Ch.24 – การพบกันอีกครั้งเพราะโชคชะตา และการขว้าง

Translator : O-Minus / Author

 

ราวๆหนึ่งนาทีหลังจากที่รอชูยะซัง

ผู้เล่นอีกคนที่เขาพามาด้วยนั้นเป็นผู้เล่นหญิงที่ตัวสูงกว่าเขา

เธอปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจนักแต่เมื่อเธอเห็นหน้าฉัน สีหน้าของเธอก็เปล่งประกายขึ้นมา และจากท่าทีนั้นแล้วฉันเลยพอที่จะเดาได้ว่าเธอคือใคร

 

“ท่านพี่นานะ!”

 

“โอเค หยุดก่อนเลย ใช้ชื่อผู้เล่นว่าอะไร?”

 

“โทวกะค่ะ!”

 

“กฎการใช้อินเตอร์เน็ต…อืม เอาเถอะ เธอก็คือโทวกะจังจริงๆล่ะนะ”(กฎที่ว่าไม่ควรใช้ชื่อจริงบนอินเตอร์เน็ต…)

 

ผู้เล่นหญิงที่เกือบจะกระโจนใส่ฉันคนนี้คือโทวกะจังอย่างที่ฉันเดาไว้

ฉันคิดเรื่องนี้ไปในตอนเช้าแล้วนะแต่ว่าเธอตัวสูงจริงๆ ในโลกVRสามารถปรับความสูงของอวาตาร์ของตัวเองได้อย่างอิสระก็จริง แต่ว่า ถ้าไม่ชินกับVRมากนักก็ยากที่จะรักษาสมดุลร่างกายได้ ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ส่วนสูงตามส่วนสูงในโลกจริงกัน

เพราะงั้นส่วนสูงอย่างโทวกะจังเลยเป็นจุดเด่นไปเลยล่ะ

 

แต่เหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างเล็กน้อยนะ โดยเฉพาะผมบลอนด์กับตาสีฟ้าของเธอในโลกความจริงได้ถูกเปลี่ยนเป็นผมสีดำและดวงตาสีแดง

เผ่าพันธุ์ก็…เผ่ามนุษย์ปกติสินะ?

 

[ใครอ่ะ?]

[น่ารักจัง]

[ผมดำยาวล่ะ]

[อย่างสูงเลย!]

 

“อ๊ะ เด็กคนนี้คือคนที่ฉันบอกเอาไว้ว่าจะเล่นด้วยกันน่ะ โทวกะจัง น่ารักมากเลยเนอะ~”

 

“น่ารั-…! อึนน โทวกะค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะ”

 

ด้วยการมาถึงของหญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความใสซื่อ ช่องคอมเมนต์จึงได้โหวกเหวกกันใหญ่เลย

ในหมู่ผู้ชมเหล่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่รู้จักโทวกะจังก่อนแล้วด้วย พอมานึกดูแล้ว เธอเองก็สตรีมด้วยนี่นา

 

“ว่าแล้วเชียว เธอคือคนที่โทวกะจังตามหาอยู่จริงๆสินะ”

 

ขณะที่พูดอะไรทำนองว่าดีใจที่พวกเราได้เจอกันสักที ชูยะซังก็นั่งลงบนเก้าอี้ของร้านน้ำชา

ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันนะที่ชูยะซังกับโทวกะจังรู้จักกันด้วย

 

“เขาคือบอดี้การ์ดและคนนำทางที่ฉันจ้างค่ะ ช่างน่าอายแต่ฉันต้องยอมรับว่าฉันไม่มีเซ้นส์ด้านทิศทางเลยจริงๆ…”

 

“เข้าใจแล้วล่ะ นี่สินะที่เรียกว่าการกลับมาพบกันอีกครั้งเพราะโชคชะตาน่ะ”

 

“คงงั้นล่ะนะ เอาเถอะ ยังไงก็ดีแล้วที่พวกเธอได้เจอกันล่ะนะ”

 

เขาสบายใจถึงขนาดที่หาวออกมาทั้งที่พูดอยู่เลยเหรอ?

