ทว่าทันทีที่สัมผัสเส้นผมของเขา ซูจิ่นซีกลับชะงักอีกครั้ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงปัดเส้นผมของเขาออก
เมื่อเห็นใบหน้านั้น ซูจิ่นซีตกใจอย่างมากจนทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น นางปล่อยเส้นผมในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีก็กลับมาได้สติ นางยื่นมือออกไปด้วยความกลัว และปัดเส้นผมของเขาอีกครั้ง
ใบหน้านั้นดูน่ากลัวและโหดร้าย แก้มได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะหวะ เนื้อปลิ้นออกมาจนเห็นลึกไปถึงกระดูก
ซูจิ่นซีเป็นหมอมาหลายปี ทว่าไม่เคยเห็นผู้ป่วยที่ใบหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ นางสังเกตบาดแผลครู่หนึ่ง ทั้งยังรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่แผ่นหลังไปจนถึงหนังศีรษะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจดูอย่างละเอียด หากใบหน้านั้นไร้ซึ่งบาดแผล คงเป็นใบหน้าที่หล่อเหลามากทีเดียว
ซูจิ่นซีไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก นางค่อยๆ ม้วนผมของบุรุษผู้นั้นขึ้น พยายามไม่ให้ผมถูกบาดแผล จากนั้นจึงนำยาน้ำและผงยาออกมาจากระบบถอนพิษ รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับทำแผล
ที่นี่ไม่มีแหล่งน้ำสะอาด ยังดีที่ระบบถอนพิษมียาน้ำเจือจางตามสัดส่วนเพื่อใช้ทำความสะอาดบาดแผลโดยเฉพาะ
ซูจิ่นซีเลือกบาดแผลที่มีอาการหนักที่สุดและจำเป็นต้องห้ามเลือดในทันที จากนั้นจึงรักษาบาดแผลเล็กๆ ที่เหลือตามลำดับ เมื่อต้องจัดการกับบาดแผลบนใบหน้า ซูจิ่นซีเลือกใช้ยาที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ
ทว่าบาดแผลนั้นสาหัสมาก เป็นเรื่องยากหากไม่หลงเหลือรอยแผลเป็น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว เมื่อจัดการกับบาดแผลบนร่างของเขาเรียบร้อย ใบหน้าของซูจิ่นซีก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ทั้งยังเหนื่อยจนมือไร้เรี่ยวแรง
นางผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก พลางมองดูผลงานของตนเองด้วยรอยยิ้มพอใจ ก่อนจะนั่งพิงกำแพงเพราะความเหนื่อยล้า
เมื่อครู่ตอนที่ทำแผล นางนับบาดแผลของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง บาดแผลส่วนใหญ่อยู่ตรงจุดตายทั้งสิ้น ทั้งยังร้ายแรงและมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก หากเป็นคนธรรมดา เมื่อได้รับบาดเจ็บเช่นนี้คงตายไปนานแล้ว ทว่าเขากลับยืนหยัดรอดชีวิตมาได้ ทั้งยังมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด
ความมุ่งมั่นแบบใดที่สนับสนุนให้เขาดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด?
เขาเป็นใครกันแน่?
