง…เป็นเสียงของหลงเอ๋อร์ 

 

 

เริ่นจื่อหลิงดีใจขึ้นมา รีบหันกลับไป พบเงาร่างเล็กๆ ซึ่งหากไม่ใช่หลงเอ๋อร์แล้วจะเป็นใครไปได้อีก เพียงแต่ตอนนี้หลงเอ๋อร์ถูกยายแก่ๆ คนหนึ่งจูงเอาไว้และค่อยๆ เดินเข้ามา 

 

 

 “หลงเอ๋อร์ หนูไม่เป็นอะไร ดีจริงๆ” เริ่นจื่อหลิงรีบเข้ามาตรงหน้าหลงเอ๋อร์ ย่อตัวลง “ทำฉันตกใจหมดเลย อยู่ดีๆ ก็หายไป” 

 

 

 “หนูเห็นย่าแล้วเลยวิ่งออกมา” หลงเอ๋อร์พูดจา ‘ฉอเลาะ’ 

 

 

 “ต้องขอโทษด้วย สร้างความลำบากให้พวกคุณแล้ว หลานสาวของฉันดื้อเอง” ยายคนนั้นขอโทษไม่หยุด แต่ในหัวใจกลับรู้สึกแตกสลาย 

 

 

‘ให้ตายเถอะ ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งเผ่าปีศาจกลับต้องมาปลอมเป็นยายแก่ต่อหน้ามนุษย์คนหนึ่งที่นี่ จะซ่อมได้ยังไง’ 

 

 

 “ยาย ยายให้เด็กเล็กๆ คนหนึ่งวิ่งไปมาได้ยังไง ต้องดูแลให้ดีสิ ครั้งนี้…” เซอร์หม่าจับคนร้ายได้จึงอารมณ์ดีมาก ดังนั้นถึงเริ่มร่ายยาวสั่งสอนขึ้นมา 

 

 

ผู้อาวุโสแห่งเผ่าปีศาจเคยถูกมนุษย์สั่งสอนจนเงยหน้าไม่ขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่ครั้งนี้พูดอะไรไม่ได้ได้แต่ขอโทษซ้ำๆ 

 

 

หากไม่ใช่คำสั่งจากใต้เท้าหลงล่ะก็…จะว่าไป ทำไมมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพต้องมาใส่ใจมนุษย์ด้วย 

 

 

ไม่เข้าใจจริงๆ…มนุษย์คนนี้ เซอร์อะไรนี่ พอได้แล้ว ถ้ายังด่าต่อไป…ข้าจะก้มหัวให้เจ้าแล้วนะ 

 

 

 “เอาล่ะ วันนี้ก็เหนื่อยแล้ว รีบพาหลงเอ๋อร์กลับไปพักผ่อนเถอะ” หม่าโฮ่วเต๋อคิดว่าพอสมควรแล้วจึงปล่อยยายไป 

 

 

เมื่อหม่าโฮ่วเต๋อมองยายพาหลงเอ๋อร์เดินไปไกลแล้ว เขาถึงลูบคางและพูดว่า “อา…เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ น่าเสียดายที่ภรรยาของผมทำหมันแล้ว ไม่อย่างนั้นผมก็จะขออีกคน…คุณคิดว่ายังไง” 

 

 

 “แก่แล้วไม่เจียมตัว” เริ่นจื่อหลิงสบถ 

 

 

 “ให้ตายเถอะ…ผมยังมีความสามารถอยู่นะ” หม่าโฮ่วเต๋อพูด 

 

 

 “พี่เริ่น อยู่นี่เอง” 

 

 

หลีจื่อวิ่งมาจากที่ไกล เธอที่ไม่จำเป็นต้องหอบหายใจแต่กลับหอบหายใจในตอนนี้และพูดว่า “ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง ให้ฉันหาซะทั่วเลย…เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ” 

 

 

เริ่นจื่อหลิงหยักไหล่และพูดว่า “เอ่อ เรื่องมันยาว รอมีเวลาค่อยเล่าให้เธอฟังก็แล้วกัน…ตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ไป พวกเราไปเรียกลั่วชิวกับโยวเย่ไปกินอาหารมื้อดึกกัน…จะว่าไป พวกเขาไม่เป็นไรใช่ไหม เหมือนเพิ่งจะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นด้วย” 

 

 

 “กินมื้อดึกเหรอ ได้เลย ฉันเองก็หิวแล้ว” หลีจื่อเผยท่าทางกระตือรือร้นออกมา “ฉันรู้จักร้านดีๆ ที่อยู่แถวนี้” 

 

 

 “รู้จักแต่กิน” เริ่นจื่อหลิงส่ายหน้า แต่ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและเห็นแสงสีส้มพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า 

 

 

เมื่อแสงสายนี้พุ่งขึ้นไปจุดสูงที่สุดแล้วก็ระเบิดออกส่งเสียงดังกึกก้อง จากนั้นแสงก็ค่อยๆ ลากหางยาวเหมือนดาวหางก่อนเริ่มกระจายออกไป 

