บทที่ 6 บทที่ 132 ดีที่สุด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“อะไรนะ หนีไปแล้ว หนีได้ยังไง” 

 

 

นั่นคือเสียงคำรามของนายตำรวจหม่า ขณะที่คำราม เซอร์หม่าก็ถลึงตากว้างเหมือนใบหน้าเทพที่ติดอยู่หน้าประตู 

 

 

 “ขอโทษด้วยครับเซอร์หม่า พวกเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ก็สลบไป หลังตื่นขึ้นมา คน…คนก็หายไปแล้ว” 

 

 

 “ไร้ประโยชน์! สี่คนดูคนคนเดียวก็ไม่ได้ ไร้ประโยชน์จริงๆ” หม่าโฮ่วเต๋อด่าออกไป…ด่าตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้…แต่ก็อยากด่า 

 

 

ไม่งั้นความโกรธนี้จะไม่มีที่ให้ระบาย 

 

 

ตอนนี้ดึกมาก ผู้คนในสนามกีฬาแยกย้ายกันไปแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ที่นี่ก็คือตำรวจและพนักงานดับเพลิง ที่ทำความสะอาดง่ายๆ ไปพร้อมกับสำรวจอย่างละเอียด ใครจะรู้ว่าที่นี่จะยังมีของอันตรายติดตั้งไว้อยู่หรือเปล่า 

 

 

 “เซอร์หม่า ผู้ร้ายหนีไปแล้วเหรอ” หลินเฟิงขมวดคิ้ว 

 

 

หม่าโฮ่วเต๋อก็ขมวดคิ้ว “ถ้ามีเจ้านั่นแค่คนเดียวคงไปไหนไม่ได้…ฉันกลัวว่าเขาจะยังมีพวกอีก จะว่าไป คนคนเดียวคงทำเรื่องพวกนี้ในเวลาอันสั้นไม่ได้…จะต้องมีพวกแน่นอน หลินเฟิง นายรีบกลับไปที่สำนักงาน ออกหมายจับส่งไปทั่วโลก” 

 

 

 “รับทราบ” หลินเฟิงรู้ว่าสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงจึงไม่พูดอะไร รีบขับรถออกไปทันที 

 

 

หม่าโฮ่วเต๋อพูดว่า “บ้าชะมัด ทำไมปีนี้…ถึงมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากอย่างนี้นะ” 

 

 

… 

 

 

 “เป็นไงบ้าง” หลีจื่อมองเริ่นจื่อหลิง แต่ปากก็เคี้ยวหนวดปลาหมึกย่างไปด้วย 

 

 

เริ่นจื่อหลิงหยักไหล่พูดว่า “เหล่าหม่าพูดว่ามีเรื่องด่วน ไม่มาแล้ว…ตายแล้ว ของเยอะขนาดนี้ พวกเราจะกินหมดเหรอ…ถ้ารู้ก่อนคงไม่บอกให้เจ้าเด็กนั่นไปส่งโยวเย่กลับบ้านก่อน ลากเขามาด้วยคงดี” 

 

 

 “ไม่เป็นไร พี่เริ่น ฉันคนเดียวก็กินหมด” ดวงตาของหลีจื่อเปล่งประกาย 

 

 

เริ่นจื่อหลิงใช้สายตามองหลีจื่อเหมือนมองเห็นผี มองรูปร่างที่ผอมบางของเธอไปมา สุดท้ายก็แอบยื่นมือไปบีบที่ท้องของตนเอง…บ้าชิบ บีบออกมาได้เป็นชั้น 

 

 

 “อา…ไม่สนแล้ว ฉันก็หิว” เริ่นจื่อหลิงชูแก้วเบียร์ขนาดใหญ่ขึ้น “ชนแก้ว” 

 

 

หลังจากนั้นรองบรรณาธิการเริ่นก็เมาตัวอ่อนเหมือนโคลนและถูกหลีจื่อแบกกลับบ้าน 

 

