บทที่ 7 บทที่ 4 อีกด้านหนึ่งของน้ำ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“คุณผู้ชาย น้ำของคุณค่ะ” 

 

 

สาวพนักงานร้านขายชุดแต่งงานรินน้ำต้อนรับลั่วชิว จากนั้นก็กลับไปหลังโต๊ะด้านหน้าอย่างมีมารยาท…จากนั้นก็แอบมองชายหนุ่มที่กำลังเปิดอัลบั้มเงียบๆ ด้วยกันกับเพื่อนร่วมงาน 

 

 

มันเป็นอัลบั้มตัวอย่างของบรรดาลูกค้าที่เคยถ่ายรูปแต่งงานที่นี่ 

 

 

ชายหนุ่มดูอายุน้อยมาก ไม่รู้ว่าถึงอายุที่สามารถแต่งงานได้แล้วหรือยัง 

 

 

อีกสองคนที่เข้ามาพร้อมกับเขาล้วนแต่เป็นคนสวยที่หาได้ยาก โดยเฉพาะคนผมสีทอง…เป็นลูกครึ่งงั้นเหรอ 

 

 

ถึงหนุ่มคนนี้จะไม่ได้ดูหล่อสักเท่าไหร่ แต่ทำไมมองไปแล้วจึงเกิดความรู้สึกไม่อาจละสายตาได้ 

 

 

มองแล้วตรึงตา อีกทั้งยังเป็นประเภทที่ยิ่งมองยิ่งหล่อ 

 

 

… 

 

 

ประเด็นพูดคุยของสาวพนักงานร้านขายชุดแต่งงานหนีไม่พ้นเรื่องนินทา แต่เวลานี้เองเสียงกระดิ่งอิเล็กทรอนิกส์ของประตูร้านดังขึ้น พวกเธอจึงหันไปมองพร้อมกัน 

 

 

สาวพนักงานร้านขายชุดแต่งงานคนหนึ่งยิ้มต้อนรับและพูดว่า “คุณเซวีย คุณวั่น มาได้ยังไงกันคะ” 

 

 

เซวียเซ่ายิ้มและพูดว่า “คืออย่างนี้ครับ พวกเราตั้งใจมาดูชุดแต่งงานอีกครั้ง” 

 

 

พูดแล้วเขาก็มองหญิงสาวข้างกาย “เธอน่ะ ไม่ยอมวางใจสักที” 

 

 

สาวพนักงานร้านขายชุดแต่งงานยิ้มและพูดว่า “สมควรแล้วค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต รอบคอบเป็นสิ่งที่ดี คุณวั่น คุณตามฉันมาได้เลยค่ะ ฉันจำได้ว่าชุดแต่งงานที่คุณสั่งไว้เพิ่งแก้เสร็จ เดิมคิดที่จะแจ้งคุณให้ทราบในสองวันนี้ คิดไม่ถึงว่าคุณจะมาก่อน” 

 

 

หญิงสาวแซ่วั่น วั่นจื่อซาน…วั่นจื่อซานมองเซวียเซ่าและพูดว่า “งั้นนายรอที่นี่เดี๋ยวนึงนะ นั่งดูอะไรไปก่อน” 

 

 

เซวียเซ่าตอบว่าได้ หลังมองวั่นจื่อซานตามสาวพนักงานร้านขายชุดแต่งงานเข้าไปในห้องลองชุดแล้วถึงได้เริ่มมองร้านขายชุดแต่งงาน ความจริงสำหรับผู้ชายแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรให้มองสักเท่าไหร่ 

 

 

เขานั่งลง ข้างๆ โซฟาที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นอายุน้อยกว่าเขามากและตอนนี้กำลังดูอัลบั้มรูป 

 

 

เมื่อเห็นเขามาถึง ชายหนุ่มคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร เซวียเซ่าก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ การรอคอยผู้หญิงลองชุดนั้นเป็นการฝึกความอดทนชนิดหนึ่ง 

