GGS:บทที่ 852 แผนการแสดงของซูจิ้ง

 

ซูจิ้งไม่ได้ใส่ใจที่ในอินเตอร์เน็ตพูดคุยถึงเขาแม้แต่น้อย เขานั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ด้วยดอกไฟของแกนดรอฟจากห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงแล้ว หากเขาไม่มั่นใจนี่สิแปลก

ทางด้านเฉิงหนานเองในตอนนี้ก็ดำเนินการได้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โรงงานดอกไม้ไฟในตอนนี้นั้นถือได้ว่าลุล่วงอย่างรวดเร็วจนตอนนี้สามารถเตรียมความพร้อมที่จะผลิตดอกไม้ไฟชุดแรกได้ในทันที

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ดอกไม้ไฟชุดแรกของซูจิ้งจะแล้วเสร็จในอีกสองวัน ซึ่งตรงกับวันที่มีการจัดงานเลี้ยงครบรอบร้อยปีของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งของเมืองจงหยุน

“หลังจากที่จัดการเรื่องดอกไม้ไฟเสร็จแล้ว ฉันเองก็คงจะต้องเตรียมตัวการแสดงในช่วงเย็นไว้ด้วยสินะ

มันต้องไม่เป็นเพียงการแสดงธรรมดา แต่มันต้องเป็นการแสดงที่ช่วยส่งเสริมนักเรียกพวกนั้นด้วย”

ซูจิ้งเองได้ขับเคลื่อนวิถีแห่งใต้หล้าภายในจิตสำนึกของเขาและดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิดอยู่อีกพักใหญ่ ทันใดนั้นเขาเองก็ได้ดีดผึงขึ้นมา และได้ตรงไปยังโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้สัประยุทธ์

 

เมื่อเขาถึงที่นั่น ฮูฮงหยาง ฮูเฟยหยุน ไชหวูเฟิง จี้เสี่ยวถิง ได้อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว โดยมีหวู่หลงเพิ่มเข้ามา

ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นมีความสุขจริงๆที่ได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้สัประยุทธ์แห่งนี้

พวกเขาทั้งหมดในตอนนี้กำลังฝึกมวยกันอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่เพลงมวยใดอื่นนอกจากเพลงหมัดวัวคลั่งแน่นอนอยู่แล้ว

“ศิษย์พี่ วันนี้ลมอะไรได้พัดศิษย์พี่ให้มาที่นี่ได้กัน” ฮูเฟยหยุนได้พูดออกมาด้วยเสียงดังลั่นในทันทีที่เห็นซูจิ้ง

“สวัสดีครับศิษย์พี่” เหล่าสมาชิกของโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวได้กล่าวทักทายพร้อมโค้งคำนับให้แก่ซูจิ้ง

ถึงแม้ว่าหลายๆคนนั้นจะได้รับการฝึกฝนมาจากฮูฮงหยางและบางคนก็ยังแก่กว่าซูจิ้งด้วยซ้ำ แต่พวกเขานั้นต่างก็เต็มในที่จะเรียกซูจิ้งว่าศิษย์พี่ และไม่รังเกียจที่จะยอมรับว่าเป็นศิษย์น้องของซูจิ้งเลยแม้แต่น้อย

นั่นก็เพราะว่าในด้านศิลปะป้องกันตัวนั้น ซูจิ้งเหนือกว่าใครๆในวงการเลยก็ว่าได้ในตอนนี้ แน่นอนว่ายังสูงล้ำยิ่งกว่าฮูฮงหยางซะอีก

เขาเก่งถึงขนาดคิดค้นเพลงหมัดวัวคลั่งได้ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะยอมซูฮกให้แก่ซูจิ้ง แค่คำว่าศิษย์พี่นี่สำหรับพวกเขานั้นยังถือว่าน้อยไปเลย พวกเขาอยากเรียกว่าปรมาจารย์เลยด้วยซ้ำไป

“พวกแกนี่น้า…ตอนอยู่กับฉันไม่เห็นสรรเสริญฉันขนาดนี้เลยสักนิด” ฮูฮงหยางเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเฉียดเฉียน

“อาจิ้ง วันนี้นายมาทำอะไรล่ะนั่น จะให้พวกเราทำอะไรหรอ” ไชหวู่เฟิงถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมล่ะ ฉันจะมาบ้างไม่ได้รึไงเนี่ย” ซูจิ้งถามด้วยรอยยิ้ม