 

สำหรับพวกเธอ คืนนี้ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว 

 

 

… 

 

 

คืนนี้ครอบครัวของชีสไม่ได้พักอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง…กุยเชียนอีพูดว่าเรื่องราวผ่านไปแล้ว กลับบ้านเถอะ  

 

 

ดังนั้นครอบครัวปีศาจหนูจึงกลับบ้านของตนเอง…ซึ่งยังคงเป็นบ้านหลังนั้น 

 

 

ชีสกลับมาแล้วก็ไม่ได้หยุดพัก วุ่นซ้ายวุ่นขวา ดูแลน้องๆ จนหลับ จากนั้นก็ทำอาหารให้ซูเสี่ยวซู สุดท้ายก็มองดูมารดาหลับไป 

 

 

การเป็นลูกคนโตของบ้าน…ถือว่าเป็นสวัสดิการของลูกคนโต ในห้องชั้นใต้ดินเล็กๆ แห่งนี้ มีชั้นสองเล็กๆ เหมือนห้องใต้หลังคาที่เป็นห้องนอนของชีส  

 

 

ในนี้มีช่องอากาศเล็กๆ ที่สามารถมองออกไปข้างนอกได้ 

 

 

 “พรุ่งนี้…ค่อยเริ่มใหม่เถอะ” ชีสถอนหายใจเบาๆ นอนลงบนเตียง อาจเพราะเหนื่อยมาก หรือคิดจะผ่านคืนนี้ไปโดยเร็ว เขาจึงหลับสนิทไป 

 

 

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เขาที่อยู่ในความฝันหันหลังพิงช่องอากาศเพียงหนึ่งเดียวอันนั้น…ส่วนตอนนี้ในช่องอากาศปรากฏเงาดำสายหนึ่ง 

 

 

ทันใดนั้นเงาดำนี้ก็หดเล็กลง กลายเป็นของเหลว ลอดเข้าไปทางช่องอากาศ…และคืนร่างอีกครั้ง 

 

 

มันคือนกหวีด นกหวีดที่ได้ร่างอันมั่นคงของตนเอง นกหวีดยืนอยู่ข้างชีส ค่อยๆ ก้มหัวลงมาอ้าปากของตนเอง 

 

 

แต่สุดท้ายฟันอันแหลมคมเหล่านั้นก็ซ่อนเข้าไปในปากของมัน มีเพียงลิ้นที่ยื่นออกมา เลียบนแก้มของชีสเบาๆ 

 

 

ทันใดนั้นนกหวีดก็ลุกขึ้น มองใบหน้าเด็กไม่ประสานี้เงียบๆ ห่มผ้าห่มให้ชีสจากนั้นก็หันหลังไป 

 

 

มันไม่หันกลับมาอีก ร่างกายกลายเป็นของเหลวไหลผ่านช่องอากาศไป เมื่อถึงนอกห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ด้านหลังมีปีกกางออกมา บินไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน 

 

 

เขาที่อยู่ในความฝันยื่นมือออกมาลูบหน้าของตนเองอย่างฉับพลัน พูดในความฝันว่า “คันจัง อย่าทำแบบนี้…นกหวีด” 

 

 

คงจะเป็นฝันดี 

 

 

สำหรับครอบครัวปีศาจหนูแล้ว คืนนี้ถือว่าสิ้นสุดลง 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามกีฬาดอกบัวบานเมื่อคืนกลายเป็นประเด็นร้อนของทั้งเมือง ถูกพูดคุยกันในทุกๆ โพสต์  

 

 

เพราะอุบัติเหตุในช่วงสุดท้ายของรายการ ทำให้รายการยกเลิกการจัดอันดับเมื่อคืนเอาไว้ชั่วคราว อีกทั้งยังกำหนดจะแข่งซ้ำอีกครั้ง 

 

 

