ตอนที่ 189

The Devil’s Cage

“ข้าไม่ได้กินมนุษย์มาเก้าร้อยปีแล้ว”

ประกายระยิบระยับกลืนกินในพริบตา

มีดสั้นทึบทึมนั้นป่นเป็นผง เหมือนค่า Attribute ของมัน [เกลียดชัง] เมื่อความเกลียดชังสลายไป ทุกอย่างก็กลายเป็นฝุ่นผง

เมื่อผู้ใช้มีดกำจัดความเกลียดชังของชีวิตไปได้ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือความสุข

ความสุขบนใบหน้าจีหรานนั้นเป็นของจริงและยังเกิดขึ้นเมื่อเห็นร่างของฟรอสทริลปล่อยหนังสือสกิลที่มีประกายสีม่วงจาง ๆ ออกมา

แม้ว่าหนังสือสกิลระดับพิเศษนั้นจะถูกจัดเอาไว้ในหมวดหมู่อื่นและอาจจะไม่ได้มีประโยชน์กับเขามากนัก ตามความเข้าใจของจีหราน มันเป็นอะไรก็ได้แต่ไม่ได้ร้ายกาจ

หากคิดว่ามันอ่อนด้อยแล้ว ก็ยอมไม่สามารถหาวิธีการใช้งานที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ หากเป็นหนังสือสกิลจากคนอย่างฟรอสทริล มันจะอ่อนด้อยได้จริง ๆ น่ะเหรอ?

ก่อนที่จีหรานจะหลงระเริงในความสุข เขาก็ไม่ลืมว่าต้องทำอะไรต่อ

เขาดึงสลักของระเบิดลูกสุดท้ายที่เอาเข้าดันเจี้ยนมาด้วยและขว้างมันใส่คนที่ยังเดินเข้าหาโลงศพทองแดง

พวกมันไม่ทันมีปฏิกิริยา การต่อสู้ต่อเนื่องและความกดดันจากศัตรูร้ายกาจนั้นสูงเกินไปสำหรับฟรอสทริล อย่าว่าแต่คนของเขาเลย

พวกมันเพิ่งเห็นศพของฟรอสทริลหล่นลงพื้น ระเบิดก็มาอยู่ตรงเท้าของพวกมันแล้ว

ตูม!

สนามพลังป้องกันและอุปกรณ์เวทย์ที่ใช้ป้องกันเริ่มส่องประกายขึ้นทีละอันหลังเกิดการระเบิด และทุก ๆ คนก็ถูกแรงระเบิดกลืนกินและส่งให้ปลิวไป

แผนการเดิมของจีหรานนั้นก็เพื่อป้องกันคนของฟรอสทริลไม่ให้เข้าถึงโลงศพทองแดงและได้มันมาไว้เอง

“ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับผู้บุกรุกของพวกเขาจะรุนแรงกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ เกราะป้องกันและอุปกรณ์ป้องกันของพวกเขาล้วนถูกทำลายได้ด้วยระเบิดเพียงลูกเดียว!”

ความคิดนั้นปรากฏขึ้นในใจจีหรานทันทีที่เห็นพวกนั้นถูกส่งปลิวไป

เขารีบดึงเอาปืนเก็บเสียง [MI-02] และ [Python-W2] ออกมาถือมันเอาไว้ในมือขวาและซ้ายตามลำดับ

มันเป็นโอกาสอันดีที่จะเก็บเกี่ยวชัยชนะและสังหารคนที่สูญเสียพลังไป

ผู้ชายพวกนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตอนที่มันอยู่ในสภาพปกติเท่าไหร่ พวกมันล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รับเลือกจากฟรอสทริล นอกจากนี้ สิ่งที่เขาจะเก็บเกี่ยวได้จากการตายของพวกมันก็คงเป็นรางวัลเพิ่มเติมที่ดีสำหรับจีหราน

ก่อนที่จีหรานจะทันได้เหนี่ยวไก คนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาจากอากาศว่างเปล่าโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

เขาปรับเป้าหมายไปทางนั้นและเหนี่ยวไกตามสัญชาตญาณ

ปัง!

