บทที่ 1196 สังหารซือกงถ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงเสี่ยวจัดการปิดยันต์ทั้งสองแผ่นลงไปบนฝ่ามือของตนเองหลังจากร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ด้วยเสียงอันเบา บาดแผลบนฝ่ามือของเขาก็จางหายไป และไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้อีกเลย..
  จากนั้นต่งยั่วหลานก็เดินถือแก้วน้ำสำหรับบ้วนปากมาให้หลิงเสี่ยวแล้วจึงเดินไปหยิบอ่างใส่น้ำมาให้หลิงเสี่ยวล้างไม้ล้างมือ..
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะกระเซ้าเย้าแหย่พ่อของตนไม่ได้“อะแฮ่ม.. น่าอิจฉาท่านพอจริงๆ มีท่านป้าต่งคอยดูแลเอาใจใส่ดีถึงเพียงนี้!”
  ต่งยั่วหลานได้ยินคำพูดหยอกเย้าของหลิงหยุนก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าวและพยายามเมินหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้หลิงหยุนได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของตน
  หลิงเสี่ยวชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดหยอกเย้าของหลิงหยุนจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองต่งยั่วหลาน และพบว่าที่หางตาของนางนั้นเริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น หลิงเสี่ยวรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นหันไปดุหลิงหยุนต่อหน้าต่งยั่วหลาน
  “เป็นเด็กเป็นเล็ก..เจ้าล้อเลียนผู้ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
  “ท่านพ่อ..หากท่านเป็นข้าก็คงอดที่จะพูดไม่ได้เช่นกัน!”
  หลิงหยุนแสร้งทำเป็นตอบโต้พร้อมกับยักไหล่..
  แม้ต่งยั่วหลานจะรู้สึกเขินอายที่พ่อลูกหยอกเย้าเรื่องของตนเองแต่ในใจนั้นกลับมีความสุขยิ่งนัก และรู้ว่าหลิงหยุนนั้นตั้งใจที่จะย้ำความดีของตนให้หลิงเสี่ยวได้รับรู้ จึงได้แต่นึกซาบซึ้งใจในตัวหลิงหยุนมากยิ่งขึ้น
  “ท่านพี่..หลิงหยุนใช่ว่าจะมาทานอาหารร่วมกับพวกเราบ่อยๆ ท่านอย่าเพิ่งอบรมเขาในตอนนี้เลย!”
  “เอ่อ..”หลิงเสี่ยวถึงกับอ้ำอึ้ง..   จากนั้นต่งยั่วหลานก็ยกน้ำในอ่างล้างมือออกไปเททิ้งปล่อยให้พ่อลูกได้สนทนากันตามลำพัง..
  “พวกท่านพ่อลูกคุยกันไปก่อนเดี๋ยวฉันจะเข้าไปในครัวทำอาหารมาให้ใหม่!”
  หลิงหยุนรีบห้ามไว้ทันที“ท่านป้าต่ง.. ท่านไม่จำเป็นต้องไปทำอาหารมาใหม่ อาหารบนโต๊ะนี้ไม่โดนละอองเลือดแน่ เพราะข้าได้ป้องกันไว้แล้ว!”
  ก่อนที่หลิงเสี่ยวจะกระอักเลือดออกมานั้นหลิงหยุนได้จัดการปลดปล่อยพลังปราณในร่างกายออกมาครอบโต๊ะอาหารไว้ก่อนแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่เลือดจะกระเด็นลงในจานอาหารได้..
  ต่งยั่วหลานถึงกับงุนงง..
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้ใช้พลังหยินและหยางในร่างกายสร้างกำแพงล่องหนขึ้นจากนั้นจึงใช้กระแสจิตของตนเองเคลื่อนกำแพงนี้เข้าใส่ร่างของต่งยั่วหลานเบาๆ  ต่งยั่วหลานสัมผัสได้ถึงแรงผลักอ่อนโยนขึ้นที่ร่างจนเธอต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว แล้วก็ได้แต่ทำสีหน้าตกอกตกใจ พร้อมกับร้องอุทานออกมา
  “เหลือเชื่อจริงๆ!”