ถึงเรื่องอันดับจะถูกพูดถึงไปแล้ว…แต่เรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็ยังคงเป็นประเด็นความสามารถของนักร้อง 

 

 

ผู้คนชอบการพูดถึงเรื่องแบบนี้ 

 

 

 [ถึงจะมีซาบซึ้งบ้างเล็กน้อย…แต่ถ้าวิเคราะห์ตามความสามารถแล้วก็ห่างจากนักร้องคนอื่นๆ มากเกินไป] 

 

 

 [ถึงจะเพิ่มคะแนนในด้านความรู้สึกได้ แต่ก็ไม่กระทบถึงรายการ ยิ่งมองฉันก็ยิ่งรู้สึกกระดากใจ…] 

 

 

 [พวกนายไม่อยู่ในสถานที่จริง ลองอยู่ในสถานที่จริงลองดู ฉันฟังจนร้องไห้ พวกนักเลงคีย์บอร์ดอะไรนั่นไปตายซะ] 

 

 

แต่สิ่งที่ครั้งนี้แตกต่างจากสัปดาห์ก่อนก็คือ เสียงต่อต้านในครั้งนี้ไม่ได้ปกคลุมฟ้ามาแบบครั้งก่อน แต่กลับค่อยๆ เพิ่มขึ้น 

 

 

โดยเฉพาะเจ้าของไอดีที่ด่าเมื่อครั้งก่อนขึ้นโพสต์ขอโทษ แล้วก็มีคำชมวง ‘Again’ ทำให้เกิดการวิเคราะห์กันอย่างดุเดือด 

 

 

แต่ถึงโลกอินเตอร์เน็ตพูดถึงวงการบันเทิงอย่างดุเดือดเพียงใด แต่ภายในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง คุณหมอหลงที่มีใบอนุญาติดำเนินธุรกิจตามกฏหมาย กลับไม่มีความกระตือรือร้นใดๆ เลย 

 

 

เหตุผลที่เธอเปิดดูโพสต์ต่างๆ ในตอนนี้ก็เพราะจะดูว่ามีใครถ่ายพบเรื่องแปลกๆ อะไรหรือไม่ 

 

 

 “ถูกลบไปหมดงั้นเหรอ…” หลงซีรั่วถือแก้วกาแฟขึ้นมา เอนลงบนโต๊ะทำงานของตนเอง ด้วยสภาพของเธอในตอนนี้ นอกจากท่านี้แล้วก็ไม่มีท่าอื่นอีก 

 

 

ตอนนี้ขาสั้น…จะโทษใครได้ 

 

 

แต่เนื้อหาของหมายจับใบหนึ่งสามารถดึงสายตาของหลงซีรั่วได้ในที่สุด นี่ทำให้หลงซีรั่วไม่สนใจท่วงท่าของตนเองอีก เธอยืนขึ้นมาบนเก้าอี้ จากนั้นก็นอนบนโต๊ะ ขณะเดียวกันก็พลิกสะโพกของตนเอง 

 

 

อย่าเข้าใจผิด…เพียงเพราะท่านี้สะดวกมากกว่าเท่านั้น 

 

 

 “หมายจับ…จุยเฟิง” หลงซีรั่วพยายามจ้องไปบนรูปภาพบนหมายจับ เป็นชายฉกรรจ์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบากดูน่ากลัวคนหนึ่ง “ที่แท้แบบนี้ก็แก้ไขได้แล้ว…ก็ดี นักโทษตามหมายจับคนนี้ คงจะหาตัวไม่พบไปตลอดกาล” 

 

 

หลงซีรั่วส่ายหน้า ถึงจะไม่อยากยอมรับ…แต่ร้านนั้นก็จัดการเรื่องได้รวดเร็วมาก 

 

 

 “คุณหนูหลง” 

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงของเจ้าของสมาคมลั่วดังเข้ามา 

 

 

หลงซีรั่วออกแรงเงยหน้าขึ้น มองข้ามหน้าจอบนโต๊ะไปด้านหน้า…มองเห็นเจ้าของสมาคมที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน 

 

 

ลั่วชิวพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “ขอโทษด้วย ผมควรจะเคาะประตูก่อน แต่ด้านนอกมีคนของคุณอยู่ ฉะนั้นผมจึงเข้ามาเลย”  

 

 

 “เคาะประตูเหรอ” หลงซีรั่วชะงัก จากนั้นถึงได้พบจุดที่ผิดปกติ… “ไสหัวออกไป!”  