 

 

ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน กระจายออกเป็นดอกไม้ขนาดใหญ่หลากสีสัน แต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรที่แปลกเกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อน 

 

 

เป็นการแสดงของดอกไม้ไฟปกติ 

 

 

 “ว้าว สวยจัง” หลีจื่อส่งเสียงร้องออกมา 

 

 

เริ่นจื่อหลิงก็ยิ้ม…เคยดูดอกไม้ไฟมาไม่น้อย แต่คืนดีดูเหมือนจะน่าดูจริงๆ  

 

 

 “เอ๋ แปลกจริง…ไม่ใช่สั่งไปแล้วว่าห้ามแตะต้องดอกไม้ไฟพวกนั้นไม่ใช่เหรอ ไอ้สารเลวที่ไหนเป็นคนทำกัน” หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้ว 

 

 

แต่ถึงเซอร์หม่าจะสงสัยอย่างไร ดอกไม้ไฟก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยสีสัน 

 

 

… 

 

 

 “ดอกไม้ไฟ เก๋อชง เก๋อชง รีบดู ดอกไม้ไฟ สวยมากเลย” 

 

 

เด็กสาวดึงแขนเก๋อชง ชี้ออกไปที่นอกหน้าต่างอย่างตื่นเต้น 

 

 

… 

 

 

 “ว้าว สุดท้ายยังมีดอกไม้ไฟอีก ท่านแม่ สวยจริงๆ” ในอ้อมอกของซูเสี่ยวซู มีหัวเล็กๆ ยื่นออกมา ชี้ไปบนท้องฟ้าอย่างดีใจ 

 

 

ด้านหน้า ชีส จุยเฟิง เสี่ยวเจียงและนีนี่หยุดเดิน เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า สีสันหลากสีสะท้อนอยู่บนใบหน้าของพวกเขา 

 

 

 “อืม…เหมือนอยู่ดีๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมา” นีนี่พูดเบาๆ จากนั้นก็ลอบมองชีสแวบหนึ่ง 

 

 

ในตอนนี้เอง ชีสลอบยื่นมือออกมากุมเบาๆ และพูดอย่างกะทันหันว่า “ครั้งหน้า มาอีกเถอะ” 

 

 

หัวใจเต้นเร็วขึ้น 

 

 

เสี่ยวเจียงมองการกระทำของสองคนนี้แล้วอ้าปากค้ายด้วยความตกใจ…แต่ในตอนนี้เองหัวของเขาก็ถูกเขก 

 

 

 “บอกแล้วว่าห้ามเขกหัวฉันไง” ชั่วขณะนั้นเสี่ยวเจียงก็จ้องมองจุยเฟิงอย่างโมโห 

 

 

คิดไม่ถึงว่าจุยเฟิงจะหัวเราะและเอ่ยว่า “ฉันเห็นแล้วนะ พนักงานดับเพลิงที่บินได้น่ะ” 

 

 

 “หา” เสี่ยวเจียงชะงัก 

 

 

ชีสหันหน้ากลับไปพูดว่า “ใช่ ฉันก็เห็นแล้ว พนักงานดับเพลิงที่บินได้” 

 

 

 “จริงเหรอ” 

 

 

เสี่ยวเจียงเบิกตากว้าง “อยู่ที่ไหน ทำไมไม่บอกฉันก่อน ไม่มีเหตุผลเลย ไม่ยุติธรรม ฉันรอดูอยู่ตั้งหลายเดือนก็ยังมองไม่เห็น แต่พวกนายกลับเห็น รีบบอกฉันมา” 

 

 

จุยเฟิงกลับวิ่งไปข้างหน้า หัวเราะและพูดว่า “นายไล่ฉันให้ทันสิ ถ้านายไล่ตามฉันทัน ฉันจะเล่าให้นายฟัง” 

 

 

เสี่ยวเจียงเป็นทายาทของเผ่าปีศาจที่มีอายุยืนยาว สมองปราดเปรียวมาก รีบหันไปทางชีส “ชีส นายบอกฉันมา” 

 

 

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ชีสจะจูงแขนนีนี่และก็วิ่งไปข้างหน้า “นายมาไล่ตามฉันสิ” 

 

 

 “ให้ตายสิ…พวกนายนี่นะ” เสี่ยวเจียงร้องเรียกอยู่ข้างหลัง “รอฉันด้วย รอฉันด้วย” 

 

 

ซูเสี่ยวซูอยู่ด้านหลังมองแผ่นหลังของเด็กๆ เหล่านั้นและยิ้มบางๆ จากนั้นก็มองดอกไม้ไฟและพูดเบาๆ ว่า “คุณก็เห็นใช่ไหม…ลูกเราโตแล้ว สามี” 

 

 

… 

 

 