 

 

บางทีการพูดคุยกับอีกฝ่ายอาจจะเป็นการฆ่าเวลาที่ดี เซวียเซ่านั้นเข้าสังคมมานานแล้วจึงรู้ว่าจะสร้างประเด็นพูดคุยได้อย่างไร เขานั่งลง ยิ้มและพูดว่า “คุณเองก็รอคนลองชุดแต่งงานเช่นกันเหรอครับ แฟนสาวหรือคู่หมั้นครับ” 

 

 

ชายหนุ่มที่ถูกถาม…ลั่วชิวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนในสถานที่ที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้ชายเช่นนี้ การที่ผู้ชายเริ่มคุยกันจะเป็นเรื่องปกติ 

 

 

 “อืม น่าจะเป็นคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดนะครับ” ลั่วชิวให้คำตอบที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์มากที่สุด 

 

 

 “น่าจะเหรอครับ” เซวียเซ่าชะงัก หลังจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ก็ถูก เรื่องในอนาคตไม่มีใครสามารถรู้ได้ สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่อย่าพูดคำพูดนี้ให้คนที่กำลังตั้งใจแต่งตัวเพื่อคุณได้ยินนะ เพราะเธออาจจะเสียใจได้” 

 

 

ลั่วชิวยิ้มพยักหน้า “ใกล้จะแต่งงานแล้วเหรอครับ” 

 

 

ตามที่เซวียเซ่าดู เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรดีใจจึงยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ใช่แล้ว ใกล้แล้วล่ะ ภายในเดือนนี้” 

 

 

 “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” เจ้าของสมาคมลั่วแสดงความยินดีกับคู่แต่งงานใหม่ “ได้พบกันและจูงมือกันแต่งงานได้เป็นเรื่องที่ควรดีใจ” 

 

 

คำพูดเหล่านี้…เซวียเซ่าฟังมาเยอะ เป็นคำพูดทั่วๆ ไปที่คนมักพูด แต่ไม่รู้ทำไมตอนคนหนุ่มคนนี้พูดเขาถึงรู้สึกพิเศษออกไป 

 

 

เซวียเซ่าก้มหน้า นิ้วมือประสานกัน ท่าทางดูวุ่นวายสับสน…เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงอดถอนหายใจไม่ได้ “ความจริงแล้ว พวกเราพบเจอกันในเวลาที่เหมาะสมและทุกคนก็รู้สึกว่าเหมาะสมเท่านั้น” 

 

 

 “คุณไม่ชอบเธองั้นเหรอ” ลั่วชิวถามเบาๆ 

 

 

เซวียเซ่าส่ายหน้า “ไม่ใช่ เธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนที่สุดที่ผมเคยเจอ สามารถยอมรับผมได้ ผมไม่อาจไม่ชอบเธอ เพียงแต่…” 

 

 

เซวียเซ่าเงยหน้าขึ้น…คนหนุ่มตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอยากจะระบายเรื่องบางอย่างออกไป 

 

 

เขามองชายหนุ่มที่เขาไม่รู้ทั้งชื่อและสถานะของอีกฝ่าย เมื่อมองอีกฝ่ายก็ดูเหมือนกำลังมองกระจกด้านเดียว “แต่ คุณเคยมีความรู้สึกคิดถึงไม่เคยลืมกับใครสักคนไหม ที่ผมพูดก็คือความรู้สึกรัก ไม่ใช่แบบเพื่อนหรือญาติน่ะ” 

 

 

 “อืม ผมไม่เคย แต่ว่า…” เจ้าของสมาคมลั่วครุ่นคิดและเอ่ยว่า “แต่ก่อนเคยพบลูกค้าคนหนึ่ง คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งไม่รู้ลืม นาน นานมากแล้วล่ะ” 

 

 

 “ลูกค้าเหรอ” 

 

 

เซวียเซ่าชะงัก จากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “คุณทำธุรกิจงั้นเหรอครับ” 