 

 

ท่าทางแบบนี้ถูกพบเห็นเข้าเสียแล้ว 

 

 

เสียงคำรามนี้ทำให้กุยเชียนอีที่อยู่รักษาบาดแผลอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยน รีบไปยังห้องที่ใต้เท้าหลงอยู่ในทันที 

 

 

 “ใต้เท้าหลง เกิดเรื่องอะไรขึ้น” กุยเชียนอีเปิดประตูเข้าไปก็ถามในทันที 

 

 

แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไร…นอกจากหลงซีรั่วแล้ว ในนี้ก็ไม่มีอะไรอีก 

 

 

แต่กุยเชียนอีกลับพูดอย่างตกใจว่า “ใต้เท้าหลง ท่าน…ท่านเป็นอะไร” 

 

 

เห็นหลงซีรั่วสีหน้าซีดขาว นั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเก้าอี้ แม้แต่แรงจับใบหน้าก็แทบไม่มี เหมือนกับ…เหมือนกับถูกรุมโทรมจากปีศาจชายทั้งโลกปีศาจมาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

 “กุย…กุยเชียนอี…รีบ…” หลงซีรั่วมีท่าทีอ่อนแรง “รีบ…รีบ…เอายาเพิ่มเลือด…มาให้ข้าเดี๋ยวนี้…เอาเลือดไป…มากขนาดนี้…” 

 

 

เพิ่งพูดจบ มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพก็พ่นฟองสีขาวออกมาและสลบไป 

 

 

 “ใต้ ใต้เท้าหลง!” 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

เจ้าของสมาคมลั่วคำนวณดู เกือบสองพันมิลลิลิตร…อุปกรณ์บรรจุอันหนึ่งก็บรรจุไม่หมด แต่คุณหนูสาวใช้ที่ละเอียดอ่อนเพียบพร้อมก็ได้เตรียมอุปกรณ์บรรจุแบบพิเศษเอาไว้พร้อมแล้ว 

 

 

สุดท้ายลั่วชิวก็ห่ออุปกรณ์บรรจุด้วยผ้าสีดำ จากนั้นถึงได้ยิ้มและพูดว่า “ส่งห้าร้อยมิลลิลิตรเข้าห้องเก็บของ ต่อไปอาจจะได้ใช้ ที่เหลืออีกครู่หนึ่งฉันจะเอาไปสักการะบูชา” 

 

 

 “รับทราบ” โยวเย่พยักหน้า 

 

 

เมื่อพูดจบลั่วชิวถึงพิจารณาสถานที่ทำธุรกิจของตนเอง…หน้าตู้เก็บของหลังหนึ่ง “ไท่อินจื่อ นายมีเรื่องอะไรไหม” 

 

 

เห็นไท่อินจื่อถือผ้าชิ้นหนึ่งไว้ในมือ ความเป็นจริงแล้ว นับตั้งแต่เริ่มต้นไท่อินจื่อก็ถือผ้าเอาไว้ตลอด และเช็ดกระจกชิ้นเดิม อีกทั้งยังแอบมองมาอยู่เสมอ 

 

 

 “อา…ข้าทำเพื่อให้นายท่านดีใจ” ไท่อินจื่อรีบพูด “นี่เป็นการแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ ยินดีกับนายท่าน ยินดีกับนายท่านด้วย” 

