เฉินโม่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มดูมีเลศนัย “เรื่องนี้แม่ไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงผมก็มีวิธีจัดการอยู่แล้ว”

หลี่ซู่เฟินยังไม่วางใจอยู่ดี เธอพูดเตือนว่า “อ้อ พวกเพื่อนของลูกช่วยเรามากพอแล้ว แม่ไม่อยากไปรบกวนพวกเขาอีก”

“เพื่อนเหรอ” ครั้งนี้เฉินโม่งงแล้ว

เวินฉิงพูดอธิบายขึ้นข้างๆ “พวกฉู่เหวินสงที่ฉายซางไง”

“อ๋อ แม่หมายถึงพวกเขาเหรอ! เหอะๆ วางใจเถอะ ผมไม่ไปหาพวกเขาหรอก” เฉินโม่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ถ้าแม่รู้ความสัมพันธ์แท้จริงของเขากับพวกฉู่เหวินสง ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร

“พี่เวินฉิง พี่ตามผมมา” เฉินโม่มองเวินฉิง ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ไอ้เด็กดื้อ มีอะไรที่ไม่สามารถพูดต่อหน้าฉันได้ จะปิดบังแม้กระทั่งแม่เหรอ!” หลี่ซู่เฟินพูดดุอย่างไม่พอใจ

“แม่ได้โปรดอภัยให้ด้วย!” เฉินโม่พูดจบ ก็ดึงมือเวินฉิงวิ่งออกไป

มาถึงในห้องข้างๆ เฉินโม่นั่งลงบนโซฟา มองเวินฉิงที่สีหน้าแดงระเรื่อ แล้วพูดว่า “พี่เวินฉิงนั่งสิ!”

เวินฉิงสีหน้าแดงระเรื่อ โดนเฉินโม่จูงมือ เธอคิดไม่ถึงว่าหัวใจที่ไม่เอาไหนจะเต้นแรง

“อ๋อ ได้!” จู่ๆ ปฏิกิริยาของเวินฉิงดูเชื่องช้าลง

เฉินโม่ไม่ได้คิดอะไรมาก มองเวินฉิงแล้วถามว่า “พี่เวินฉิงบอกผมมาตามตรง ต้องมีเงินห้าหมื่นล้าน ถึงจะแก้ไขวิกฤตของเหม่ยหวา กรุ๊ปครั้งนี้ได้ใช่ไหม”

เมื่อได้ยินเฉินโม่พูดเรื่องสำคัญ เวินฉิงระงับความหวั่นไหวในใจ จากนั้นพยักหน้าจริงจัง “ใช่ วิกฤตของเหม่ยหวา กรุ๊ปครั้งนี้ สาเหตุสำคัญคือขาดเงินทุน จากนั้นฉันกับประธานจำใจต้องเอาเหม่ยหวา กรุ๊ปไปเป็นหลักประกัน เพื่อขอกู้เงินจากธนาคาร จึงทำให้เหม่ยหวา กรุ๊ปเผชิญกับวิกฤตในวันนี้”

เวินฉิงมองเฉินโม่ พูดอย่างเสียดายว่า “ถ้ามีเงินห้าหมื่นล้านเข้ามาในเหม่ยหวา กรุ๊ป ไม่เพียงแต่จะแก้ไขวิกฤตของเหม่ยหวา กรุ๊ปได้ ยังสามารถทำให้เหม่ยหวา กรุ๊ป พลิกกลับมาชนะได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย!”

“เฮ้อ น่าเสียดาย ฉันกับประธานคิดวิธีเท่าที่จะคิดได้ออกมาหมดแล้ว จำนวนเงินห้าหมื่นล้านเยอะเกินไปมาก บวกกับตระกูลหลี่ค่อยขัดขาอยู่ข้างใน ไม่มีใครยอมช่วยเราเลย”

เมื่อได้ยินคำพูดของเวินฉิง ในที่สุดเฉินโม่แน่ใจถึงสถานการณ์ที่เหม่ยหวา กรุ๊ปต้องเผชิญในปัจจุบันแล้ว ถ้าแค่ขาดแคลนเงิน ก็จัดการง่ายหน่อย

“พี่เวินฉิง พี่เอาหยกแขวนอันนี้ไปธนาคารต้ารุ่ย หาคนที่ชื่ออู๋หวา น่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องเงินของเหม่ยหวา กรุ๊ปได้”

เฉินโม่วางหยกแขวนขนาดเล็กรูปมังกรลงบนโต๊ะชา มองเวินฉิงด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วเอ่ยขึ้น

เวินฉิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มเศร้าแล้วพูดว่า “เสี่ยวโม่ ฉันรู้ว่านายอยากปลอบฉันให้มีความสุข แต่ตอนนี้เหม่ยหวา กรุ๊ปเผชิญวิกฤตขนาดนี้ ความพยายามที่ประธานลำบากมาหลายปีกำลังจะหายไปหมด ฉันมีความสุขไม่ได้จริงๆ”

เฉินโม่อึ้งเล็กน้อย รู้สึกว่าเวินฉิงเห็นคำพูดของเขาเป็นเรื่องล้อเล่น

“พี่เวินฉิง ผมไม่ได้ปลอบพี่ให้มีความสุข ผมพูดจริง” ครั้งนี้ทำหน้าจริงจัง พยายามทำให้ตัวเองดูเคร่งขรึมที่สุด

เวินฉิงมองท่าทางเคร่งขรึมของเฉินโม่ น้อยมากที่เธอจะเห็นเฉินโม่เป็นทางการขนาดนี้ เธออดจริงจังขึ้นมาไม่ได้ มองหยกแขวนรูปมังกรบนโต๊ะชา แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวโม่ นายแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้ล้อฉันเล่น”

เฉินโม่มองเวินฉิงอย่างจริงจัง “พี่เวินฉิง พี่คิดว่าผมจะล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้เหรอ”

เวินฉิงค่อยๆ หยิบหยกแขวนรูปมังกรขึ้นมาจากโต๊ะชา มองดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง พึมพำเสียงเบาว่า “ของชิ้นเล็กแค่นี้จะแลกเงินห้าหมื่นล้านได้เหรอ”

น้อยมากที่เฉินโม่จะได้เห็นท่าทางเหมือนเด็กสาวของเวินฉิง เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “พี่ไม่ลองดู จะรู้ได้ยังไงว่าได้หรือไม่”