กระสุนวิ่งผ่านเส้นผมชายผู้นั้นไป

“คุณ…” จีหรานอยากจะพูด แต่กลับถูกคนของฟรอสทริล ที่จู่ ๆ ก็ร้องขอความเมตตา ขัดขึ้น

“นะ… นายท่าน! ฟรอสทริลสะกดพวกเรา! พวกเราไม่ได้คิดจะทรยศท่าน! กรุณาด้วย นายท่าน!”

เสียงกรีดร้องวุ่นวายของผู้ชายพวกนั้นทำให้จีหรานอึ้งไปและตัวแข็งอยู่กับที่

คนที่สามารถทำให้ผู้ชายพวกนี้ร้องขอความเมตตา และยังเป็นคนที่พวกมันเรียกขานว่า นายท่าน?

ย่อมต้องเป็นหัวหน้าสมาคมเร้นดารา เซอร์เดนก์!

“เร็วมาก! เขาปรากฏตัวขึ้นภายในห้าหรือหกวินาทีหลังจากฉันทำลายวงเวทย์!”

จีหรานนั้นประหลาดใจจริง ๆ กับความเร็วของการปรากฏตัวของเซอร์เดนก์ เขาสูดลมหายใจลึกโดยไม่รู้ตัว เขามองไปทางหัวหน้าสมาคมเร้นดาราอย่างอดไม่ได้

เครื่องหน้าคมเข้ม และยังท่าทางมั่นคง ผมสีแดงยาวประบ่า แต่ไม่ได้ทำให้ดูอ่อนแอ กลับตรงกันข้าม จีหรานสัมผัสได้ถึงความป่าเถื่อนและไร้การควบคุมของผู้ชายคนนี้

เขาไม่สูงมาก แต่แผ่รัศมีที่ทำให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่

ภายใต้คิ้วหนานั้นเป็นดวงตาคมกริบราวเสือดาวและเป็นประกาย

“2567?”

พอเขาเอ่ยชื่อจีหราน รัศมีพลังมหาศาลก็ระเบิดออกมา ราวกับเผด็จการในสมัยเก่าก่อน ความกดดันจากรัศมีของเขาบีบเค้นจีหราน

จีหรานหวาดกลัวรัศมีของเซอร์เดนก์ และไม่มีหนทางต้านทานได้

ขณะที่เขาดิ้นรนต่อต้านพลังของเซอร์เดนก์อย่างมืดบอด เขาก็รู้สึกตัวแข็งทื่อ ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย

เขาไม่สามารถยกนิ้วขึ้นสู้กลับได้ด้วยซ้ำ เขารีบปรับลมหายใจและขยับแขนขาอยู่ในใจ หวังว่าจะสามารถไปถึงกระเป๋าคาดเอวได้ด้วยปลายนิ้ว

จีหรานเตรียมน้ำยาเฉพาะสำหรับสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ เพื่อต้านทานเสียงหัวใจเต้นของโลงศพทองแดง แต่เขาคงเก็บมันไว้ใช้ไม่ได้อีกแล้ว

ความคิดของเขานั้นดี แต่ความจริงนั้นร้ายกาจและยังเย็นเยียบ

เขารวบรวมพลังกายและพลังใจทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถเอื้อมถึงกระเป๋าคาดเอวได้

ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือขยับนิ้วเล็กน้อยเท่านั้น

“ดี ดีมาก! ไม่เลวเลย!”

เซอร์เดนก์สังเกตเห็นการขยับเล็กน้อยของนิ้วของจีหรานและชื่นชมเขาด้วยเจตนาอันไม่ชัดเจนและหัวเราะปากกว้าง

“เมี๊ยว?”