 

 

 “ใช่เหรอ” ลั่วชิวยิ้ม ทันใดนั้นก็มองคุณหนูสาวใช้และพูดว่า “อืม รู้สึกมีแรงบันดาลใจ…โยวเย่ หยิบเบสที่ฉันซื้อมาเมื่อครั้งก่อนออกมาซิ ฉันจะเล่นหน่อย” 

 

 

 “ค่ะ” คุณหนูสาวใช้ยิ้ม พยักหน้าจากนั้นก็มองไท่อินจื่อและเอ่ยว่า “ไท่อินจื่อ กุญแจของฉันล่ะ” 

 

 

ไท่อินจื่อชะงัก รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นยะเยือก แต่ทำหน้าด้านพูดว่า “คุณหนูโยวเย่ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ให้ข้าทำเถอะ ข้าจะรีบเอามาให้นายท่านเดี๋ยวนี้” 

 

 

พูดแล้วก็ไม่รอโยวเย่อนุญาติ ไท่อินจื่อรีบจากไปในทันที หลังจากนั้นไม่นาน ไท่อินจื่อก็หยิบถุงสีดำอันหนึ่งออกมา กลืนน้ำลายและส่งไปตรงหน้าเจ้าของสมาคม 

 

 

ลั่วชิวก็ไม่พูดอะไร ล้วงเอาของด้านในออกมา เป็นเบสตัวหนึ่งจริงๆ 

 

 

เจ้าของสมาคมลั่วลูบด้านบนเล็กน้อย ทันใดนั้นก็พูดว่า “อืม แปลกจริง ทำไมเบสอันนี้ถึงดูใหม่ขึ้นไม่น้อย ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตรงนี้สีซีด” 

 

 

 “อ๋อ ข้าเติมให้แล้ว” ไท่อินจื่อรีบพูด “เมื่อวานข้าเห็นตอนทำความสะอาด…นี่เป็นของที่นายท่านใช้ จะให้มีมลทินได้อย่างไร ดังนั้นข้าจึงเติมสีตรงจุดที่ซีดไป” 

 

 

เจ้าของสมาคมมองไปยังไท่อินจื่ออย่างมีเลศนัย มองจนผีเฒ่าเหงื่อเย็นซึม 

 

 

 “ตายจริง ไท่อินจื่อ ช่วงนี้นายรู้จักสร้างผลงานดีนี่” คุณหนูสาวใช้ยิ้มและพูดว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่างานของตัวเองจะถูกนายแย่งไปหมดแล้ว” 

 

 

 “ข้าไม่กล้า” ไท่อินจื่อหวาดกลัวพูดอย่างระมัดระวังว่า “ข้าจะกล้าได้อย่างไร ข้าต้องการแบ่งเบาภาระให้นายท่านกับคุณหนูโยวเย่เท่านั้น อีกอย่าง…อีกอย่าง…” 

 

 

บ้าชิบ…คิดหาคำพูดไม่ออก 

 

 

 “จะพูดอะไรอีกเหรอ” คุณหนูสาวใช้หรี่ตาลง 

 

 

ไท่อินจื่อพูดอย่างรีบร้อนว่า “อีกอย่าง คนที่สามารถยืนอยู่ข้างนายท่านได้ก็มีเพียงแค่คุณหนูโยวเย่เพียงคนเดียว” 

 

 

นี่เป็นคำพูดที่ใจกล้ามาก หลังพูดจบ ไท่อินจื่อก็รู้สึกหวิวๆ ในใจ เงยหน้าเหลือบมอง…ดูเหมือน ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธ 

 

 

เห็นคุณหนูสาวใช้ยิ้มขึ้นในทันใด พูดเบาๆ ว่า “นายท่าน ต้องการดื่มชาไหม” 

 

 

 “อา ขอบคุณ” ลั่วชิวพยักหน้า ก้มหน้าเล่นเบสที่ตนเอง ‘ซื้อมา’ เบาๆ 

 