 

 

 “ครับ เป็นธุรกิจประเภทค้าขายแลกเปลี่ยน” 

 

 

เซวียเซ่าไม่ได้ถามอะไรไรเกี่ยวกับอาชีพของอีกฝ่ายมาก เพียงพูดว่า “ต่อมาลูกค้าของคุณคนนั้นเป็นยังไงบ้าง” 

 

 

เจ้าของสมาคมลั่วพูดว่า “ต่อมา…ต่อมาก็กลับบ้านไป ไม่คิดอะไรแล้ว เพราะเขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรักเขาเลย” 

 

 

 “งั้น…” เซวียเซ่าก้มหน้าลง ไม่รู้กำลังคิดอะไนอยู่ เขาเพียงหันออกไปนอกหน้าต่างกระจกร้านขายชุดแต่งงาน 

 

 

มองดูต้นไม้แก่ที่มีป้ายขอพรห้อยอยู่เต็มไปหมดต้นนั้น ต้นไม้แห่งความปรารถนา 

 

 

 “มีความปรารถนาของคุณอยู่บนนั้นด้วยเหรอครับ” 

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เซวียเซ่าได้สติ มองไปที่เขาและเผยสีหน้าตกตะลึง 

 

 

ลั่วชิวถึงยิ้มและพูดว่า “ต้นไม้ต้นนั้นมีความปรารถนามากมาย ผมเห็นคุณมองอย่างใจลอยเลยถามเท่านั้น แน่นอนว่าจะไม่ตอบก็ได้นะครับ” 

 

 

 “ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกครับ” เซวียเซ่าส่ายหน้า “เป็นเรื่องตอนยังเด็ก…ตอนเด็กมักจะทำเรื่องแปลกๆ บางอย่างไป ไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้ คิดถึงแต่วันนี้ บางทีเมื่อคิดถึงพรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองไม่สามารถรับกับเรื่องที่จะเกิดวันพรุ่งนี้ได้หรือเปล่า” 

 

 

 “คนที่คิดถึงไม่รู้ลืม” เจ้าของสมาคมลั่วพูดขึ้น 

 

 

เซวียเซ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็มองไปทางห้องลองเสื้ออย่างกะทันหัน จากนั้นถึงค่อยๆ ถอนหายใจ “มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง พวกเราเข้าโรงเรียนและเรียนจบพร้อมกัน เคยสัญญากันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต” 

 

 

เซวียเซ่าส่ายหน้า “แต่เรื่องราวก็สวยงามในเวลานั้น…สวยงามมาจริงๆ” 

 

 

 “เลิกกันงั้นเหรอ” 

 

 

เซวียเซ่าเม้มปาก พยักหน้าและพูดว่า “พวกเราตกลงกันไว้ว่าจะเข้ามหา’ลัยที่เดียวกัน แต่หลังสอบเอนทรานซ์แล้ว เธอก็ถูกทางบ้านส่งไปเรียนที่อิตาลี…คำพูดที่เคยพูดกันไว้ก็จบลงแค่นั้น หลายปีผ่านไปมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย” 

 

 

 “ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยเหรอ” 

 

 

เซวียเซ่าพูดว่า “ไม่เลยครับ ได้ยินแค่เพื่อนเก่าพูดว่า เธอทำงานเกี่ยวกับการสำรวจทางธรณีวิทยา ออกเดินทางไปทั่วโลก ยากที่จะหาตัวพบ…ประมาณนั้น” 

 

 

เซวียเซ่าไม่รู้ว่าทำไมตนเองจึงพูดกับคนแปลกหน้าคนนี้มากมายขนาดนี้…โดยไม่รู้ตัว 

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น พวกเรามักคุ้นชินที่จะพูดคำพูดในใจกับคนที่ไม่รู้จักตนเอง 

 

 

เช่นพูดกับรูต้นไม้ พูดกับทะเล เหมือนเห็นภาพลวงตาภายใต้แสงนีออนตอนเมา 

 