 “เวลานี้ยังปล่อยดอกไม้ไฟอีก พนักงานจัดรายการสมองพังไปแล้วหรือไง” 

 

 

หลังเวทีพวกเฉิงอี้หรานต้องหลบอยู่ที่นี่เพราะเหตุการที่เพิ่งเกิดขึ้น ตอนนี้พากันเลิกฉากผ้าออก คนที่พูดก็คือเหล่าหมัว 

 

 

แต่ตอนนี้เฉิงอี้หรานกลับหยิบกีตาร์ขึ้นมาและพูดอย่างฉับพลันว่า “ฉันว่าตอนนี้พวกเราฉวยโอกาสไปบ้าคลั่งด้วยกันอีกสักครั้งเถอะ” 

 

 

 “ตอนนี้น่ะนะ” หงก้วนชะงัก ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ดีหรอกมั้ง เป็นแบบนี้ไปหมดแล้ว…” 

 

 

เฉิงอี้หรานหัวเราะและพูดว่า “ฮ่าๆๆ มีเวทีดีขนาดนี้ จะสนใจทำไม พวกเราร้องของพวกเรา นี่ถึงเป็นดนตรีของพวกเรา” 

 

 

พูดแล้ว เฉิงอี้หรานก็รีบวิ่งออกไปหน้าเวที 

 

 

หงก้วน เสี่ยวเหยาและเหล่าหมัวสามคนมองหน้ากัน จากนั้นต่างคนก็ต่างเลียริมฝีปาก…เข้าใจความหมายของกันและกัน ไปกันเถอะ 

 

 

นี่ถึงเป็นร็อคของพวกเขา 

 

 

 “ทุกท่าน ทุกคน พวกเรากลับมาอีกแล้ว” เฉิงอี้หรานดีดกีตาร์ของเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “ต่อไปเป็นเพลง…’เฉาซี[1]’” 

 

 

ภายในความปรารถนาที่คุกรุ่น ความรู้สึกที่สะสมมานานหลายปีถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา 

 

 

ร้องตะโกนอีกครั้ง 

 

 

ทำนองของแรงบันดาลใจใหม่ ขยับไปกับคลื่นของชีวิต  

 

 

ผู้คน…หยุดบ่นเกี่ยวกับกับโชคร้ายในค่ำคืนนี้อย่างกะทันหัน และถูกดึงดูดเข้าไปในเสียงเพลง…ท้องฟ้าดุเดือดเพราะดอกไม้ไฟ พวกเขาที่อยู่บนพื้นก็ดุเดือดเพราะเสียงเพลง 

 

 

… 

 

 

 “ว่าไป ข้าก็ไม่ได้ดูดอกไม้ไฟมานานแล้ว” กุยเชียนอี…ไม่ได้อยู่ในรูปร่างของยายแก่แล้ว 

 

 

หลังจากมาก็รีบถอนวิชามายาทันที 

 

 

 “ข้าก็เช่นกัน” 

 

 

หลงซีรั่วพยักหน้า แสงหลากสีสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ แต่เธอกลับมองหาเงาร่างบนหลังคาสนามกีฬาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

 “ยืนอยู่บนที่สูงขนาดนั้น คง…ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวใช่ไหม” 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

เสียงดีดนิ้ว 

 

 

ทุกครั้งที่เสียงดีดนิ้วดัง ก็จะมีดอกไม้ไฟดอกหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้า 

 

 

ลั่วชิวดีดนิ้วพร้อมกับยิ้มบางๆ 

 

 

ท้องฟ้าที่มีสีสัน บนพื้น…ก็เป็นสีที่สวยงาม 

 

 

มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เป็นคุณหนูสาวใช้ที่กลับคืนสู่ร่างเดิม โยวเย่เดินเข้าไปหานายท่านของเธอ และพูดเบาๆ ว่า “นายท่าน ฉันได้…” 

 

 

แต่ตอนนี้ลั่วชิวกลับยื่นนิ้วมือออกไปแตะบนริมฝีปากของโยวเย่ ให้คุณหนูสาวใช้หยุดพูด 

 

 

เขาพูดขึ้นเบาๆ ว่า “มา ให้ของขวัญกับเธอ” 

 

 

พูดแล้วเจ้าของสมาคมก็โบกมือ ดอกไม้ไฟที่เหลือทั้งหมดระเบิดออกพุ่งขึ้นท้องฟ้า…กระจายอีกครั้ง 

 

 

เป็นสีม่วงและแดง 

 

 

เหมือนที่ผู้คนพบเจอกัน 

 

 

เมื่อคนมารวมตัวกันก็เหมือนกับดอกไม้ไฟ ที่มักจะเกิดความสวยงามที่หลากหลาย 

 

 

… 

 

 

เพราะเธออยู่กับเขาตลอด เขาจึงไม่เหงาอีกแล้ว 

 

 

 

 

 

[1] เพลงเฉาซี《潮汐》ของวง 黑豹乐队