  จากนั้นจึงหันไปบอกกับหลิงเสี่ยวว่า“ท่านพี่.. ท่านกับหลิงหยุนทานอาหารกันไปก่อนได้เลย!”
  “หลิงหยุน..เธอทานก่อนได้เลย ไม่ต้องรอทานพร้อมป้า บ้านเราเป็นแบบนี้ เธอไม่ต้องกังวลไป”
  หลิงเสี่ยวพยักหน้าและหันไปบอกกับหลิงหยุนว่า “เอาล่ะ.. พวกเราพ่อลูกก็ลงมือได้เลย”
  “หลิงหยุน..ทำตัวตามสบายให้เหมือนกับหลิงซวี่เถอะนะ.. ไม่ต้องมีพิธีรีตรองกับป้า!”
  จากนั้นต่งยั่วหลานก็เดินกลับเข้าไปในครัว..
  หลิงหยุนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดประโยคนี้ของต่งยั่วหลานดีนางกำลังจะบอกหลิงหยุนว่า ในสายตาของนางนั้น หลิงหยุนกับหลิงซวี่ลูกสาวของนางนั้น ไม่ได้แตกต่างกันเลย แม้หลิงหยุนจะไม่ใช่ลูกของนาง แต่ในเมื่อเป็นลูกของหลิงเสี่ยว ก็เสมือนเป็นลูกของนางด้วยเช่นกัน!
  การที่หลิงหยุนมาที่บ้านของหลิงเสี่ยวในครั้งนี้..ในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่เพียงหลิงหยุนจะสามารถทลายกำแพงน้ำแข็งที่กั้นระหว่างเขากับหลิงเสี่ยวอออกได้ แต่ยังสามารถทลายกำแพงน้ำแข็งระหว่างหลิงเสี่ยวกับต่งยั่วหลานได้ด้วยเช่นกัน!
  และภารกิจในครั้งนี้ของหลิงหยุนนับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ!
  คนในตระกูลหลิงนั้น..ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีจิตใจนึกถึงคนในครอบครัวอยู่เสมอง ตลอดเวลามาจึงเลือกที่จะปกปิดความรู้สึก และความต้องการที่แท้จริงของตนเอง จนยอมที่จะเก็บงำความเจ็บปวดไว้ฝ่ายเดียว เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีความสุข ทุกคนจึงต่างมีบาดแผลในใจกันไปหมด..
  หลิงเสี่ยวเป็นเช่นนั้นต่งยั่วหลานเองก็เช่นกัน.. และหากกำแพงบางๆในใจของทุกคนถูกทำลายลง ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายในครอบครัวก็จะปรากฏขึ้น..
  “หลิงหยุน..ลงมือกินข้าวได้แล้ว!” หลิงเสี่ยวร้องเตือนหลิงหยุนอีกครั้ง
  “ท่านพ่อ..จะไม่รอท่านป้าต่งก่อนจริงรึ” หลิงหยุนยังคงถามย้ำอีกครั้ง
  “เจ้าไม่เห็นรึว่าป้าต่งต้องการทำอาหารให้กับเจ้าเป็นพิเศษ..”
  หลิงเสี่ยวหยิบตะเกียบออกมาคีบอาหารเข้าปากพร้อมกับตอบหลิงหยุนเวลานี้กำแพงน้ำแข็งได้ทลายลงแล้ว สองคนพ่อลูกจึงพูดคุยกันด้วยความสบายอกสบายใจมากขึ้น
  “วันนี้ลุงสองของเจ้ามาหาข้าที่บ้านและเปิดเสียงสนทนาระหว่างเขากับเจ้าให้ข้าฟังด้วย! การต่อสู้ในคืนนั้นค่อนข้างดุเดือดมากทีเดียว!”   จากนั้นหลิงเสี่ยวก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้หลิงหยุนอย่างรักใคร่ แล้วพูดขึ้นว่า “ลุงสองของเจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผู้คนทั้งโลก เจ้าเองก็เช่นกัน..”
  “เรื่องที่เจ้าคิดอ่านนั้นข้าจะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่! เพียงแต่..”