 

 “ผมแย่มากเลยใช่ไหม” ทันใดนั้นเซวียเซ่าก็ยิ้มอย่างขมขื่น พึมพำว่า “เห็นๆ ว่าใกล้จะแต่งงานแล้วแต่ในใจก็ยังตัดบางอย่างไม่ขาด…จะดูยังไงก็แย่จริงๆ” 

 

 

ลั่วชิวไม่ตอบ เพียงพูดขึ้นในทันใดว่า “ต้นไม้ต้นนั้นใกล้จะหายไปแล้ว” 

 

 

เซวียเซ่าชะงัก 

 

 

ลั่วชิวจ้องไป เซวียเซ่ามองไปก็เห็นรถทำความสะอาดของเทศบาลคันหนึ่งตรงข้ามถนน คนสวมชุดเครื่องแบบเดินลงมา จากนั้นก็ใช้เส้นเตือนโอบรอบต้นไม้ต้นนั้น 

 

 

เซวียเซ่ารู้ว่าการกระทำเช่นนี้หมายถึงอะไร 

 

 

เขาพึมพำว่า “มันโตเกินไปแล้ว ยื่นออกมาบนถนน และอีกไม่นานคงยื่นเข้าบ้านคนอื่น…แต่จะตัดไปเลยงั้นเหรอ…” 

 

 

 “น่าจะยังไม่เริ่ม” ลั่วชิวพูด “เพียงแค่เตรียมงานเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นพรุ่งนี้ หรือว่าวันถัดไป” 

 

 

เซวียเซ่านิ่งเงียบไม่พูดจา 

 

 

ทันใดนั้นก็มีพนักงานร้านเดินเข้ามาตรงหน้าของเซวียเซ่า “คุณเซวีย ชุดของคุณก็เตรียมเสร็จแล้ว จะลองตอนนี้เลยไหมคะ” 

 

 

เซวียเซ่าพยักหน้า ก้มหน้าตามพนักงานคนนั้นไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

… 

 

 

จนกระทั่งรถของเทศบาลคันนั้นจากไป เจ้าของสมาคมลั่วถึงถอนสายตากลับมาจากนอกหน้าต่าง และในเวลาเดียวกันก็มีมือคู่หนึ่งปิดตาของเขาเอาไว้ 

 

 

คนที่ทำแบบนี้ได้เกรงว่าคงจะเหลือเพียงคนเดียวในโลก 

 

 

 “เจ้าหนุ่ม ค่อยๆ หันกลับมา ใช่แล้ว แบบนี้แหละ ค่อยๆ หันกลับมา…ดีมาก จำไว้ว่าอย่าตะลึงจนหยุดหายใจล่ะ อย่าตื่นเต้นอ้าปากค้างจนพูดอะไรไม่ออกล่ะ อย่าน้ำลายไหลนะ” 

 

 

พูดแล้วเริ่นจื่อหลิงก็ค่อยๆ คลายมือออก 

 

 

ปลายสุดของกระเบื้องสีขาวมีเงาร่างสายหนึ่งกำลังก้มหน้าเล็กน้อย มือถือช่อดอกไม้สีฟ้า 

 

 

กระโปรงลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์บานกระจายเหมือนใบบัวลากยาวไปกับพื้นเหมือนเมฆเป็นชั้นๆ ที่ล่องลอยไปตามลม 

 

 

ทั้งดูคล้ายหางปลา สง่างามดึงดูดใจคน มันถูกเรียกว่าชุดแต่งงานหางปลา 

 

 

คุณหนูสาวใช้ที่สวมมันกำลังก้มหน้า มีรอยยิ้มบางๆ ในตอนที่เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมานั้น นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดูอ่อนโยนขึ้นมาก 

 

 

เธอเป็นเหมือนขวดหยกขาวบริสุทธิ์ 

 

 

คนคนนั้นที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายน้ำ