ตอนที่ 65 จำหน่ายหรือ Ink Stone_Fantasy
“ท่านชายฉื้อเฟิง” ผู้ท่องธุลีฝนที่อยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ กลับถ่ายเสียงเตือนอย่างหาได้ยากว่า “รีบผนึกมิติเร็วเข้า”
“ได้”
ในมือของท่านชายฉื้อเฟิงมีม้วนสาส์นม้วนหนึ่งปรากฏขึ้น เขากระตุ้นมัน มิติอันเรืองรองร่อนลงมาปกคลุมทั้งตำหนักลัทธิกระบี่สวรรค์เอาไว้ทันที เทพมารร้อยสงครามฝานฉู่ฮู่ ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำ ผู้ท่องธุลีฝนและทูตวารีและทูตเพลิงซึ่งอยู่ในที่นั้นต่างก็มั่นใจขึ้นมา แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพออกมาลงมือกับพวกเขา แต่หากยอดฝีมืออย่างพวกเขาร่วมมือกันแล้ว พลังก็คงสามารถต้านทานได้
แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ ตงป๋อเสวี่ยอิงออกกระบวนท่ามาได้เร็วพอแล้วลงมือกับใครสักคนเดี่ยวๆ!
ต้องยอมรับว่า ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบ ณ ที่นี้ ไม่ว่าคนใดหากต่อสู้ตัวต่อตัวก็ล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของอิงซานเสวี่ยอิผู้นี้ทั้งสิ้น ความแตกต่างนั้นมากมายเสียเหลือเกิน!
“น่ากลัวจริงๆ เขาฝึกเคล็ดผนึกห้าภาพสำเร็จได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวน!” ผู้ท่องธุลีฝนรักสันโดษมาก แต่ยามนี้กลับพูดอย่างตื่นตระหนก
“น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละ” ท่านชายฉื้อเฟิงผู้หยิ่งผยองเงยหน้าขึ้นมองดูมังกรมารขนาดมหึมาซึ่งขดตัวอยู่กลางฟากฟ้า มองดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวบนหลังมังกรมารผู้นั้น และเกิดความรู้สึกเทิดทูนอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เป็นครั้งแรก! โลกของผู้บำเพ็ญนั้นไม่ง่ายเลย แม้จะมีเบื้องหลังความเป็นมาที่ควรค่าแก่การหยิ่งผยอง แต่ ‘พลัง’ จึงจะเป็นแก่นแท้! เมื่อพลังถูกก้าวข้ามไปอย่างสิ้นเชิงนั้น โดยทั่วไปก็จะเคารพผู้แกร่งกล้า
นี่คือการเคารพด้านพลัง!
“เคล็ดผนึกห้าภาพ หากข้าฝึกวิถีตรีภพได้อย่างสมบูรณ์ จึงจะมีหวังก้าวข้ามเขาได้กระมัง” ท่านชายฉื้อเฟิงลอบพึมพำ “แต่ข้าบำเพ็ญอย่างยากลำบากก็ฝึกได้แค่ม้วนอดีตของวิถีตรีภพเท่านั้น ท่านพี่ที่มั่นใจในตนเองและเย่อหยิ่งถึงของข้าคนนั้น ฝึกม้วนอดีตสำเร็จก็บำเพ็ญม้วนอนาคตต่อ…จนลุ่มหลงอยู่กับอนาคต และเสียสติไปแล้ว”
ม้วนอดีตนั้นง่ายดายที่สุด
ม้วนอนาคตมีภัยทำให้ลุ่มหลงอยู่ ทันทีที่ลุ่มหลงกับอนาคต ก็บ้าคลั่งไปแล้วจริงๆ
ที่ยากที่สุดก็คือ ‘ม้วนปัจจุบัน’ ทั้งสามภพรวมเป็นหนึ่ง ก็ยากยิ่งนัก ในประวัติศาสตร์ก็มีหลายคนที่เสียสติหรือปลิดชีพตนเองไป ดังนั้นเมื่อพูดถึงวิถีตรีภพจึงต้องหน้าถอดสี โดยทั่วไปจะต้องสำเร็จเป็นเทพจักรวาลเสียก่อนจึงค่อยๆ ฝึกฝนม้วนอนาคตไปได้ และถึงขั้นต้องสำเร็จเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเสียก่อนจึงจะกล้าย่างกรายเข้าสู่ ‘ม้วนปัจจุบัน’ หากสามภพรวมเป็นหนึ่งเมื่อใด…
พลังยุทธ์ก็น่าหวาดหวั่นแล้ว
ไม่อยู่ในอดีต ไม่อยู่ในอนาคต ไม่อยู่ในปัจจุบัน ศัตรูโจมตีก็มิอาจแตะต้องตนได้ วิธีการพรรค์นี้นั้นไม่แพ้การกลายเป็นอากาศธาตุครบสมบูรณ์ขั้นสุดเลย อานุภาพการต่อสู้ก็ยิ่งเยี่ยมยอดเข้าไปใหญ่
“เคล็ดสืบทอดลับอันน่าหวาดหวั่นพรรค์นี้ แม้จะถูกคิดค้นขึ้นมา แต่โดยทั่วไปก็ต้องเป็นเทพจักรวาลจึงจะกล้าฝึกฝนอย่างแท้จริง” ท่านชายฉื้อเฟิงทอดถอนใจ
เคล็ดผนึกห้าภาพ!
วิถีตรีภพ!
