GGS:บทที่ 853 ใบไม้วิเศษ

 

ฮูเฟยหยุน จี้เสี่ยวถิง และคนอื่นๆในตอนนี้ต่างก็รู้สึกว่าตัวเองได้ตกหลุมพลางของศิษย์ผู้พี่ของพวกเขาเข้าให้แล้ว

แต่ยังไงซะคำพูดของพวกเขาเองที่พูดออกไปก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถคืนคำได้แล้วเช่นเดียวกัน เฉกเช่นสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ

พวกเขาเองในตอนนี้เหลือเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นก็คือต้องเรียนเพลงหมัดนี้ของซูจิ้ง ไม่อย่างนั้นคงต้องโดนอัดหมอบกระแตอยู่ตรงนี้เป็นแน่

ซูจิ้งเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเหล่าศิษย์น้องของเขาจะมองเขาเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ตาม หลังจากสอนเพลงหมัดไปแล้ว

ซูจิ้งก็ได้บอกให้พวกเขาทบทวนเพลงหมัดอย่างดี และบอกให้พวกเขารอดูผลลัพธ์จากการฝึกที่จะปรากฎให้เห็นในช่วงสองวันนี้อย่างไม่คาดฝัน

พอพูดเสร็จซูจิ้งก็ได้ชิ่งออกมาในทันที

 

หลังจากกลับไปถึงบ้าน ซูจิ้งได้กลับเข้าไปยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศและจัดการขยะของเขาต่อในทันที

หลังจากแน่ใจแล้วว่าขยะห้วงเวลาฯกองนี้มาจากไหนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้เจออะไรน่าสนใจเพิ่มเติมจึงทำได้เพียงท้อใจไปเล็กน้อยเท่านั้น

กองกระดาษที่เอาไว้เหลืออีกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น นั่นก็เพราะเสี่ยวไป๋ยังคงทำงานของตัวเองต่อไป

เห็นดังนั้น ซูจิ้งจึงได้หันไปจัดการกับขยะกองไม้แทน เมื่อจัดการเสร็จสิ้น เขาได้พบไม้ที่ดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่เจออะไรดีๆเพิ่มเติม เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกมันเป็นเพียงเศษไม้ธรรมดาเท่านั้น

หลังจากนั้นสักพัก ซูจิ้งก็ได้เห็นกองเศษไม้แห้งที่มวนรวมกันเป็นแท่งอยู่ ตอนแรกเขาเองก็ไม่เห็นอะไรที่มันน่าจะพิเศษกว่าไม้ทั่วไปแม้แต่น้อย

แต่ไม่นานนัก เขาเองก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาได้กลิ่น กลิ่นอะไรบางอย่างรอยโชยออกมา มันเป็นกลิ่นที่หอมเตะจมูกเขาอย่างมาก

“นี่มันอะไรกันหว่า” ซูจิ้งได้หยิบใบไม้นั้นขึ้นมา พลิกซ้ายพลิกขวาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน และยิ่งเขาพลิกดูมากเท่าไหร่ เขาก็ได้กลิ่นโชยออกมาจากมันมากขึ้นเท่านั้น และกลิ่นมันหอมยั่วยวนจนใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ เขาจึงตัดสินใจจุดไฟที่ปลายนิ้วด้วยเวทไฟและเผาใบไม้แห้งนั้นในทันที

ใบไม้แห้งค่อยๆลุกไหม้อย่างช้าๆ และไม่เหลือไว้แม้เพียงเท่าถ่าน แต่กลิ่นหอมของมันกลับตลบอบอวลไปทั่ว ซูจิ้งเองเมื่อได้กลิ่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสูดเข้าไปอย่างเต็มปอด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่ว่านี่มันใบยาสูบแห่งไชร์ไม่ใช่หรอ” ซูจิ้งสายตาเป็นประกายในทันที ไชร์นั้นคือที่อยู่ของเหล่าฮอบบิท

 

ฮอบบิทคือชนเผ่าหนึ่งที่อยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นชนเผ่าที่มีขนาดร่างกายเล็กจนรู้จักกันดีในนามฮาล์ฟลิ่ง(ครึ่งลำตัว)

ถึงแม้พวกเขาจะตัวเล็กแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนเผ่าคนแคระ พวกเขาเหมือนมนุษย์ปกติที่ถูกย่อส่วนมากกว่าคนแคระที่เหมือนมนุษย์โดนอัดให้บึกบึนออกข้างแทน