เสียงหัวเราะดังลั่นราวกับฟ้าผ่าของเซอร์เดนก์ก้องอยู่ในหูทุกคน แต่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเขา กลับมีเสียงร้องเหมียวดังชัดเจน

แม้ว่าจะแค่เหมียวเดียว ทุกคนก็เข้าใจความหมายของการปรากฏตัวของสัตว์ตัวนี้ที่นี่

ขณะที่ทุกคนมองไปรอบ ๆ เพื่อหาแหล่งที่มาของเสียง แมวลายขาวเหลืองตัวอวบก็ปรากฏตัวขึ้นที่ระหว่างจีหรานและเซอร์เดนก์ที่เผชิญหน้ากันอยู่

จิตสังหารที่ลอยอยู่เต็มห้องโถงและเล็งมาที่จีหรานสลายไปเมื่อเจ้าแมวปรากฏตัว

“ทิกิ!” จีหรานพูดเมื่อเห็นแมวตัวนั้น ก้มหน้าลงเล็กน้อย

ทิกิยิ้มให้จีหรานเหมือนมนุษย์ แกว่งหางไปมาเบา ๆ

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงดังรัวดังมาจากด้านหลังพวกเขา นอกจากจีหราน เซอร์เดนก์ และทิกิ คนของฟรอสทริลทุกคนล้วนปลิวไปด้านนอก จากเสียงหนัก ๆ นั่นแล้ว พวกมันน่าจะหล่นลงไปแรงทีเดียว

“ทิกิ เจ้าทำอะไร?” เซอร์เดนก์ตะโกน สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

“ข้าทำอะไร? แก้แค้นไงล่ะ! เจ้ารังแกเด็กน้อยของข้า! ข้าก็ต้องแก้แค้นให้เขาสิ! ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าใช่ไหมว่าแมวน่ะเจ้าคิดเจ้าแค้น!” ทิกิพูดขณะจีหรานมองไปที่มันอย่างไม่อยากเชื่อ

เสียงต่ำ ๆ ของเจ้าแมวทำให้ดวงตาจีหรานเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม

จีหรานรู้ว่าทิกิไม่ใช่แมวธรรมดา มันไม่เพียงมีพลัง แต่ยังฉลาดกว่ารูปลักษณ์ภายนอก แล้วมันยังพูดได้ด้วย

“ข้าอยากจะทักทายเจ้ามาตลอดเลย 2567! แต่ให้เจ้าประหลาดใจมันสนุกกว่าว่ามั้ย?”

ทิกิยิ้มให้จีหรานและโบกอุ้งมืออวบ ๆ ให้เขา

จีหรานไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือหัวเราะแห้ง ๆ และพยักหน้า

พวกเขาแทบจะเมินเซอร์เดนก์ไป และเขาก็ดูไม่ยินดีนัก

“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสู้กับเจ้าเพราะนิโคเรอิอยู่แถวนี้หรือไง?” เขาพูดอย่างโกรธ ๆ

“แค่เพราะเรอิร่วมมือกับพวกเจ้าเพราะสิ่งนั้น เจ้าก็คิดว่าเจ้าสามารถทำอะไรอวดดีและไม่ต้องสนใครได้งั้นรึ?”

ทิกิหันหัวไปรอบ ๆ โดยไม่วางเท้าลง กรงเล็บแหลมยื่นออกมา

“อยากลองดีกับข้าหรือ เซอร์เดนก์? ข้าไม่ได้กินคนมาเก้าร้อยปีแล้ว! เรอิคงไม่ห้ามข้ากินขนมชิ้นสองชิ้นหรอก!”

ทิกิยังยิ้มขณะที่พูดคำเหล่านั้น

รอยยิ้มของมันเต็มไปด้วยอันตราย ใช่ อันตราย ไม่ใช่แค่การขู่

ทุกคนที่เห็นรอยยิ้มของทิกิย่อมไม่สงสัยเลยว่าเจ้าแมวสามารถทำได้ตามที่มันอ้าง

เซอร์เดนก์จ้องทิกิ และทิกิก็จ้องเขากลับ

บรรยากาศเงียบและสงบ เหมือนก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่