“ได้สิ แหม่… ทุกคนที่นี่อยากจะให้นายอยู่กับพวกเราทุกวันเลยด้วยซ้ำ แต่นายเองก็ยุ่งซะจนหาเวลามาไม่ค่อยได้ น้อยครั้งที่นายจะสามารถมาที่นี่ได้โดยไม่มีธุระอะไร

ยิ่งตอนนี้นายเองก็เพิ่งจะสำเร็จวิชาหลายๆด้านอย่างการเข้าสมาธิ การวาดภาพ ไหนจะต้องเตรียมงานแสดงดอกไม้ไฟอีก

ฉันเองก็รู้เลยว่านายน่าจะยุ่งจนไม่น่าจะมาได้ ถ้ามาก็ต้องมีอะไรให้เราช่วยอยู่แล้ว” ไชหวู่เฟิงพูดออกมาด้วย

รอยยิ้ม

“โอ้…ว่ามาอย่างนี้ก็ดีเลย ความจริงฉันก็มีอะไรมาให้นายจริงๆนั่นแหล่ะ ฉันมีเพลงมวยใหม่มาสอนน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา

“จริงอ่ะ” ฮูฮงหยาง ฮูเฟยหยุน ไชหวู่เฟิง จี้เสี่ยวถิง หวู่หลง และคนอื่นๆที่ได้ยินต่างหูผึ่งและตาเป็นประกายในทันที

“ใช่ แต่มีข้อแม้นะ พวกนายจะต้องทำตามที่ฉันขอหนึ่งอย่างหลังจากเรียนเสร็จแล้ว” ซูจิ้งพูดออกมา

“ศิษย์พี่ ต่อให้พี่ไม่สอน แค่เอ่ยปากออกมาพวกเราก็พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อพี่อยู่แล้วล่ะ” ฮูเฟยหยุนใช้กำปั้นเคาะไปที่หน้าอกของตัวเองเป็นสัญลักษณ์ว่าเขานั้นพร้อมทำงานหนักเอาเบาสู้เพื่อซูจิ้งตลอดเวลา

เขาเองก็ได้รู้ซึ้งถึงอาณุภาพของเพลงหมัดวัวคลั่งอยู่แล้ว และรู้ได้ในทันทีเลยว่าเพลงหมัดชุดใหม่ของซูจิ้งต้องวิเศษไม่แพ้กันอย่างแน่นอน

 

“ศิษย์พี่ พี่อยากให้พวกเราทำอะไรเหรอ” จี้เสี่ยวถิงเองก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆเหมือนกัน นั่นก็เพราะว่าด้วยความเก่งกาจของซูจิ้งแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องขอให้พวกเขาช่วยได้อีก

เขาและหวู่หลงเองก็ได้มองไปยังซูจิ้งด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งสองกลัวเพียงว่าเรื่องที่ซูจิ้งขอให้ช่วยจะเหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาจนเผลอทำพลาดไปจนเสียการใหญ่มากกว่า

“เอาน่า นายไปต้องไปบุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาเผากระท่อมบุกน้ำลุยไฟอะไรพวกนั้นหรอก ก็แค่เรื่องเล็กน้อยอย่างอีกสองสามวันนับจากนี้ ในงานครบรอบร้อยปีโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งที่ฉันเป็นศิษย์เก่านั้น พอดีฉันมีแผนว่าจะร่วมการแสดงด้วย โดยจะให้พวกนายช่วยฉันแสดงเทคนิคหมัดมวยก็เท่านั้นเอง” ซูจิ้งได้พูดพร้อมรอยยิ้มแบบใสๆออกมาบนใบหน้า

“แค่นั้น” มันฟังดูง่ายจนจี้เสี่ยวถิงหลุดปากถามซ้ำออกมา

“แค่การแสดงเดียวหรอ” ฮูเฟ่ยหยุน ไชหวูเฟิง และหวู่หลง นั้นทำท่าไม่อยากจะเชื่อออกมาพร้อมๆกัน มันฟังดูง่ายเกินกว่าที่จะใช้แลกกับการสอนเพลงหมัดหนึ่งเพลงมากมายนัก

“ใช่ แค่นั้นแล…” ซูจิ้งพยักหน้า ก่อนจะพูดออกมาว่า “เพลงหมัดของฉันชุดนี้เป็นต้นตำรับโดยฉันเอง