ดูไม่ออกเลยว่าเขาพึ่งจะผ่านดันเจี้ยนมาในสภาพที่สบายใจเฉิบอย่างนี้ เทียบกับโทวกะจังที่ดูเหนื่อยแล้ว เขายังดูมีแรงอยู่เหลือเฟือเลย

 

“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ? จากที่ตกลงกันไว้คือจนกว่าจะถึงเมืองดูอัลลิสนะ”

 

“ถ้าท่านพี่ไม่ว่าอะไร ฉันก็อยากจะไปด้วยกันกับท่านพี่ค่ะ…”

 

โทวกะจังถามฉันอย่างเกรงใจโดยที่มือเกาะชายเสื้อของฉันไว้ขณะที่อ้อนเหมือนอย่างในอดีต-…แม้ว่าจะทำเหมือนเดิมไม่ได้เนื่องจากส่วนสูงที่มากเกินไปแล้วก็ตาม

ฉันเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ ฉันเลยตอบรับอย่างยินดี

 

“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะรู้ไหม?”

 

“ถ้างั้นก็ตามนั้น งานของฉันจบลงตรงนี้แล้วนะ”

 

แม้ว่าจะยังไม่ได้พักอะไรมากนัก ชูยะซังก็ยืนขึ้นแล้วบิดร่างกายตัวเอง

 

ชูยะซังเดินกลับเข้าไปในป่าอีกครั้งขณะที่โบกมือลาพวกเราเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงได้หันกลับมาและบอกบางสิ่ง

 

“อ๊ะ จริงสิ ซุคุนะจัง ถ้าอยากล่ะก็จะมาที่ฐานของ[โต๊ะกลม]ก็ได้นะ ถ้าพวกเราได้เจอกันอีก ฉันจะตอนรับอย่างดีเลยล่ะ”

 

 

“แคลน[อัศวินโต๊ะกลม]เป็นแคลนแนวหน้าที่มีเพียงผู้เล่นสายอาชีพนักดาบเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้ค่ะ ทุกๆเดือนพวกเขาจะจัดการประลองภายในแคลนเพื่อจัดลำดับสมาชิกกันโดยที่ผู้เล่นที่มีอัตราการชนะสูงจะได้รบเลือกโดย[โต๊ะกลม]ค่ะ นอกจากหัวหน้าแคลนแล้วมีอยู่ทั้งหมด11คนและชูยะซังก็เป็นลำดับที่3ในด้านความสามารถค่ะ”

 

ระหว่างทางกลับเมืองดูอัลลิส ฉันถามโทวกะจังถึงเรื่องของ[โต๊ะกลม]ที่ชูยะซังพูดถึง

 

“หืมมม….เพราะงั้นเขาถึงดูเบื่อๆสินะ อ๊ะ ในอัศวินโต๊ะกลมต้นฉบับน่ะไม่ได้มีแต่นักดาบหรอกนี่ใช่ไหม?”

 

“อ่ะฮ่ะฮ่า คงบอกได้แค่ว่ามันเป็นอะไรที่สำคัญที่บรรยากาศน่ะค่ะ”

 

“นั่นสินะ”

 

ฉันถามออกไปเพราะความอยากรู้อยากเห็นแต่เพราะฉันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของอัศวินโต๊ะกลมต้นฉบับแล้ว ฉันเลยหยุดถามถึงมัน

 

“แต่พอได้ยินอย่างนี้แล้ว เขาคงจะเป็นผู้เล่นที่ดังมากเลยสิ”

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ เขาคนนั้นน่ะเก่งก็จริงแต่เขามักจะเดินทางไปเรื่อย จึงไม่มีใครรู้จักมากนัก”

 

“พอมานึกดูแล้วฉันเจอกับเขาครั้งแรกที่ดูอัลลิสด้วยสิ เพราะแบบนั้นเหล่าผู้ชมก็เลยไม่รู้จักเหมือนกันสินะ”

 

“ใช่ค่ะ…อ๊ะ ท่านพี่ซุคุนะ ด้านหน้าใต้เงาหินฝั่งขวาค่ะ”

 

“โอเค ถ้างั้นต้อง…แบบนี้!”

