GGS:บทที่ 846 ฉลองครบรอบ
ซูหยาได้พาแขกมาพร้อมกับถังเสี่ยวหยู แขกคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
เมื่อเขาได้เห็นซูจิ้ง คนๆนั้นได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดออกมาอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับคุณซู ขอโทษจริงๆที่อยู่ๆผมก็มาหาคุณแบบนี้”
“พี่คะ คนนี้คือคุณหลิว เป็นอาจารย์ของเราสองคน” ซูหยาพูดออกมา
“สวัสดีคุณหลิว เชิญนั่งก่อนครับ เชิญนั่งก่อน” ซูจิ้งเองก็ได้เชิญเขาเข้ามาด้วยความสุภาพและพาเขามานั่ง ก่อนที่จะรินชาให้เขาถ้วยหนึ่ง
เขาเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นั่นก็เพราะการน้องสาวของเขาจะกลับมาบ้านพร้อมเพื่อนสนิทอย่างถังเสี่ยวหยูก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่การที่ครูของพวกเธอมาด้วยนี่ซิ มันน่าแปลกพิกล
“คุณซูครับ นี่คือบัตรเชิญ ผมมาที่นี่เพื่อที่จะมาเชิญคุณเพื่อเข้าร่วมงานฉลองครบร้อยปีของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุน
ในฐานะที่คุณคือยอดคนและเป็นที่นิยมชมชอบอย่างล้นหลาม ผมจึงมาเชิญคุณเพื่อเป็นเกียรติให้แก่โรงเรียนของเรา
เหล่าครูและนักเรียนของที่เราเองต่างก็ชื่นชอบคนอย่างมาก ถ้าคุณยอมไปร่วมงามทุกคนย่อมมีความสุขมากแน่ๆครับ” ครูหลิวพูดพลางได้ยื่นบัตรเชิญที่อยู่ในซองสีแดงมาให้
“โอ้ เข้าใจหล่ะ” ซูจิ้งก็ได้พลันไปนึกถึงตอนที่ซูหยาได้เห็นเขากำลังฝึกสมาธิด้วยวิถีแห่งใต้หล้าอยู่จนตัวนิ่งกลายเป็นหินตอนนั้น
เขาเองก็อธิบายเพียงว่ามันเป็นทริกมายากลเล็กน้อย นั่นทำให้ซูหยาอยากจะเรียนดูบ้างเพื่อที่จะนำไปแสดงใจองานเฉลิมฉลองครบรอบร้อยปีของโรงเรียน แต่เขาวุ่นๆจนลืมไปแล้ว
ซูจิ้งได้หันหน้าไปมองทุกคนในตอนนี้ เขาเห็นทุกคนจ้องมองมายังเขาราวกับกำลังคาดหวังคำตอบดีๆอยู่
เขาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า “ตกลง ฉันเข้าร่วมก็ได้”
“เยี่ยม” ซูหยาและเสี่ยวหยูร้องออกมาพร้อมกันอย่างดังลั่น
“ช่างเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์จริงๆ” ครูหลิวเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาเองก็ไม่คิดว่าการมาพูดคุยครั้งนี้จะจบลงด้วยดีขนาดนี้
ถ้าให้พูดตรงๆ ความจริงแล้วเขานั้นก็ไม่ได้อยากไปแม้แต่น้อยนั่นก็เพราะขยะห้วงเวลาฯพึ่งจะเทลงมา เขาเองก็อยากจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุนซึ่งเขาเองก็มีความหลังดีๆกับที่นี่ไม่น้อยเหมือนกัน
แถมพ่อกับแม่ของเขาก็ยังสอนอยู่ที่นั่นอยู่ในตอนนี้ แม้แต่น้องสาวของเขาเองก็ยังเรียนอยู่ที่นั่น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธได้ลง
เขาเองก็ได้คิดที่จะบริจาคเงินให้โรงเรียนเหมือนกัน เพื่อให้ทางโรงเรียนนำไปสร้างอาคารหรือไม่ก็หอพักอาจารย์ ไม่ก็ห้องสมุด หรืออะไรก็ได้ตามที่ทางโรงเรียนต้องการ
ด้วยวิธีนี้นอกจากจะป็นกอบตอบแทนโรงเรียนของเขาได้แล้ว อย่างน้อยๆก็ยังช่วยให้ครอบครัวของเขาได้รับการนับหน้าถือตาในโรงเรียนบ้าง
แต่ด้วยการที่เขานั้นเหลือเงินจากการผลิตปฏิสสารไม่เท่าไหร่นัก เงินที่ใช้ราวกับว่าเขาต้องเอาไปถมมหาสมุทรที่ได้แต่เททิ้งไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง
“เอ่อ…คุณซูครับ งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นในตอนเย็นวันที่ครบรอบร้อยปี ถ้าเป็นไปได้คุณพอจะช่วยแสดงความสามารถหรือก็ได้อะไรสักอย่างสองอย่างได้รึเปล่าครับ”
คุณหลิวเองได้มีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะถามออกมา เขารู้ดีว่าการพูดเรื่องแบบนี้มันออกจะน่าเกลียดไปหน่อยที่จะถามออกมา
นั่นก็เพราะด้วยชื่อเสียงของซูจิ้งในตอนนี้เขานั้นได้รับความนิยมจนขึ้นไปอยู่รายการดาราระดับสองไปแล้ว ไหนจะเป็นคุณชายสี่แห่งตระกูลหวังด้วยอีก
แค่เขายอมเข้าร่วมงานเลี้ยงครบรอบร้อยปีนี่ก็ที่ว่าดีอย่างที่สุดแล้ว แต่ยังไงซะนี่ก็เป็นความหวังสุดยอดของโรงเรียนในตอนนี้ เขาที่เหมือนแบกความหวังของโรงเรียนเอาไว้จึงต้องพูดออกมา
“เอ่อ…เรื่องนี้” ซูจิ้งเองก็ลังเลไม่ต่างกัน
“โถ่…พี่ พี่เก่งออกขนาดนี้ ไหนจะมีสัตว์เลี้ยงที่เก่งไม่แพ้กัน ไหนจะเรื่องศิลปะการต่อสู้ เล่นกู่จิ้ง และทำได้อีกตั้งหลายอย่างนี่”
ซูหยาเองก็ได้เข้ามาออเซาะซูจิ้งด้วยการใช้มือขวาเขย่าตัวของเขา เธอเองก็ถูกขอร้องมาโดยเหล่าเพื่อนๆของเธอเช่นเดียวกัน
“ก็ใช่ว่าจะไม่อยากแสดงอะไรให้ดูหรอกนะ แต่มันกระทันหันจนพี่เองก็ยังนึกอะไรดีๆไม่ออกเหมือนกัน” ซูจิ้งพูดออกมา
“ถ้างั้นผมจะจองเวลาการแสดงของคุณซูไว้ก็แล้วกันนะครับ หากคุณซูต้องการแสดงอะไรก็แล้วแต่คุณซูเลย”
คุณหลิวตอบออกมาด้วยสายตาที่เป็นประกายและพูดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับกลัวซูจิ้งเปลี่ยนใจ ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นเป็นคนดังในตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรทุกคนย่อมต้องดีใจอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นซูจิ้งเองก็มีฉายาอันแสนสุดลือเลื่อง มีหรือที่คนอย่างซูจิ้งจะแสดงอะไรที่ธรรมดาออกมาได้
เขาคิดอยู่ว่าเวลาแสดงที่เขาว่าจะเตรียมให้ไว้นี่ควรจะให้ไปครึ่งหนึ่งของเวลาแสดงทั้งหมดดีรึเปล่า
“ได้ครับ” ซูจิ้งพยักหน้ารับ นี่ทำให้ทั้งซูหยาและเสี่ยวหยุนร้องวี๊ดว้ายกันอีกรอบ
“คุณซู ผมจะคอยรอดูนะครับ” คุณหลิวเองก็ถึงกับยิ้มล่าออกมา
สำหรับคนที่รับหน้าที่รับผิดชอบงานเลี้ยงครบรอบร้อยปีอย่างเขาแล้ว การที่เขาสามารถชวนซูจิ้งไปได้แบบนี้ต้องทำให้ทุกคนจดจำความดีของเขาในครั้งนี้ไว้ได้อย่างอน่นอน
“คุณหลิวก็กล่าวเกินไปแล้วครับ ยังไงซะโรงเรียนมัธยมจงหยุนก็เป็นสถานที่ที่บ่มเพาะความรู้ให้ผมมาอย่างดี จนถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในชีวิตของผม
เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผมต้องกลับเยี่ยมชมและตอบแทนอะไรบางอย่างบ้าง” ซูจิ้งได้กล่าวออกมาด้วยท่าทางสบายๆ
หลังจากคุยธุระเสร็จแล้วคุณหลิวก็ไม่ได้รั้งรออยู่นานแต่อย่างใด เขารีบจากไปเพราะไม่อยากรบกวนซูจิ้งต่อ
ทั้งซูหยาและถึงเสี่ยวหยูต่างก็อาเซาะถามซูจิ้งว่าเขาจะไปแสดงอะไรให้พวกเธอดูกัน
ซูจิ้งเองก็มีความสามารถที่หลากหลาย แถมน้องสาวของเขาและเพื่อนๆของเธอต่างก็คาดหวังเขามากซะขนาดนี้ ตัวเขานั้นย่อมไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังอย่างแน่นอน
แต่เอาจริงๆเขาเองก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าการแสดงอะไรที่เหมาะดี ถึงแม้เขานั้นจะมีการแสดงมากมายอยู่ในใจของเขาแล้วก็ตาม
