Ch.21 – แขกที่ไม่คาดคิด

Translator : O-Minus / Author

 

“ฟุหวาา…..”

 

พอฉันตื่นขึ้นมา รินจังก็ลุกออกจากเตียงไปก่อนแล้ว และเหลือเพียงแค่ฉันอยู่บนเตียงเพียงลำพัง

ขณะที่หาวไปด้วยฉันเดินไปยังห้องนั่งเล่น ไม่เพียงแต่กลิ่นของอาหารแต่ฉันยังได้ยินเสียงคนคุยกันอีกด้วย

ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นโทรศัพท์แต่ฉันรู้ได้ถึงตัวตนของอีกคนหนึ่งนอกจากรินจัง พอคิดว่าเป็นแขกฉันก็เปิดประตูไปยังห้องนั่งเล่น

 

“ ’รุณสวัสดิ์ มีแขกมาเหรอ?”

 

“อรุณสวัสดิ์ เป็นเด็กที่เธอก็รู้จักเหมือนกันด้วยนะ”

 

ดูเหมือนว่าแขกคนนั้นจะกำลังคุยอยู่กับรินจังที่โต๊ะ เธอเข้ามาในระยะสายตาของฉัน

ผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้า ความประทับใจแรกที่เห็นคือเด็กหญิงน่ารักแนวตะวันตก

ถึงจะมีความต่างในด้านส่วนสูงและส่วนต่างๆเล็กน้อย แต่นั่นคือใบหน้าที่ฉันจดจำได้

เพราะรินจังบอกว่าฉันเองก็รู้จัก ฉันเลยคิดว่าไม่ผิดแน่

 

“หรือว่าเธอ จะเป็นโทวกะจัง?”

 

“ใช่ค่ะ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะท่านพี่นานะ”

 

เด็กผู้หญิง—โทวกะจัง พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูราวกับดอกไม้งาม

 

 

ชื่อของเธอคือทาคาโจว โทวกะ(鷹匠 燈火) อย่างที่เห็นได้จากนามสกุล เธอคือญาติของรินจัง เป็นลูกพ่อลูกน้องกัน

เธอคือลูกสาวของลุงของรินจังและแม่ของเธอที่เป็นชาวบริทิช

รูปลักษณ์ของเธอได้รับสืบทอดมาจากแม่ของเธออย่างมาก เธอเลยดูไม่เหมือนชาวญี่ปุ่นมากนัก แต่ว่าเธอนั้นเกิดและเติบโตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น

 

พวกเราเคยเล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆเมื่อสมัยที่พวกเรายังเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะว่ารินจังมักจะโอ๋เธอ ฉันจึงสนิทกับเธอไปด้วยโดยปริยาย

พวกเราเคยเล่นด้วยกันจนกระทั่งถึงช่วงกลางปีของสมัยมัธยมต้น

 

“ว้าว โตขึ้นมามากเลยนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอยังตัวเล็กกว่าฉันอยู่เลย”

 

“มีแค่ส่วนสูงเท่านั้นล่ะค่ะที่โตขึ้นเอาๆ…น่าอายจังเลยค่ะ”

 

“ไม่หรอกนะ ฉันว่าเท่ดีออก”

 

แม้แต่ตอนที่กำลังนั่งอยู่ก็ยังดูสูง เวลาเธอยืนเต็มตัวคงจะสุดยอดน่าดู

ส่วนสูงของเธอคงจะเกิน180ซม.แน่เลย

ทั้งแขนแล้วก็ขาก็ยาว  ส่วนสูงก็สูงอีก และในส่วนที่ดูถ่อมตัวตรงนั้นของเธอก็ยิ่งขับเน้นความสวยขึ้นไปอีก

เพราะส่วนสูงที่ต่างกันเลยทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามองเวลาคุยกัน

 

“ท่านพี่นานะเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะคะ”

 

“นานะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตลอด10ปีที่ผ่านมา อย่างกับว่าเวลาของเธอได้ถูกหยุดเอาไว้เลยล่ะ”

 

“พวกเธอทั้งสองคนต่างหากที่โตกันมากเกินไปน่ะ…”

 

บทสนทนาที่ไร้ความหมายก็ยังคงดังไปมา นี่เป็นการพบเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน แม้ว่าภายนอกจะต่างไปจากเดิมแต่โทวกะจังก็ยังคงเป็นโทวกะจังคนเดิมกับที่ฉันรู้จัก

 

“แล้ว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่แต่เช้าเลยเหรอ?”

 

“ก็มาหาท่านพี่นานะน่ะสิคะ ฉันได้รับข้อความจากท่านพี่รินว่าท่านพี่นานะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”

 

“มาหาฉัน? ก็ดีใจอยู่หรอกนะ แต่ว่าทำไมล่ะ”

 

“เอ๋…?”

 

นอกจากเหตุผลว่ามีธุระกับรินจังแล้ว ฉันนึกเหตุผลที่เธออยากจะเจอกับฉันไม่ออกเลยสักอย่าง

ฉันพูดออกไปตามที่คิดไว้อย่างนั้น แต่โทวกะจังที่ได้ยินเข้าก็นิ่งไปราวกับรูปปั้นหิน

ถึงฉันจะโบกมือผ่านหน้าเธอไปมาเธอก็ไม่ตอบสนองอะไร สงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันน่ะ?