  “ในวันข้างหน้าเจ้าจะต้องรู้จักดูแลตัวเองจะไปไหนมาไหนก็ต้องระมัดระวังตัวให้มาก อย่าให้ข้ากับลุงสองต้องเป็นห่วงอีก..”
  ครั้งนี้หลิงหยุนเป็นฝ่ายตื้นตันใจจนพูดไม่ออกเขาคิดไม่ถึงว่าหลิงเสี่ยวจะเปิดอกเปิดใจมากถึงเพียงนี้ เมื่อได้ยินหลิงเสี่ยวพูดต่อว่า..
  “ความจริงเรื่องที่ควรจะต้องสังหารหลิงเจิ้นนั้น..ท่านปู่ของเจ้าตัดสินใจได้ก่อนข้าเสียอีก!”
  “ท่านพ่อ..”
  ก่อนหน้านี้หลิงเสี่ยวแทบไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำไปแต่ตอนนี้เขากลับสามารถพูดว่าหลิงเจิ้นควรต้องถูกสังหารได้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่มีทั้งความโกรธ และไม่มีทั้งความเสียใจ..
  “ส่วนเรื่องของหลิงหย่งนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง..”
  “หลิงหย่งเป็นเด็กดีเสมอมา..หากข้าพูด เขาย่อมต้องเข้าใจเป็นแน่!”
  “….”หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง..
  “อ่อ..ส่วนเรื่องคฤหาสน์หลังใหม่ของตระกูลหลิงนั้น หลังจากซื้อที่ดินแล้ว ข้าจะจัดการสร้างให้เอง..”
  หลิงหยุนถึงกับตกใจไม่น้อย..แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือที่พ่อจะสร้างบ้านให้กับลูกชาย!
  “หลายปีมานี้..เพราะความสัมพันธ์ของข้ากับยั่วหลาน ทำให้น้องสาวของเจ้ากลายเป็นเด็กต่อต้าน เจ้าเองก็คงจะสัมผัสได้เช่นกัน แต่จะตำหนินางก็ไม่ถูกนัก นางเองก็ยังเด็ก จึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายเช่นนี้!”   หลิงหยุนยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. ข้าจะตำหนินางได้อย่างไรกัน หลิงซวี่เป็นน้องสาวของข้านะ!”
  ต่งยั่วหลานที่อยู่ในครัวนั้นได้ยินคำสนทนาของสองพ่อลูกมาโดยตลอด และคำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุน ก็ทำให้นางถึงกับน้ำตาไหลพรากออกมาทันที แต่ริมฝีปากกลับแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข..
  “ส่วนเพื่อนๆของเจ้าที่มาจากจิงฉูนั้น ทุกคนต่างก็เป็นเด็กน่ารัก ตระกูลหลิงต้องต้อนรับเพื่อนๆของเจ้าอย่างดีแน่!”
  “หนิงหลิงยู่น้องสาวของเจ้าเองก็เช่นกันข้ากับทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็เอ็นดูนางไม่น้อย หากนางอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเราก็ยินดีอย่างมาก!”
  หลิงเสี่ยวพูดมายืดยาวส่วนหลิงหยุนก็เพียงแค่พยักหน้าหงึกๆเท่านั้น และนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนรู้สึกว่าหลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดตนนั้น เป็นห่วงเป็นใยตนอย่างมาก
  หลิงหยุนได้แต่คิดว่า..เขาน่าจะทลายกำแพงน้ำแข็งนี้ตั้งนานแล้ว!
  ….
  “หลิงหยุน..ข้าภูมิใจในตัวเจ้านัก!”
  หลิงเสี่ยววางตะเกียบในมือลงแล้วลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงโน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปตบบ่าหลิงหยุนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความภูมิอกภูมิใจ ก่อนจะนั่งกลับลงไปตามเดิม..
  คำพูดของหลิงเสี่ยวก่อนหน้านี้ได้ทำให้หลิงหยุนรู้สึกซาบซึ้ง และอบอุ่นใจมากแล้ว แต่ตอนนี้เขายังได้รับการยอมรับ และคำชื่นชมจากหลิงเสี่ยวอีกด้วย!