ส่วนใหญ่พวกเขาจะอาศัยโดยสร้างบ้านอยู่ตีนหน้าผา พวกเขานั้นไม่ใช่ทหารที่หาญกล้ามากมายอะไรนัก แต่พวกเขาก็มีความฉลาดอยู่กับตัว

นอกจากนั้นพวกเขายังชอบหาเวลาว่างในการดื่มเบียร์และสูบยา พวกเขาหลงใหลการสูบยาจนถึงขั้นปลูกเป็นของตัวเองไว้ประจำบ้านเลยทีเดียว

แม้แต่แกนดรอฟ สุดยอดจอมเวทที่สร้างดอกไม้ไฟที่ซูจิ้งกำลังลอกเลียนแบบผลิตขายอยู่นั้น เขาเองก็ถือได้ว่าเป็นนักสูบตัวยง แม้แต่ซาลูมานจอมเวทย์ผู้ชั่วร้ายเองก็เป็นนักสูบเช่นเดียวกัน

ซูจิ้งในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะดมใบยาสูบอีกสักชิ้นหนึ่ง ยิ่งเขาสูดไปมากเท่าไหร่ เขาเองก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นมากเท่านั้น รวมถึงสมาธิของเขาเองก็มีสูงมากขึ้นเช่นเดียวกัน

แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าใบยาสูบพวกนี้มีผลในการฟื้นฟูความสดชื่นของร่างกายอย่างแน่นอน

“ยาสูบนี้เมื่อเทียบกับใบไม้ของโลกเซียนแล้วมีความสามารถเทียบเท่ากันได้เลย” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

ใบไม้จากโลกเซียนนั้น เอาจริงๆแล้วเขานั้นก็ไม่ได้อยากใช้สักเท่าไหร่เพราะว่ามันเหลือไม่มากแล้ว หากเอามาสูบแบบใบยาสูบธรรมดาบนโลกมนุษย์ก็ถือได้ว่าน่าเสียดายของอย่างมาก แถมใบไม้นั้นก็เหมาะกับการนำไปชงชาเสียมากกว่า เพราะเมื่อนำไปทำเป็นชงชาแล้วมันให้ผลในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงของจิตใจ รวมถึงการฟื้นฟูจิตวิญญาณอีกด้วย

ส่วนใบยาสูบแห่งไชร์นี่ซึ่งถือได้ว่ามันคือใบยาสูบจริงๆที่ต้องใช้ไปป์หรือไม่ก็มวนใบในการสูบ ยาสูบพวกนี้นอกจากจะเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันยังช่วยให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย และมีกำลังวังชา แม้แต่แกนดรอฟเองก็ยังใช้ช่วยเวลาที่เขาต้องใช้สมองในการทำอะไรสักอย่าง

ผลของใบยาสูบนี้ต่างจากใบไม้แห่งโลกเซียนที่สามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณอย่างเดียว ใบยาสูบแห่งไซร์นี้สามารถฟื้นฟูได้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

 

เอาจริงๆแล้วใบยาสูบบนโลกมนุษย์เองก็มีผลในการฟื้นฟูเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับใบยาสูบแห่งไชร์แล้วถือได้ว่าระดับการฟื้นฟูห่างกันราวกับเหวและฟ้าก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้น ใบยาสูบแห่งไชร์ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรอย่างแท้จริง ยิ่งสูบยิ่งดีต่อร่างกาย ไม่เหมือนใบยาสูบบนโลกที่ยิ่งสูบร่างกายยิ่งแย่ลง

“ใบยาสูบชั้นยอดอย่างนี้สมควรจะเก็บเอาไว้ให้ดีจริงๆ น่าเสียดายก็เพียงเรื่องดีที่ต่อให้ใบยาสูบนี้จะดียังไงแต่ว่าร่างกายของเราเองก็สมควรใช้มันได้อย่างจำกัด

เอาเถอะยังไงซะร่างกายนี้ก็มีวิธีอื่นในการสร้างความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ใบยาสูบนี่ก็น่าจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่นัก