 

“พ-พี่ริน…พี่นานะเขา…”

 

“ไม่เอาน่าๆ ฉันเข้าใจว่าช็อกแต่ว่าอย่าร้องไห้เลย ยังดีกว่าโดนลืมไปเลยนะ”

 

ขณะที่รินจังกำลังปลอบโทวกะจังพร้อมกับลูบหลังเธอไปด้วย แม้ว่าเธอจะหายนิ่งค้างแล้วแต่น้ำตากลับเอ่อตัวอยู่บริเวณขอบตาของเธอแทน รินจังก็ได้พูดบางอย่างออกมา

 

“นานะ…นี่เธอ รู้ไหมว่าได้เจอกับโทวกะครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?”

 

“ตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นก็…ประมาณ6-7ปีได้?”

 

พอพูดถึงเรื่องนั้นเข้า ฉันก็นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พ่อแม่ของฉันเสียไปเพราะอุบัติเหตุ เกิดอะไรหลายๆอย่างขึ้นฉันเลยไม่มีเวลาเล่นกับคนอื่นอีก

ในตอนนั้นฉันเหนื่อยมากจนไม่ได้ฟังรินจังด้วยซ้ำ

เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยู่กับรินจังเลย จึงไม่แปลกที่จะไม่ได้เจอกับโทวกะจังด้วย

 

“ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่รู้แต่ว่านะ มีข่าวลือว่าเธอหายตัวไปอย่างลึกลับที่เมืองบ้านเกิดเธอด้วยนะรู้ไหม? หลังจากที่เธอย้ายไปอยู่กับน้าของเธอแล้ว โทวกะพูดอะไรอย่าง“พี่นานะตายแล้ว!”แล้วก็ร้องไห้ออกมาใหญ่เลย วุ่นวายกันใหญ่เลยรู้ไหม”

 

“เดี๋ยวสิ อย่าบอกเธอเรื่องนั้นสิพี่ริน!”

 

“เอ๋ นั่นล้อกันเล่นใช่ไหม?”

 

โทวกะจังผู้ซึ่งเกาะรินจังด้วยความเขินอายนั้นได้ลืมกรอบมารยาทของตัวเองไปจนหมดสิ้น

ไม่ได้เห็นมานานเลยนะ การที่เธอพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่แล้วหลุดความเป็นเด็กออกมาในทันทีน่ะ

แต่แรกแล้วเธอไม่ใช่คนที่จะคอยระวังคำพูดในหมู่พวกเรา

กลับกัน นอกจากพวกเราแล้วเธอเป็นเด็กที่จะพูดจาสุภาพตลอด

 

แต่ว่า หายตัวไปสินะ? พอมาคิดดูดีๆแล้ว นอกจากรินจังและพ่อแม่ของเธอแล้ว ฉันไม่ได้บอกใครเลย

ถึงจะไปพิธีจบการศึกษาก็เถอะแต่ว่า…ในโทรศัพท์ที่ถูกให้ไว้ติดต่อเวลาฉุกเฉินนั้น มีแค่เบอร์ของรินจัง ที่ทำงานเก่า และก็บริษัทจัดหางานเท่านั้นเอง

เพราะแบบนั้นถึงได้มีข่าวลือเรื่องที่ฉันหายตัวไป แต่ว่านะ

 

“รินจัง ไม่ได้บอกอะไรเธอเลยเหรอ?”

 

“อืม ไม่ได้บอกเลย เพราะแบบนี้น่าสนใจกว่ายังไงล่ะ”

 

“เดี๋ยวนะ ไม่สิ ฉันไม่โทษเธอหรอกเพราะฉันเองก็ผิดด้วยเหมือนกันแต่ว่า…อืม เข้าใจล่ะ ขอโทษนะโทวกะจัง เธอมาดูให้เห็นกับตาว่าฉันยังมีชีวิตอยู่จริงๆใช่ไหมล่ะ?”

 

ไม่มีสิทธิไปโทษรินจังที่พูดแบบนั้นออกมาอย่างไม่คิดอะไร ฉันได้ขอโทษโทวกะจัง

โทวกะจังที่ได้ยินอย่างนั้นก็ได้แสดงสีหน้าซึมเศร้าออกมาแวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าแห่งความสุข

 

“ไม่ใช่อย่าง-…อึน ใช่แล้วค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ขอแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อเอาไว้ได้ไหมคะ?”