  และระหว่างพ่อลูกก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะการกระทำเพียงแค่นี้ก็บ่งบอกอะไรได้มากมายแล้ว!
  หลังจากนั้นทั้งหลิงหยุนและหลิงเสี่ยวต่างก็นั่งรับประทานอาหารกันด้วยจิตใจที่สงบสุข..
  “มาลองทานปลานึ่งกันดีกว่าป้าเพิ่งจะไปซื้อมาสดๆวันนี้เอง..”
  ต่งยั่วหลานร้องตะโกนออกมาพร้อมกับถือจานใส่ปลานึ่งเดินออกมาอย่างระมัดระวังแม้ดวงตาทั้งคู่ของต่งยั่วหลานจะแดงก่ำ แต่น้ำเสียงของนางกลับเต็มไปด้วยความสดใส
  “หลิงหยุน..ป้าไม่รู้ว่าเธอทานอาหารรสชาดแบบใหน ก็เลยทำรสชาดเดียวกับที่พ่อของเธอชอบมาให้!”
  “ขอบคุณท่านป้าต่ง..ข้าทานได้หมด!”
  หลิงหยุนตอบกลับไปพร้อมกับยกตะเกียบในมือคีบเนื้อปลานึ่งเข้าปาก“อื้ม.. เนื้อปลาสดมากจริงๆ แล้วก็อร่อยมากด้วย!”
  หลิงหยุนไม่ได้พูดจาประจบประแจงต่งยั่วหลานเพราะอาหารฝีมือของนางนั้น ขึ้นชื่อว่ามีรสชาดดีมากจริงๆ
  ต่งยั่วหลานขอตัวเข้าไปทำสตูวไก่ในครัวเพิ่มแต่หลิงหยุนเห็นต่งยั่วหลานเอาแต่วุ่นวายทำครัวอยู่เช่นนี้ จึงได้ร้องตะโกนบอกไปว่า
  “ท่านป้าต่ง..อาหารเต็มโต๊ะแล้ว ท่านป้ามานั่งกินกับพวกเราจะดีกว่า..”
  “วันนี้ป้าต่งมีความสุขมากจึงอยากทำอาหารอร่อยๆ เลี้ยงเธอ!”
  หลังจากพูดจบต่งยั่วหลานก็รีบวิ่งกลับไปในห้องครัวทันทีจากนั้นสองคนพ่อลูกก็นั่งรับประทานอาหารกันต่อเงียบๆ
  –ท่านพ่อ..ท่านป้าต่งเป็นคนดีมากทีเดียว!-
  หลังจากที่กลืนอาหารในปากลงลำคอไปแล้วจู่ๆ หลิงหยุนก็บอกกับหลิงเสี่ยวผ่านทางกระแสจิต..
  หลิงเสี่ยวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและตอบกลับไปว่า –ใช้แล้ว! นางเป็นคนดีมาก แต่น่าเสียดายที่..-
  –ท่านพ่อ..ท่านแม่ไม่ตำหนิท่านแน่!-
  จากนั้น..หลิงหยุนก็พูดกับหลิงเสี่ยวไปตามตรง เขาพูดทุกอย่างที่ต้องการจะพูด –ท่านพ่อ.. อย่าลืมว่าท่านยังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ท่านไม่ใช่หลวงจีน!-   หลิงเสี่ยวได้แต่นิ่งเงียบไปนานอีกครั้ง..
  –เจ้ารีบๆกินให้หมด ดูท่าอาหารตรงหน้าคงจะไม่สามารถปิดปากของเจ้าได้สินะ!-
  หลิงเสี่ยวแสร้งทำเป็นดุหลิงหยุน..
  หลิงหยุนหัวเราะคิกคักและทำเสียงหยอกเย้ายั่วโมโหหลิงเสี่ยว –หรือท่านจะให้ข้าไปบอกซิงเฉินให้ไปขออนุญาตท่านแม่ให้”
  ปัง!
  หลิงเสี่ยววางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดังเขาจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับทำเสียงดุ “เจ้ากล้ารึ!”