แต่บุหรี่ที่ไม่มีผลเสียต่อร่างกายแบบนี้นี่ ถ้าเกิดพวกนักสูบรู้จักมันล่ะก็ บอกได้เลยว่าต้องคลั่งกันไปเป็นแทบแหงๆ” ซูจิ้งรีบหาใบยาสูบนี้ต่อในทันที แต่เขาเองก็เจอมันเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น และไม่เจออีกเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ใบยาสูบกว่าครึ่งเปียกน้ำและบางส่วนก็ขึ้นราแล้ว ต่อให้ส่งให้เสี่ยวไป๋ซ่อมแซมยังไงก็สมควรจะได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ช่างเหลือน้อยนิดเสียจริงๆ

“เดี๋ยวนะ ฉันว่าฉันเคยเห็นใบไม้นี้มาก่อนนะ” ซูจิ้งที่เหมือนเอะใจอะไรขึ้นมาได้ หัวใจของเขาได้เต้นระรัวในทันที

เขาได้หยิบใบยาสูบแห้งที่สมบูรณ์มาหนึ่งใบและจัดการค่อยๆคลี่มันออกจากการเป็นมวนเพื่อดูเส้นลายไม้และทำการค้นหาข้อมูลจากในหัวสมองของเขาในทันที

ผ่านไปสักพัก สายตาของเขาก็เป็นประกายในทันที เขาได้รีบตรงลิ่วไปยังกองขยะห้วงเวลาฯจำพวกสิ่งมีชีวิตที่ฉิงหยุนได้แยกเอาไว้ก่อนหน้านี้

หลังจากไล่ดูเมล็ดพันธุ์ที่เขาสั่งให้แยกเก็บเอาไว้นั้น เขาก็พบกับเมล็ดพันธุ์ที่เริ่มจะงอกออกมาแล้ว และเมื่อเขาลองเปรียบเทียบเส้นใบดูแล้วเขาเองค่อนข้างมั่นใจว่าเมล็ดพันธุ์พวกนี้คือเมล็ดพันธุ์ใบยาสูบ

ตอนนี้มุมปากของซูจิ้งปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในทันที หลังจากนั้นเขาค่อยๆหยิบเมล็ดที่มีใบสีเขียวงอกออกมานี้วางเอาไว้ในอุ้งมือ ก่อนที่จะเอาจมูกไปไว้ใกล้ๆ และทำการสูดลมหายใจเข้าไปอย่างช้าๆแต่เต็มปาก และสุดท้าย ซูจิ้งก็หัวเราะออกมาอย่างกับคนบ้าเลยทีเดียว

“ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะเจ้าช่างช่วยเหลือฉันซะเหลือเกิน ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ นี่ เจ้าต้นอ่อนนี้คือต้นยาสูบที่ยังมีชีวิตอยู่ แถมยังงอกแล้วอีกด้วย ช่างดีจริงๆ กลิ่นจริงๆของมันหอมยิ่งกว่าใบยาสูบจากชาร์นานซะอีก”

ซูจิ้งในตอนนี้ดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้นเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าตอนนี้เขาได้เจอช่องทางธุรกิจขั้นสุดยอดเพียงเพราะความบังเอิญเท่านั้น

และเมื่อเทียบกับดอกไม้ไฟของแกนดรอฟแล้ว ใบยาสูบนี่มีค่ามากกว่าดอกไม้ไฟนั่นหลายเท่านัก

 

ลองจินตนาการดูก็ได้ว่าในประเทศจีน ไม่สิในโลกนี้มีนักสูบอยู่มากมายขนาดไหน

พวกเขานั้นยินดีที่จะสูบบุหรี่ทั้งที่ก็รู้ดีว่าบุหรี่เหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีโทษต่อร่างกาย และพวกเขาก็ยากที่จะหยุดการสูบได้

ถึงแม้จะรู้ว่าบุหรี่จะมีโทษแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังคงสูบอย่างน้อยก็หนึ่งซองต่อวัน

สมมติว่าพวกเขานั้นพบว่ามียาสูบที่มีกลิ่นที่ดี รสชาติชั้นเลิศหาใดเปรียบ แต่ไม่ว่าสูบไปเท่าไหร่ก็ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย คิดว่าคนพวกนั้นจะทำยังไงกัน