 

“อืม ได้สิ”

 

ฉันไม่ได้ใส่เบอร์ของเพื่อนร่วมงานเอาไว้เลยเพราะพวกเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า แต่ว่าสำหรับโทวกะจังแล้ว เธอก็เป็นเหมือนกับครอบครัว

ในเมื่อพวกเราได้มีโอกาสเจอกันแบบนี้ อย่างน้อยก็ควรจะแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อเอาไว้

 

คิดได้แบบนั้นฉันก็ฝากโทรศัพท์ที่ตกรุ่นให้ไว้กับโทวกะจัง

เพราะฉันไม่ได้เปลี่ยนมันเลยตลอด8ปีที่ผ่านมา พอเทียบกับโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆที่พัฒนาออกมาเรื่อยๆแล้วโทรศัพท์ฉันกลายเป็นของหายากไปเลย

อาจจะเพราะว่าเธอนั้นคุ้นชินกับมัน โทวกะจังแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่ออย่างเชี่ยวชาญแล้วคืนโทรศัพท์ฉันมาภายในไม่ถึงหนึ่งนาที

 

“อุเหะเหะ เบอร์ของพี่นานะ”

 

“โทวกะ น้ำลายไหลลงมาแล้วนะ”

 

“หลอกกันสินะคะ…เดี๋ยวนะ ยังไม่หยดหรอกนะ!?”

 

“ฉันเตือนก่อนจะหยดลงมาจริงๆหรอกนะ รู้อยู่หรอกนะว่าตื่นเต้นแต่เก็บอาการหน่อยนะ”

 

“อุ…ค่ะ”

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่พอได้เห็นโทวกะจังถูกรินจังสั่งสอนแล้วทำให้คิดถึงอดีตขึ้นมาเลย

รินจังที่เป็นลูกสาวคนเล็กสุดในบ้านได้มีโอกาสทำตัวเป็นพี่สาวของโทวกะจังนี่นา…

แล้วโทวกะจังเองก็นับถือรินจังมากๆ ฉันจำได้ว่าเห็นทั้งคู่เป็นพี่น้องที่สนิทกันมากๆคู่หนึ่งเลย

 

“ถ้างั้นก็ ฉันเข้าใจว่าพวกเรายังมีเรื่องให้คุยกันอีกเยอะแต่ว่าตอนนี้พวกเราควรจะกินมื้อเช้ากันก่อนนะ เพราะว่าวันนี้ฉันวางแผนเอาไว้แล้วด้วย”

 

“แผนเหรอ?”

 

“ไม่ใช่ว่าฉันเรียกโทวกะมาโดยไม่มีเหตุผลอะไรสักหน่อย”

 

รินจังว่าอย่างนั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาเมื่อพบกับสีหน้ามึนงงของฉัน

 

“พี่นานะ เกี่ยวกับWLOน่ะค่ะ”

 

“อ่า เข้าใจแล้ว…โทวกะจังเองก็เล่นเหมือนกันเหรอ?”

 

“เธอไม่ได้แค่เล่นหรอกนะ เธอเองก็เป็นสตรีมเมอร์เหมือนกัน ฉันเป็นคนทำให้เธอเล่นWLOเองล่ะ”

 

“รินจังเองก็เป็นคนทำให้ฉันได้เล่นWLOเหมือนกัน”

 

[เล่นด้วยกัน] จุดสำคัญที่ไม่มีใครพูดออกมา

 

“โทวกะจังก็เป็นผู้เล่นกลุ่มแรกเหมือนกันแต่เธอไม่ได้มีเวลาเหมือนกับฉันเพราะงั้น น่าจะยังอยู่ที่เมืองที่สี่ ฟีอัส ใช่ไหม?”

 

“เปล่าค่ะ ฉันยังยุ่งอยู่กับงานที่มหาลัย ฉันเลยยังสำรวจอยู่ที่เมืองที่สาม ทรีอา อยู่เลยค่ะ”

 

“อ๊ะ งั้นเธอก็อยู่ใกล้กับฉันมากกว่าสินะ”

 

เพราะว่าฉันอยู่ที่เมืองที่สอง ดูอัลลิส ฉันจะสามารถตามไปหาโทวกะจังได้ถ้าผ่านไปได้อีกเมืองหนึ่ง

 

“โทวกะ ไม่อยากจะร่วมมือ(collab)คู่กับนานะเหรอ?”

 

“อยากค่ะ!”

 

“ไปให้ถึงดูอัลลิสก่อนบ่าย ทำได้ใช่ไหม?”

 

“ได้ค่ะ! ขอยืมใช้ห้องข้างๆนะคะ”

 

“ได้อยู่แล้ว กลับมาก่อนเที่ยงล่ะ”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ! พี่นานะ ถึงพวกเราพึ่งจะได้เจอกันแต่ฉันขอเวลาสักครู่นะคะ”

 

ดูเหมือนจะมีการตกลงอะไรสักอย่างระหว่างทั้งสองคน โทวกะจังรีบวิ่งออกไปราวกับพายุ

 

“ไปซะแล้ว”

 

ได้เจอกันอย่างปุบปับและจากลากันอย่างปุบปับ…ก็นะ

ถูกทิ้งเอาไว้ตรงนี้ ฉันที่ไม่ใช้หัวคิดเกินกำลังตัวเองอะไร จึงตัดสินใจกินบัตเตอร์โรลบนโต๊ะ

 

ผู้เขียน เด็กสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นตัวสูงแสนซุ่มซ่าม โทวกะจัง

เด็กที่ถูกตามใจที่สุดในเรื่องนี้