  –ได้..ได้.. ข้าไม่บอกท่านแม่ก็ได้ พวกเราเปลี่ยนเรื่องกันคุยดีกว่า..-
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเปลี่ยนมาถามเรื่องการฝึกฝนแทน“ท่านพ่อ.. เวลานี้ขั้นของท่านเป็นเช่นใดบ้าง”
  “ยังคงเหมือนเดิม..”
  หลิงเสี่ยวหยิบตะเกียบขึ้นมาและพูดต่อว่า “หลังจากที่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 แล้ว ข้าก็เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้า ไม่ฝึกกำลังภายในอีกเลย..”
  หลังจากที่ได้พักฟื้นมาเป็นเวลานานร่างกายของหลิงเสี่ยวก็ฟื้นฟูสู่จุดที่สมบูรณ์อีกครั้ง อาการบาดเจ็บต่างๆ ก็ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว หากหลิงเสี่ยวฝึกฝนต่อก็จะสามารถเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้ในทันที..
  หลิงหยุนฟังแล้วก็สามารถรับรู้ได้ว่าไม่มีอะไรที่หลิงเสี่ยวต้องกังวลใจอีกแล้วเขาจึงพูดขึ้นว่า
  “ท่านพ่อ..หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราไปที่คุกใต้ดินกันดีหรือไม่”
  หลิงเสี่ยวตอบกลับด้วยท่าทีเรียบเฉยไม่มีท่าทีอึดอัด หรือว่าตื่นเต้น “ดี.. ถึงเวลาแล้ว!”
  “เจ้าเรียกจินเหยียวให้ไปพร้อมกับพวกเราด้วย..”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาทันทีราวกับเกรงว่าหลิงเสี่ยวจะเปลี่ยนใจ.. “ดี.. ไปกันให้หมดเลย!”
  ……
  ในเวลาสามทุ่มตรง..ต่งยั่วหลานยืนมองหลิงเสี่ยวกับหลิงหยุนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันออกจากบ้าน ไปยังสวนชั้นที่แปดของคฤหาสน์ตระกูลหลิง
  “สมาชิกตระกูลหลิงทุกคน..มารวมตัวกันในสวนชั้นที่แปดด่วน!”
  ระหว่างทางที่เดินไปยังคุกใต้ดินตระกูลหลิงนั้นหลิงหยุนก็ตัดสินใจสั่งให้สมาชิกตระกูลหลิงทุกคนมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง..
  “พี่หลิงเสี่ยว..หลิงหยุน..”
  จินเหยียวได้มายืนรออยู่ในสวนชั้นที่เจ็ดแล้วและเมื่อเห็นหลิงเสี่ยวกับหลิงหยุนเดินมาพร้อมกัน นางจึงได้เอ่ยทักทายออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม..
  เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคืนนี้หลิงเสี่ยวกับหลิงหยุนจะลงมือสังหารซือกงถู..
  “ท่านน้าจินเหยียว..พวกเราไปกันได้แล้ว!”
  จากนั้น..ทั้งสามคนต่างก็เดินมุ่งหน้าตรงไปยังสวนชั้นที่แปด และเข้าไปหาซือกงถูในคุกใต้ดินทันที
  พอลซึ่งทำหน้าที่ดูแลคุกใต้ดินเอ่ยทักทายหลิงหยุน“เจ้านายที่เคารพ..”
  “มันยังไม่ตายใช่หรือไม่”
  หลิงหยุนต้องการให้หลิงเสี่ยวสังหารซือกงถูด้วยตัวเองจึงได้ไว้ชีวิตของมันมาจนถึงตอนนี้..
  พอลพยักหน้าและตอบกลับไปทันที“ยังไม่ตาย..”
  แม้ซือกงถูจะยังไม่ตายแต่มันก็ถูกทรมานจนมีสภาพปางตาย ร่างทั้งร่างของซือกงถูถูกตรึงติดกับผนังไว้ด้วยตะปู ตามตัวและศรีษะมีบาดแผลเน่าเฟะ เวลานี้ซือกงถูยังคงมีลมหายใจเพราะไม่สามารถตายได้..
  เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องขังซือกงถูจึงพยายามยกศรีษะขึ้นมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นหลิงเสี่ยว หลิงหยุน และจินเหยียว ดวงตาของซือกงถูก็ถึงกับเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว แล้วพยายามดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง..
  แต่น่าเสียดายที่คางของซือกงถูถูกหลิงหยุนดึงหลุดจากกรามมันจึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้..
  หลิงเสี่ยวเดินเข้าไปหาซือกงถูด้วยสีหน้าและท่าทางที่สงบนิ่งอย่างมาก..
  “ซือกงถู..คืนนี้ข้าหลิงเสี่ยวจะลงมือสังหารเจ้า และส่งเจ้าลงนรกเพื่อเป็นการแก้แค้น!”
  หลิงหยุนหันไปสั่งพอล“นำตัวมันออกไปข้างนอก!”
  จากนั้น..หลิงหยุน หลิงเสี่ยว และจินเหยียวก็เดินนำออกไปนอกคุกใต้ดินตระกูลหลิง ในขณะที่พอลก็ลากซือกงถูเดินตามหลังออกมา!
  ภายในสวนชั้นที่แปด..นอกเหนือจากหลิงหย่งแล้ว สมาชิกตระกูลหลิงทุกคนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แม้กระทั่งถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋ก็มาด้วย..
  ส่วนฉางหลิงและฉีเสี่ยวชิงนั้น หลิงหยุนได้ให้เกาเฉินเฉินไปอยู่เป็นเพื่อน เพราะไม่ต้องการให้พวกนางได้มาเห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้..
  “ชิบหาย!นั่นมันตัวอะไร!”
  แม้แต่ถังเมิ่งซึ่งเคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือดในบ้านเลขที่-1มาแล้ว เมื่อเห็นสภาพที่น่าสยดสยองของซือกงถู ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ แล้วรีบยกมือขึ้นปิดตา และถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของตี้เสี่ยวอู๋ทันที!
  สภาพของซือกงถูเวลานี้..เรียกได้ว่าไม่มีส่วนใดบนร่างกายที่ไม่มีรู ผิวหนังถูกแล่จนม้วนเข้าหากัน เผยให้เห็นสภาพที่น่ารังเกียจจนยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้..   นับว่ายังโชคดีที่พอลนั้นเป็นแวมไพร์มันจึงไม่ได้รู้สึกกับภาพที่เห็นมากนัก..
  “นี่คือศัตรูที่ร้ายกาจของตระกูลหลิงเรามันคือซือกงถู พ่อของซือกงวู่จี๋!”
  หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับประกาศฐานะของซือกงถูให้เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงทุกคนได้รับทราบ และเป็นการตอบคำถามของถังเมิ่งกับทุกคนในสวนไปด้วย..
  ระหว่างที่พูด..หลิงหยุนก็ได้ปล่อยลมปราณออกจากฝ่ามือของตนเอง ผลักคางของซือกงถูให้กลับเข้าตำแหน่งเดิม..
  หลิงลี่กระโดดออกมายืนด้านหน้าหลังจากพยักหน้าให้กับหลิงเสี่ยวและหลิงหยุนแล้ว ร่างสูงใหญ่ของหลิงลี่ก็โน้มลงพร้อมกับร้องตะโกนใส่ซือกงถู
  “ซือกงถู..เจ้าเป็นผู้ใส่ไฟตระกูลหลิงของข้าให้ทั้งฝ่ายธรรมะ และฝ่ายมารเข้าใจผิด เจ้าข่มเหงตระกูลหลิงของข้าในครั้งนั้น คงคิดไม่ถึงสินะว่าตนเองจะมีวันนี้ได้”   “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  ซือกงถูได้ยินคำพูดของหลิงลี่ก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง..
  ทุกวันนี้ซือกงถูอยากจะตายแทบทุกวันแต่ก็ไม่สามารถตายได้ เมื่อได้รู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของตนเอง จึงได้แต่หัวเราะออกมา และพูดขึ้นว่า
  “หลิงลี่..หลิงเสี่ยว.. เจ้าผิดแล้ว!”