 

เล็งไปที่หินที่โทวกะจงชี้เป้าไว้ให้ ฉันขว้างลูกทุ่มที่ฉันเริ่มชินมือขึ้นไปบนฟ้า

ลกทุ่มลอยสูงทำมุมโค้งเหมือนวาดรูปภูเขาใหญ่ก่อนจะร่วงลงมาและกระแทกใส่บางอย่างที่หลบอยู่ใต้เงาหิน แล้วผลจากการต่อสู้ ไม่สิ ผลจากการซุ่มยิง?ก็โผล่ขึ้นมาด้านหน้าฉัน

 

“ฝีมือการขว้างของท่านพี่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะคะ”

 

“อย่างนั้นเหรอ?”

 

“ค่ะ จะบอกว่าฝีมือในตอนนี้ได้ถูกขัดเกลามากกว่าเดิมอีก สมแล้วที่เป็นท่านพี่ซุคุนะ!”

 

“ง-งั้นเหรอ”

 

ขณะที่ถูกสายตาวิ้งวับแวววาวของโทวกะจังจ้องมาก ฉันเก็บลูกทุ่มมาจากจุดที่บางอย่างนั้นถูกบดไป

ถึงโทวกะจังจะพูดขนาดนั้นก็เถอะ แต่ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เลยนะที่จะขว้างให้โดนเป้านิ่งน่ะ

ในเมื่อเป้าก็อยู่ตรงนั้นแล้ว จะขว้างยังไงก็ได้ตราบที่ขว้างตามเส้นวิถีน่ะ

ไม่เกี่ยวหรอกว่าเส้นวิถีจะโค้งสูงแค่ไหนหรือจะตรงๆเลยก็ตาม สิ่งที่ต่างออกไปก็มีแค่เวลาก่อนจะเกิดการปะทะก็เท่านั้น

 

“ฟังกี่ครั้งก็ยังได้แต่คิดนะคะว่ามันแปลกมากเลย”

 

“ม-ไม่เห็นต้องพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้นเลยนะ…”

 

[ไม่ล่ะ แปลกจริงๆ]

[แปลก]

[พูดมาไม่ผิดหรอกแต่ในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้ไง]

[โอนิสาวผู้พูดออกมาราวกับรู้อยู่แล้วว่าโดนเป้าก่อนเหตุการณ์จริงจะเกิดขึ้น]

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นหัวข้อสนทนาที่โทวกะจังเริ่มขึ้น ฉันกลับถูกจู่โจมรอบทิศทาง

 

“ม-ไม่ใช่อย่างนั้น นั่นมันเฉพาะเป้านิ่งหรอกนะ ถ้าเป้าเคลื่อนไหวล่ะก็บางครั้งฉันก็พลาดเหมือนกัน…”

 

“บางครั้งสินะคะ”

 

[บางครั้ง]

[บางที…]

[บางครั้งล่ะ]

[เสนอทฤษฎีว่าเธอก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าครั้งล่าสุดที่ขว้างพลาดคือเมื่อไหร่…]

 

ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! ฉันพลาด1ครั้งจาก100ครั้งเหมือนกันนะ!

…ใช่ไหมล่ะ บางครั้งจริงๆนะ!

 

“จะว่าไปแล้ว ฉันเคยเห็นท่านพี่รินลองให้ท่านพี่ซุคุชู้ตลูกบาสเก็ตบอลจากอีกฟากของสนามแล้วก็ทำได้10ลูกรวดเดียวเลยด้วย”

 

[สิ บ ค รั้ ง ร ว ด]

[ลูกบาสข้ามมิติ]

[บาสเก็ตบอล]

[ในโลกจริงก็เป็นโอนิสินะ?]

[ในVRยังเป็นไปไม่ได้เลยนะ]

 

“อะเฮือก-”

 

พอฉันพยายามจะอธิบายก็ถูกหักหลังอย่างไม่คาดคิดขึ้นมา

พร้อมกับถูกคอมเมนต์กระหน่ำโจมตีรัวๆ

 

จะว่าไปแล้ว ที่โทวกะจังพูดถึงคือตอนที่ฉันอยู่ม.1 ฉันแค่ไปเป็นเพื่อนรินจังที่ได้โรงยิมสร้างให้กับเธอเพราะเธอขาดการออกกำลังกาย

หลังจากนั้นรินจังก็เลิกออกกำลังกาย แล้วโรงยิมนั้นก็เปิดให้ใช้อย่างสาธารณะ

 