ฉันจะสอนแบบตัวต่อตัว และแน่นนอนว่าจะไม่ขอให้นายทำอย่างอื่นเพิ่มเติมนอกจากการช่วยฉันแสดงแค่นั้นเอง

และอีกอย่างฉันก็ได้แต่หวังเพียงว่าพวกนายไม่ใช่ว่าเรียนแล้วจะไม่ยอมเข้าร่วมการแสดงของฉันนะ อ้อแน่นอนครับว่าปรมาจารย์ฮูไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแสดงอย่างแน่นอน นอกจากว่าคุณจะอยากล่ะนะ”

“โถ่ ศิษย์พี่ ศิษย์พี่คิดว่าพวกเราเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย พี่เป็นคนสอนเพลงหมัดกับพวกเรานะ พวกเราจะไปปฏิเสธเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้ยังไงกัน” ฮูเฟยหยุนเองได้พูดออกมา

“ใช่แล้วล่ะ อย่าว่าแต่การแสดงเดียวเลย ให้แสดงทั้งคืนก็ยังได้ สอนเราเถอะน่าศิษย์พี่” จี้เสี่ยวถิงได้พูดออกมา

“ศิษย์พี่ พวกเราสัญญาเลยว่าจะช่วยศิษย์พี่ในการแสดงอย่างสุดความสามารถ” เหล่าศิษย์คนอื่นของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้สัประยุทธ์และหวู่หลงและไชหวู่เฟิงเองก็แสดงท่าทางดีใจกันออกมาอย่างเห็นได้ชัด

แค่เพียงร่วมการแสดงเพียงครั้งเดียวก็ได้เรียนเพลงหมัดใหม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ

 

ฮูฮงหยางเองที่ตอนนี้อยู่ในท่าทีที่สุขุมมากที่สุดนั้น เขาได้เดินเข้าไปหาซูจิ้งและลากซูจิ้งเข้าไปที่ซอกกำแพงห่างจากทุกคนในทันที เขาเองก็ถามออกมาอย่างจริงจังว่า “อาจิ้ง เอาจริงๆกับลูกศิษย์ในตอนนี้นั้น

ฉันไม่สามารถมั่นใจได้ว่าทุกคนจะยอมเก็บความลับไว้ได้นะ การที่นายมาสอนเพลงหมัดให้ทั้งโรงเรียนแลกกับการให้พวกเขาช่วยเรื่องงานแสดงแบบนี้ไม่กลัวจะถูกขโมยความรู้ไปรึไงกัน”

ซูจิ้งนั้นได้เคยเผยแพร่เพลงหมัดวัวคลั่งของเขาไปก่อนหน้านี้แบบต่อหน้าประชาชนมาแล้ว ถึงแม้จะแค่ส่วนหนึ่ง และมีเพียงไม่กี่คนอย่างเสี่ยวไจ๋ ฮูฮงหยาง ฮูเฟยหยุน ไชหวู่เฟิง และจี้เสี่ยวถิงเท่านั้นที่เขาเชื่อใจสอนเพลงหมัดทั้งหมดก็ตาม

ในความคิดของซูจิ้งนั้น วิธีการของเขานั้นถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่เพลงมวยของเขาออกไปในระดับโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันก็ตรงตามเป้าประสงค์ของเขาอยู่แล้ว

ซูจิ้งได้เตรียมการเรื่องการนำไปใช้งานผิดๆโดยมอบหมายให้เขา(อาจารย์ฮู)เป็นผู้คัดกรองอีกที

เขา(อาจารย์ฮู)เองตอนนี้ก็ยังสอนเพลงหมัดวัวคลั่งให้กับลูกศิษย์ถึงแค่รูปแบบที่สองเท่านั้น ยังไม่ได้เผยแพร่รูปแบบที่สามแต่ประการใด

มาในตอนนี้หลังจากที่เขาได้ยินซูจิ้งพูดแล้วฟังๆดูเหมือนซูจิ้งเองก็ให้ความสำคัญกับความลับของเพลงมวยชุดนี้อย่างมาก

แต่เขากลับเลือกที่จะสอนให้ทุกคนเพียงแลกกับการช่วยเขาแสดงในงานโรงเรียนเท่านั้น มันช่างน่าแปลกใจจนต้องลากซูจิ้งมาคุยข้างๆแบบนี้

“ผมไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นหรอกครับ สิ่งที่ผมจะสอนให้นี่ก็เป็นเพียงแค่รูปแบบแรกเท่านั้นเอง” ซูจิ้งยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าไม่จำเป็นต้องกังวล

“อ้อออ งั้นก็ไม่มีปัญหา” ฮูฮงหยางพยักหน้ารับในทันที ถึงแม้เขาจะยังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่ในใจ

แต่ยังไงซะถ้าเป็นเพียงแค่รูปแบบแรกก็คงไม่ต้องกังวลอะไรมากนะ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคำพูดของซูจิ้งนั้นช่างให้ความรู้สึกว่าเรื่องที่เขาสอนเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและมีอะไรที่มันลึกซึ้งซ่อนอยู่

 

“อาจารย์กับศิษย์พี่อย่ามัวแต่กระซิบกระซาบกันสองคนสิ  รีบสอนพวกเราเร็วเข้า” จี้เสี่ยวถิงทนไม่ไหวจนต้องตะโกนร้องขอออกมา

“ได้ๆ ดูให้ดีนะ” ทันทีที่ซูจิ้งพูดจบ เขาได้สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นเขาแยกมือและเท้าออกจากกันและเข้าท่าทางการฝึกในทันที

ฮูเฟยหยุน จี้เสี่ยงถิง ไชหวู่เฟิง หวู่หลง และคนอื่นๆจ้องมองอย่างตั้งใจจนดวงตาเบิกโตในตอนแรก แต่หลังจากมองผ่านไปสองสามวินาที พวกเขาเริ่มสังเกตว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ จนบางคนเริ่มมองหน้ากันเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่พวกเขาก็พูดไม่ออก มันเหมือนกับว่ามีอะไรผิดปกติแต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรผิดปกติกันแน่

“เพลงหมัดนี้มัน… ว่ายังไงดีล่ะ… มันเหมือนจะช้าไปหน่อยรึเปล่า” จี้เสี่ยงถิงบ่นพึมพำออกมา

“ศิษย์พี่คงอยากให้พวกเราเห็นได้ชัดๆเฉยๆรึเปล่า” ฮูเฟยหยุนเองก็ลองอธิบายออกมา แต่เขาเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกัน

“ไม่ใช่แค่ช้านะ ฉันว่าน่าจะเรียกว่าเชื่องช้าเลยมากกว่า มันเทียบไม่ได้กับเพลงหมัดวัวคลั่งเลยนะ” หวู่หลงเองก็กระซิบบ่นมาเบาๆ

“ถึงจะบอกว่าอย่างนั้นก็เถอะแต่ทำไมฉันรู้สึกได้ว่าท่วงท่าของเพลงหมัดนี้มันดูลื่นไหลจนราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเหลือเกิน หรือว่าตาของฉันฝาดไป” ไชหวู่เฟิงเองก็สังเกตเรื่องนี้เหมือนกัน

แม้แต่ฮูฮงหยางเองก็ถึงกับสับสนในทันที พอดูๆแล้วเขาเองก็คิดเหมือนกันว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆกับเพลงหมัดที่แสนธรรมดาชุดนี้แต่เขานั้นมองยังไงก็มองไม่ออก

ทันทีที่ซูจิ้งสังเกตเห็นว่ารอบข้างมองเขาด้วยความสับสน เขานั้นได้หยุดลงในทันทีก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ดูท่าเพลงหมัดนี้จะยากเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจในความหมายของมันได้แหะ ฉันว่าถ้าฉันเล่นเพลงเพลงหนึ่งไปด้วยคิดว่าทุกคนคงจะเข้าจะเพลงหมัดนี้มากขึ้นนะ”

 

หลังจากซูจิ้งพูดจบ เขาได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เขาได้เรียกเพลงเพลงหนึ่งและวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะ

ทันทีที่เพลงดังขึ้น ซูจิ้งก็ได้เริ่มแสดงเพลงหมัดของเขาต่อไปในทันที หลังจากทุกคนได้ยินเสียงและได้มองซูจิ้งแสดงเพลงหมัดออกมา ต่างก็รู้สึกสนเท่ห์กันไปหมด

นี่มันเพลงหมัดอะไรกันแน่ อะไรคือแก่นของเพลงหมัดกัน ไหนจะความหมายของเพลงที่เปิดประกอบการร่ายรำนี่อีก นี่พวกเขาตกมาในหลุมพลางของศิษย์พี่ของเขาแล้วอย่างนั้นหรอเนี่ย