  “ข้ายอมรับว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่นพรรคมารจริงแต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดที่เป็นคนยุยงปลุกปั่นชาวยุทธฝ่ายธรรมะ”
  “วันนี้ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า..คนผู้นั้นก็คือผู้นำตระกูลหลิง – หลิงเจิ้น! ลูกชายคนโตของเจ้ายังไงล่ะหลิงลี่ แล้วก็เเป็นพี่ชายของเจ้าด้วยหลิงเสี่ยว..”
  ซือกงถูรวบรวมกำลังเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีประกาศความจริงต่อหน้าทุกคนในตระกูลหลิงจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสังเกตดูปฏิกิริยาของทุกคน..   แต่ซือกงถูก็ต้องรู้สึกผิดหวังขึ้นในทันที!นั่นเพราะหลังจากที่มันประกาศออกไปแล้ว ทุกคนในตระกูลหลิงกลับมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีอาการตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย..
  “นี่พวกเจ้าถึงกับตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเชียวรึ!”
  ซือกงถูไม่อยากจะเชื่อ..มันเปิดเผยความลับยิ่งใหญ่ก่อนตาย แต่คนตระกูลหลิงกลับไม่มีท่าทีใดๆเลยแม้แต่คนเดียว!
  “เรื่องที่ข้าพูดทั้งหมดเป็นความจริง!หากเจ้าไม่เชื่อ.. เจ้าก็ลองไปสืบหาความจริงดู เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว..”
  หลิงหยุนไม่รอให้ซือกงถูพูดจบ..เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับพูดสวนขึ้นมาทันที “หึ.. พวกเรารู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้..”
  “อะไรนะ!”
  ซือกงถูถึงกับตกใจและคิดไม่ถึงว่าความตั้งใจที่จะสร้างแรงสั่นคลอนให้กับตระกูลหลิงก่อนตายนั้น จะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเช่นนี้..
  “พวกเรารู้ความลับเรื่องนี้นานแล้วน่าเสียดายที่ความพยายามของเจ้าสูญเปล่า..”
  หลิงหยุนยิ้มหยัน..จากนั้นจึงเรียกกระบี่ยาวออกมาจากแหวนจักรวาลยื่นให้กับหลิงเสี่ยว..
  หลิงเสี่ยวเดินถือกระบี่เข้าไปหาซือกงถูที่นอนอยู่กับพื้นแววตาของเขาสงบนิ่งไม่ลังเล..
  “ซือกงถู..ลูกชายของข้าไปช่วยข้า แต่ลูกชายของเจ้ากลับไม่มาช่วยเจ้า..”
  “ต่อจากนี้..ข้ากับลูกชายจะเข้าไปช่วยชิงเฉวียนออกมาจากแดนต้องห้ามของพรรคมาร และพวกเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง!”
  “ส่วนเจ้านั้นไม่เหลือผู้ใดแล้ว..ฉะนั้นไปลงนรกเสีย!”
  จากนั้นกระบี่ยาวในมือของหลิงเสี่ยวก็ตวัดเข้ากับลำคอของซือกงถูตัดศรีษะของมันขาดออกจากร่างทันที..
  ในที่สุดแค้นในใจของหลิงเสี่ยวก็ถูกชำระแล้ว!
  หลังจากที่สังหารซือกงถูด้วยตัวเองแล้วหลิงเสี่ยวก็เดินถือกระบี่เข้าไปหาหลิงหยุน พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “หลิงหยุน..เจ้าในฐานะผู้นำตระกูล จงออกคำสั่งขับไล่คนทรยศหลิงเจิ้นออกจากตระกูลหลิงของเรา หากหลิงเจิ้นตายต้องเห็นศพเท่านั้น!”
  การเปิดเผยความลับของซือกงถูก่อนตายนั้นนับว่ายังมีประโยชน์ไม่น้อย เพราะทำให้ทุกคนยิ่งมั่นใจว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของหลิงเจิ้นทั้งสิ้น!
  “น้อมรับคำสั่งท่านพ่อ!”