“ก-กลับมาที่เรื่องเดิมกันก่อนเถอะนะ”

 

“อุฟุฟุ นั่นสินะคะ”

 

แม้ว่าจะเป็นการฝืนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแต่โทวกะจังก็ชวนคุยเรื่องอื่นต่อโดยที่ไม่พูดถึงเรื่องเดิมอีก

ถึงครึ่งทางกลับไปยังเมืองดูอัลลิสแล้ว ฉันยังไม่รู้สึกเหนื่อยด้วยซ้ำ

สาเหตุที่พวกเราสามารถเดินทางกันอย่างง่ายดายเป็นเพราะสายสกิลของโทวกะจัง

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ระยะตรวจจับของโทวกะจังกว้างจริงๆเลยนะ”

 

“ค่ะ เพราะว่าฉันเน้นด้านการซัพพอร์ท พอเทียบกับท่านพี่ซุคุที่เน้นด้านการต่อสู้แล้ว [ตรวจจับ]ของฉันเลยมีระยะที่กว้างกว่า คิดว่านะคะ”

 

ใช่แล้ว โทวกะจังมีเซ็ทสกิลที่ต่างออกไปหน่อย เหมือนว่าจะไม่มีสกิลสายโจมตีเลยล่ะ

ฉันไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมดแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นสายฮีลเลอร์นะ

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสกิลสายตรวจจับอีกด้วย เป็นสไตล์การเล่นที่เน้นไปทางด้านการสนับสนุนเต็มตัว

 

ไม่เหมือนกับฉันที่ใช้เฉพาะตอนที่จำเป็น โทวกะจังจะใช้สกิลตลอดเพื่อหาศัตรู นั่นจึงทำให้ค่าความเชี่ยวชาญสกิลสูงกว่าของฉันมาก

ในพื้นที่ที่มีมอนสเตอร์หลบซ่อนอยู่เยอะ เธอจะสามารถตรวจจับได้เร็วกว่าฉันเยอะ บ่อยครั้งเลยที่โทวกะจังเป็นคนเรียกเตือนฉันเมื่อเจอมอนสเตอร์

 

“แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ทำอะไรตัวคนเดียวไม่ได้อยู่ดี”

 

แม้ว่าโทวกะจังจะพูดแบบนั้น แต่ตรงข้ามกับประโยคที่ฟังดูหดหู่ ดวงตาของเธอกลับไม่ทำให้คิดแบบนั้น

อาจเป็นความมั่นใจในฐานะซัพพอร์ท หรืออาจจะมาจากความสนุก แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีเลเวลที่สูงมากนัก ฉันก็สัมผัสได้ว่าเธอมีจิตใจอันแข็งแกร่งที่ไม่รู้สึกผิดหวังในการเลือกสไตล์การเล่นนี้

พอได้เห็นแบบนั้นแล้ว สำหรับฉันที่เห็นเธอมาตั้งแต่เธอยังเด็ก อ่อนแอ และขี้อ้อน ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบีบคั้นในใจ

 

ระหว่างที่พวกเราคุยเล่นกันตามทางไปดูอัลลิส ก็มีเสียงอิเล็กทรอนิกแจ้งเตือนว่ามีเมล์ส่งมาหาฉัน

ผู้ส่งคือ[โคเนโกะมารุ] นั่นหมายความได้สิ่งเดียว

 

“โทวกะจัง”

 

“คะ? มีอะไรเหรอ”

 

“ในช่วงบ่ายก่อนที่พวกเราจะไปผจญภัยด้วยกัน ฉันมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย อยากจะไปด้วยกันไหม?”

 

“ไปแน่นอนค่ะ”

 

“ขอบใจนะ ฉันเชื่อว่าเธอคงไม่เบื่อแน่”

 

ได้รับคำยินยอมจากโทวกะจัง ฉันเลยส่งข้อความตอบกลับไปยังโคเนโกะมารุซัง

ฉันคิดไว้ตอนแรกว่าจะเป็นหลังจากวันพรุ่งนี้ แต่เขาเสร็จงานไวจริงๆ

 

บนถนนสู่ดูอัลลิส

โดยที่เก็บความตื่นเต้นไว้ในใจ ฉันอัดมอนสเตอร์ข้างทางจนตายด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นอีก30%