 

ไท่อินจื่อเห็นแล้วก็ลอบเช็ดเหงื่อ…ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องแล้ว นายท่านคงมองไม่ออกใช่ไหม…ไม่ถูก นายท่านจะดูไม่ออกได้ยังไง 

 

 

แต่ด้วยนิสัยของนายท่านแล้ว ทำไมถึงทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…บ้าชิบ ข้าคงไม่ได้พบกับนายท่านและคุณหนูสาวใช้ตัวปลอมหรอกใช่ไหม 

 

 

หลังลั่วชิวเล่นไปครู่หนึ่ง ก็มองทางไท่อินจื่ออย่างกะทันหันและพูดว่า “ไท่อินจื่อ นายพูดว่าจะทำความสะอาดไม่ใช่เหรอ ยังยืนนิ่งอยู่ทำไม” 

 

 

 “อ๋อ ข้าจะทำเดี๋ยวนี้” ไท่อินจื่อรีบวิ่งไปยังหน้าตู้ที่เช็ดเมื่อครู่ เพิ่งเช็ดไปได้สองครั้งก็หันกลับมาพูดว่า “นายท่าน ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาโดยตลอด นายท่านช่วยอธิบายให้ข้าคลายสงสัยได้หรือไม่” 

 

 

 “พูดมา” ลั่วชิวหยุดนิ้ว 

 

 

ไท่อินจื่อครุ่นคิดและพูดว่า “นายท่าน เฉิงอี้หรานซื้อกีตาร์ ถ้าพูดตามหลักการแล้วคนธรรมดาจะต้านทานไม่ได้ แต่ข้าจำได้ว่าคืนเมื่อวานที่เฉิงอี้หรานเล่นอีกครั้งเขาสามารถใช้เวทมนตร์ของกีตาร์ได้อีกครั้ง แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพวกหงก้วนที่ขึ้นบนเวทีในตอนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รับอิทธิพล ทั้งยังสามารถแสดงได้อย่างปกติ” 

 

 

เจ้าของสมาคมลั่วพูดว่า “เพราะพวกเขาเหล่านั้นเดิมทีก็ชื่นชมอีกฝ่ายอยู่แล้ว ทั้งยังคิดว่าอีกฝ่ายเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นจะมีกีตาร์หรือไม่มีกีตาร์ก็ไม่แตกต่างกัน” 

 

 

ไท่อินจื่อครุ่นคิด เพียงแค่เหม่อลอยก็ไม่สนใจผ้าในมือ ทำให้มือไปโดนตู้จานตกแต่งเข้า 

 

 

ไท่อินจื่อกะพริบตา มองจานที่ผ่านหน้าตนเองตกลงไปบนพื้น  

 

 

เพล้ง แตกออกเป็นชิ้นๆ 

 

 

มองเห็นจานที่แตกแล้วไท่อินจื่ออ้าปากค้าง 

 

 

 “ตายแล้ว นี่เป็นจานที่หลุยส์ที่สิบสี่เคยใช้” คุณหนูสาวใช้ที่ถือจานออกมาสีหน้าเศร้า “ไท่อินจื่อ นายทำลายมันได้ยังไง นี่เป็นของที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวนะ”  

 

 

 “ข้า ข้า ข้าๆๆๆ ข้าๆๆ ไม่รู้…” 

 

 

คุณหนูสาวใช้ส่ายหัว “อา เดิมที…เอาเถอะ ไท่อินจื่อ นายมารับการลงโทษซะดีๆ” 

 

 

เชือกดำโผล่ออกมาจากสี่ทิศ ใช้วิธีที่ไท่อินจื่อคุ้นเคยรัดเชือกเข้ามาในพริบตา ภูตดำใหม่ของสมาคมก็ส่งเสียงร้องขึ้นชั่วขณะ  

 

 

 “NO!”