ซูจิ่นซีครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้ไม่หยุด เพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้าเหมือนกำลังหลงทาง และตัวเขาดูมีเรื่องลึกลับมากมาย
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเหนื่อยล้าเกินไป ไม่นานก็ผล็อยหลับไปในท่าหลังพิงกำแพง
กำแพงมืดมิดและเย็นยะเยือก ปราสาทอันว่างเปล่า โคมไฟหมื่นปีส่องสว่างบนกำแพง มันทอประกายระยิบระยับกระทบแก้มของซูจิ่นซี ซูจิ่นซีที่กำลังหลับใหลอยู่ไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงสิ่งใด มุมปากของนางยกยิ้มเป็นครั้งคราว หางตา และหางคิ้วปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข
บางสิ่งที่เย็นยะเยือกทาบลงบนแก้มของซูจิ่นซี ซูจิ่นซีที่กำลังนอนหลับฝันหวานพลันสะดุ้งตื่นลืมตา ภาพตรงหน้าคือบุรุษที่ใบหน้าถูกคลุมด้วยผ้าพันแผลสีขาวราวกับ ‘บ๊ะจ่าง’ ทั้งเขายังอยู่ใกล้นางมาก
ซูจิ่นซีที่ระแวดระวังตัว รีบผลักบุรุษผู้นั้นออกไป พลางกอดตนเองและถดตัวไปอยู่อีกมุมหนึ่ง “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอันใด? ”
“เฉี่ยนเฉียน… เจ้ากลับมาแล้ว… เฉี่ยนเฉียน… ”
บุรุษผู้นั้นไม่รู้สึกตัว เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกเจ็บปวดบาดแผลที่ถูกซูจิ่นซีผลัก เขายื่นมือออกมาเพื่อจับแก้มของซูจิ่นซี ทั้งยังจ้องซูจิ่นซีและพูดพึมพำ
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าจำผิดคนแล้ว ข้าไม่ใช่เฉี่ยนเฉียนอันใดนั่น แผลบนร่างของเจ้าได้รับการรักษาแล้ว คงไม่มีอันใดร้ายแรง”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ซูจิ่นซีก็หยิบยาสมุนไพรออกมาจากระบบถอนพิษ ก่อนจะวางลงบนพื้นและลุกขึ้นยืน “สมุนไพรเหล่านี้เพียงพอให้ใช้ได้ชั่วขณะหนึ่ง หาคนมาเปลี่ยนยาให้ตรงเวลา เพียงแผลไม่อักเสบ เจ้าก็ไม่เป็นอันใด”
นางพูดพลางหันหลังเดินจากไป
ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว บุรุษผู้นั้นก็คว้าแขนของนางไว้ “เฉี่ยนเฉียน เจ้าวางใจ ข้าต้องปกป้องเจ้าให้ได้ แม้วิญญาณของเจ้าจะกระจัดกระจายจนไม่สามารถกลับชาติมาเกิดได้อีก ข้าก็จะช่วยเจ้าออกมาจากแท่นวิหารวิญญาณให้ได้… เฉี่ยนเฉียน เป็นข้าที่ไม่ดี เป็นข้าที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ เฉี่ยนเฉียน… ”
เขาพูดพลางใช้กำลังเพียงเล็กน้อย พยายามดึงซูจิ่นซีเข้าสู่อ้อมแขนตนเอง
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างหนัก นางใช้กำลังผลักบุรุษผู้นั้นออกไปอย่างแรง
ซูจิ่นซีเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังกลับไป ก่อนจะพบว่าบุรุษผู้นั้นนอนอยู่บนพื้น บาดแผลบนร่างปริออกหลายแห่ง และมีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลสีขาว
หากซูจิ่นซีเดินจากไปในตอนนี้ บุรุษผู้นั้นจะต้องเลือดไหลหมดตัวจนตายอย่างแน่นอน
นางจึงทำได้เพียงกลับไปทำแผลให้เขาใหม่
“โชคร้ายมาแปดชาติเสียจริง เรียนวิชาแพทย์ ทั้งยังข้ามมิติเวลา ข้ามมิติไปที่ไหนไม่ไป ดันข้ามมาในยุคที่มีแต่เรื่องเสี่ยงอันตราย”
เมื่อบ่นมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็ออกแรงพันผ้าพันแผลจนแน่นเป็นเงื่อนตาย “เรียบร้อย ครั้งนี้พันแน่นจนหลุดไม่ได้แล้ว ข้าจะไปตามทางของข้า เจ้าก็ไปตามทางของเจ้า เราสองคนต่างคนต่างอยู่”