นอกจากนั้นยังพูดได้อีกว่ายาสูบแห่งไชร์นี้สามารถสูบได้ง่ายกว่ายาสูบทั่วไปอย่างมาก ถ้าค่าใช้จ่ายในการปลูกไม่ได้สูงมากและเขาสามารถขยายพันธุ์จนปลูกได้ในระดับที่เยอะมากๆได้ล่ะก็ บอกได้เลยว่าธุรกิจยาสูบยี่ห้อต่างๆบนโลกไม่มีทางอยู่รอดได้อย่างแน่นอน ผลกำไรที่ได้บอกได้เลยว่ามหาศาลจนน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน

 

แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ดีว่ายังมีปัญหาใหญ่ที่สุดรอคอยเขาอยู่ที่เขาจะปลูกใบยาสูบจริงๆ นั่นก็คือภาษีบุหรี่

ด้วยการที่อุตสาหกรรมใบยาสูบนั้นได้ผลกำไรมหาศาลก็จริง แต่ภาษีที่ต้องจ่ายเองก็เทียบได้ว่าสูงไปตามๆผลกำไรเช่นเดียวกัน

ผลกำไรที่ได้จากการขายใบยาสูบเองส่วนใหญ่ก็จะตกเป็นของภาครัฐ ทั่วทั้งโลกนี้บอกได้เลยว่ารัฐคือผู้ที่ได้ผลกำไรสูงสุดจากการขายบุหรี่ และเป็นแบบนี้กันทั่วทั้งโลก มันก็เปรียบได้ดั่งพ่อครัวฝีมือดีที่ทำอาหารหรูหราให้ภัตตาคาร แต่ได้กินเพียงแค่โจ๊กก็บุญโขแล้ว

 

ในปี 2014 นั้น ภาษีจากอุตสาหกรรมและธุรกิจซื้อขายใบยาสูบนั้นสูงถึง 1,051.76 หมื่นล้านหยวน แค่ปีเดียวก็เพิ่มขึ้น 95.77 หมื่นล้านหยวน หรือคิดเป็น 10.02 % ของปีก่อนที่ได้ภาษี 911.03 หมื่นล้านหยวน ละนี่ได้ภาษีเพิ่มจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 94.41 หมื่นล้านหยวน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นมา 11.63 % โดยผลกำไรสุทธิที่ได้รับอยู่ที่ 13%

ในปี 2015 ภาษีและผลกำไรที่ได้จากธุรกิจใบยาสูบนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,143.6 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 91.9 หมื่นล้านหยวน เมื่อเทียบเป็น%แล้วเพิ่มขึ้น 8.73% โดยมีเงินหมุนเวียนอยู่ในธุรกิจนี้อยู่ที่ 1,095 หมื่นล้านหยวน และเพิ่มจากปีก่อนหน้าปีที่แล้ว 184 หมื่นล้านหยวน คิดเป็น%ที่ 20.2 % และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.3 %

 

จากข้อมูลทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าธุรกิจยาสูบช่างหน้าลงทุนอย่างมาก และจากแนวโน้มแล้ว ธุรกิจดังกล่าวยังมีโอกาสขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับธุรกิจดอกไม้ไฟแล้ว ธุรกิจยาสูบยังมีผลกำไรเกิดขึ้นมากกว่า 230 หมื่นล้านหยวน

“เจ้าใบยาสูบแห่งไชร์นี่น่าจะลองขยายพันธุ์ปลูกในระดับใหญ่ให้ได้แหะ ถ้าทำได้ล่ะก็บอกเลยว่าโอกาสธุรกิจที่ได้ในครั้งนี้ช่างใหญ่หลวงนัก

ถึงแม้ว่าการจะทำให้เป็นธุรกิจระนานาชาติอาจจะยากไปหน่อยแต่ก็ยังถือได้ว่ามีโอกาสสูง เพราะยังไงซะฉันเองก็มีทั้งความนิยม ความสามารถ และเส้นสายอยู่กับตัว

แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วกว่าจะถึงเวลานั้นก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าจะเพาะพันธุ์ได้ ระหว่างนั้นคงต้องค่อยๆหาเส้นสายไปก่อน

ฉันเองก็ไม่ได้รีบอยู่แล้วด้วย ตอนนี้เอาเป็นค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่า อย่างแรกต้องเริ่มจากธุรกิจดอกไม้ไฟนี่ซะก่อน”

 

เมื่อนึกได้ดังนั้น ซูจิ้งก็ได้ค่อยบรรจงขุดดินและฝังต้นอ่อนของใบยาสูบแห่งไชร์ด้วยสายตาที่คาดหวังมันเอาไว้