แต่เขาก็ไม่อยากจะไปเพียงเพื่อแสดงเฉยๆ เพราะยังไงซะที่นั่นก็มีนักเรียนอยู่เยอะแยะ เขาเลยอยากจะลองเจาะกลุ่มตลาดนักเรียนดูซักหน่อย เขาอยากรู้ว่าเขาจะได้ค่าการใช้ประโยชน์มาเท่าไหร่ในครั้งนี้เหมือนกัน
“พี่ นี่อะไรอ่ะ….” ซูหยาพยายามจะถามจนกว่าจะรู้ แต่ดูๆไปแล้วซูจิ้งยังไงก็ไม่ยอมบอกเธอจึงเลิกถามแล้วหันไปดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนไปเจอตุ๊กตากระดาษระเบิดควันที่ซูจิ้งหยิบติดมือออกมาด้วยและโยนทิ้งไว้ที่มุมห้องก่อนหน้านี้
ด้วยรูปทรงที่ดูแปลกผิดหูผิดตา ตรงส่วนหัวสีแดงราวกับเป็นเห็ด ที่ซูจิ้งหยิบเจ้านี่ติดมาด้วยนั่นก็เพราะว่าชิ้นนี้มีขนาดที่เล็กที่สุด
ความจริงนั้นเขาได้ตุ๊กตากระดาษระเบิดควันนี้มาทั้งหมดห้าแบบ ชิ้นหนึ่งลองจุดไปแล้วจึงเหลืออีกสี่ชิ้นที่เขายังไม่ได้ลอง
“ของเล่นกระดาษหรอ” ถังเสี่ยวหยูเองได้จ้องมันสักพักและอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นจึงหันไปมองซูจิ้งด้วยสายตาแปลกๆ เธอเองไม่คิดว่าซูจิ้งจะยังทำตัวเป็นเด็ก และยังคงเล่นของเล่นพวกนี้อยู่
“อย่าไปแตะมันน่า นั่นมันพลุไฟนะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“ว่าไงนะ” ซูหยานั้นพูดออกมาเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซูจิ้งพูด
“ไหนลองดูหน่อยสิ” ถังเสี่ยวหยูได้หยิบไปทำท่าที่จะลองจุดดู
“ไม่มีอะไรให้ลองทั้งนั้น” ซูจิ้งได้แย่งตุ๊กตากระดาษระเบิดควันออกมาทันทีเพราะกลัวเสี่ยวหยูจะมาจุดเล่นในบ้าน
ตอนแรกนั้นทั้งซูหยาและถังเสี่ยวหยูเองก็แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ แต่หลังจากเห็นท่าทางจริงจังของซูจิ้งแล้ว พวกเธอยิ่งอยากรู้อยากเห็นเข้าไปใหญ่
ทั้งสองได้ทำท่าเว้าวอนต่อซูจิ้งจนเขานั้นยากที่จะปฏิเสธได้ เพราะยังไงซะเขาก็รู้นิสัยของน้องสาวของเขาดีว่าเป็นคนที่ฉลาด อ่อนไหว และหัวดื้อมาตั้งแต่เด็กแล้ว หากเขาปฏิเสธแล้วแอบไปทำกันเองเขาจะทำยังไงล่ะ
เขานั้นได้พลางนึกไปว่า “ตอนที่ตรวจสอบด้วยพลังจิตดูก่อนหน้านี้ เจ้าตัวนี้มันก็แค่ดินปืนอยู่นิดหน่อยกับส่วนประกอบอื่นๆอีกเล็กน้อยน่าจะไม่เป็นไรมั้ง ยังไงซะถ้าใช้กระแสจิตป้องกันไว้ต่อให้ผิดพลาดยังไงก็ไม่น่ามีปัญหาล่ะนะ เอาวะยอมก็ได้”
“ก็ได้ ก็ได้ ออกไปที่หาดแล้วลองจุดดูก็ได้” ซูจิ้งทำได้เพียงหัวเราะและพอทั้งสองตรงไปยังชายหาด นี่ยิ่งทำให้ทั้งสองคนสนใจมากกว่าเดิมอีก
เมื่อไปถึง ซูจิ้งให้ทั้งสองคนไปรออยู่ที่สันหาด หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปยืนบนปะการังก้อนหนึ่งสึ่งอยู่ไกลจากพวกเขากว่าสิบเมตร
หลังจากนั้นก็ได้สอดตุ๊กตากระดาษระเบิดควันรูปเห็ดนี่เอาไว้ในช่องแยกและทำการจุดไฟก่อนที่รีบวิ่งกลับไปยังที่ที่ทั้งสองคนยืนอยู่
“ชี่ชี่ชี่ชี่ชี่ชี่” เสียงชนวนกำลังถูกเผาไหม้ดังขึ้นอย่างช้าๆ ดูเหมือนมันต้องใช้เวลาหลายวิก่อนที่จะไหม้ถึงดินระเบิด ทันใดนั้นส่วนหัวของกระดาษก็ได้ระเบิดดังปัง
อย่างไรก็ตามฉากที่ทั้งหมดคาดเอาไว้ว่ามันจะพุ่งทยานลอยไประเบิดบนท้องฟ้าไม่ได้เกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่าทั้งสามคนยืนอึ้งนื่งเงียบไปแทน ไหนระเบิดล่ะ สัญญาณควัน? ไม่เห็นจะเกิดอะไรขึ้นเลยสักนิด