บุรุษผู้นั้นไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา ซูจิ่นซีจึงคิดว่าเขาเข้าใจดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ซูจิ่นซีทำแผลเสร็จ เขากลับพึมพำขึ้นมาอีกครั้ง “เฉี่ยนเฉียน… เฉี่ยนเฉียน… เฉี่ยนเฉียน… ”
ขณะที่บ่นพึมพำ เขาก็เข้ามาจับมือซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีรีบหลบหนี “ข้าไม่ใช่เฉี่ยนเฉียนอันใดนั่น ท่านจำคนผิดแล้ว! ”
เมื่อครู่ ซูจิ่นซีไม่ได้มองตาเขาอย่างละเอียด ตอนนี้เมื่อมองไปยังดวงตาทั้งสองข้างของเขา ก็พบว่ามีความผิดปกติในดวงตาคู่นั้น
ซูจิ่นซีเลื่อนสายตาไปบนศีรษะของบุรุษผู้นั้น ก่อนจะตรวจดวงตาของเขาอย่างละเอียด และพบว่าดวงตาทั้งสองของเขาได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ทว่าไม่ใช่บาดแผลภายนอก ก่อนหน้านี้นางจึงตรวจไม่พบ
ไม่แปลกใจ เขาเพิ่งได้สติ ทั้งยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ทำให้คิดว่านางเป็นผู้อื่น
ซูจิ่นซีไตร่ตรองและชั่งใจ ก่อนจะหยิบเข็มเหมันต์เทวะออกมาฝังที่จุดเทียนหลิง จิงหมิง และจุดเลือดลมกลางอกอีกหลายจุด หลังจากดึงเข็มเงินออก สติของบุรุษผู้นั้นก็เริ่มคืนกลับมา
เมื่อไม่มีอาการสะลึมสะลือดังเช่นก่อนหน้านี้ ความระแวดระวังของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ว่าข้างกายมีคนผู้หนึ่ง จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเป็นใคร? ”
ซูจิ่นซีรู้ดีว่าตอนนี้เป็นช่วงที่ผู้ป่วยอ่อนแอที่สุด ดังนั้นนางจึงพยายามใช้น้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “เจ้าได้รับบาดเจ็บ บาดแผลบนร่างกายสาหัสยิ่งนัก ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ และช่วยทำแผลให้เจ้า วางใจได้ ตอนนี้เจ้าพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“เจ้าเป็นหมอหรือ? ”
“รู้วิชาแพทย์เล็กน้อยเท่านั้น”
บุรุษผู้นั้นลืมตาขึ้น แววตาพร่ามัวเลื่อนไปมองใบหน้าของซูจิ่นซี ทันใดนั้น ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป เขารีบคว้ามือซูจิ่นซีไว้ และพูดอย่างตื่นเต้น “เฉี่ยนเฉียน เป็นเจ้า… เฉี่ยนเฉียน เจ้ากลับมาแล้ว? ”
เอาอีกแล้ว!
ซูจิ่นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ “บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ข้าไม่ใช่เฉี่ยนเฉียนอันใดนั่น รบกวนพี่ชายตั้งสติหน่อยเถิด แม้ดวงตาของท่านจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าไม่ได้บอดสนิท สายตาคงไม่แย่ถึงเพียงนั้นกระมัง? ”
ซูจิ่นซีพูดพลางกระชากมือตนเองออกจากมือของบุรุษผู้นั้นอย่างแรง
แววตาของเขามองสำรวจใบหน้าของซูจิ่นซีจากระยะไกล ผ่านไปครู่หนึ่งจึงทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น พลางบ่นพึมพำเสียงต่ำ “ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่นาง นางอยู่ที่แท่นวิหารวิญญาณ จะออกมาได้อย่างไร? ”
แท่นวิหารวิญญาณ?
เป็นชื่อที่คุ้นเคยยิ่งนัก
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกออกว่า ก่อนหน้านี้อวิ๋นจิ่นเคยพูดไว้ แท่นวิหารวิญญาณคือหอประหารเซียนในแดนสวรรค์ เทพของเผ่าสวรรค์ที่ถูกกักขังในแท่นวิหารวิญญาณจะไม่สามารถจุติลงมาเกิดได้อีก
บุรุษผู้นี้เป็นผู้ใดในเผ่าสวรรค์?
เฉี่ยนเฉียนที่เขาพูดถึงมีความสัมพันธ์อันใดกับเขา เหตุใดนางจึงถูกกักขังไว้ในแท่นวิหารวิญญาณ?