และเคล็ดสืบทอดลับอันน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งอื่นๆ จำพวกเดียวกัน โดยทั่วไปผู้ที่บรรลุถึงขั้น ‘ไร้ศัตรู’ ดังเช่นบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับอย่างบรรพชนฝาน เมื่อพวกเขาบรรลุถึงขั้นสุดแล้วก็หันกลับมาค้นคว้าเส้นทางของตนเอง เช่นการผลักดันระดับขั้นอลวน คิดค้นวิธีการขั้นสุดขึ้นมา นี่คือสิ่งที่สามารถทำให้สำเร็จได้ตามหลักการ
อย่าง ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ตามหลักแล้วขั้นอลวนนั้นสามารถบรรลุได้ แต่จะมีขั้นอลวนสักกี่คนกันที่สามารถทำให้เส้นทางทั้งห้าสายบรรลุถึงขั้นสุดได้เล่า
‘ตามหลัก’ แล้วสามารถทำได้ แต่ในความเป็นจริงนั้น ความเป็นไปได้ที่จะฝึกสำเร็จนั้นต่ำนัก
ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ในระดับที่ไร้ศัตรูที่สุดของดินแดนจิตโลกาอย่างแท้จริงนั้น พวกเขาไม่สนใจว่าชนรุ่นหลังฝึกสำเร็จได้หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคิดค้นขึ้นมาก่อน! เคล็ดวิชาอยู่ตรงนี้ หากเก่งพอก็มาฝึกให้สำเร็จ
“ยิ่งมีพลังแกร่งกล้าเท่าใด ก็ยิ่งต้องทนรับความยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น” ท่านชายฉื้อเฟิงเงยหน้ามอง ในใจรู้สึกอิจฉา แม้การฝึกให้สำเร็จนั้นจะยาก แต่เมื่อสำเร็จแล้วก็เหนือกว่าคนในระดับเดียวกันอย่างแท้จริง
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบมองลงมาเบื้องล่าง ก็เห็นยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบในตำหนักกระบี่สวรรค์กลุ่มนั้นหวาดผวาเสียจนต้องใช้สมบัติลับตัดขาดมิติ ทำให้มุมปากของเขากระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็พูดเสียงดังกังวานว่า “ข้า อิงซานเสวี่ยอิงมาท้าทายยอดฝีมือลัทธิกระบี่สวรรค์อยู่ที่นี่ โม่เฉาผู้นี้มีพลังธรรมดาเกินไป แม้แต่กระบวนท่าเดียวของข้าก็ยังมิอาจต้านทานได้ หรือว่าลัทธิกระบี่สวรรค์มีพลังเพียงเท่านี้”
เสียงนั้นดุจระลอกคลื่นที่แพร่สะพัดออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ท้าทาย
ตบหน้า!
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยสิ่งนี้โจมตีชื่อเสียงของลัทธิกระบี่สวรรค์ครั้งใหญ่
……
ภายในตำหนักลัทธิกระบี่สวรรค์
ท่านชายฉื้อเฟิงและคนอื่นๆ มิได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าใดนัก เพราะพวกเขามิใช่ศิษย์ของลัทธิกระบี่สวรรค์
“เคล็ดผนึกห้าภาพศิษย์ลัทธิกระบี่สวรรค์ ในการต่อสู้อันทรงเกียรติ ไหนเลยจะมีผู้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้” เทพมารร้อยสงครามฝานฉู่ฮู่พูดพลางส่ายหน้า
“อย่าว่าแต่การต่อสู้อันทรงเกียรติเลย ต่อให้ตามหายอดฝีมือทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ขั้นอลวนที่สามารถเอาชนะอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ได้ก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ ไม่มีสักคนที่มิใช่ไข่ในหินของขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลาย ลัทธิกระบี่สวรรค์มิอาจเชื้อเชิญมาได้เลย” ท่านชายฉื้อเฟิงกล่าว
พูดถึงเคล็ดวิชาแล้ว
เคล็ดผนึกห้าภาพ นับได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของระดับขั้นอลวนแล้ว แต่หากจะตามหาวิชาที่แข็งแกร่งกว่าจริงๆ ก็มีสิบกว่าวิชา
แต่ยิ่งแข็งแกร่งเท่าใด ความยากในการฝึกฝนก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น
ในประวัติศาสตร์ ผู้ที่ฝึกสำเร็จนั้นมีน้อยเสียจนน่าอนาถ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ฝึกสำเร็จใน ‘โลกปัจจุบัน’ เลย เนื่องจากผู้ที่สามารถฝึกเคล็ดสืบทอดลับอันไร้เทียมทานระดับนั้นได้ โดยทั่วไปก็ล้วนต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ซึ่งมีการรับรู้และทรัพยากรสั่งสมมาอย่างน่าหวาดหวั่นมาก ไม่นานเท่าใดนักก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นเทพจักรวาลได้ อย่างตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถฝึกเคล็ดผนึกห้าภาพได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่ในธรณีประตูของเทพจักรวาลแล้ว วันที่จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก็อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
ดังนั้น ผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดสืบทอดลับอันน่าหวาดหวั่นได้สำเร็จในประวัติศาสตร์ก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแทบทั้งสิ้น
ผู้ที่เป็นขั้นอลวนในโลกปัจจุบันนี้ และสามารถออกมาเอาชนะตงป๋อเสวี่ยอิงได้ก็มีน้อยยิ่งนัก และล้วนแต่เป็นไข่ในหินของขุมอำนาจใหญ่ทั้งสิ้น! ยิ่งไปกว่านั้น ในการต่อสู้อันทรงเกียรติ หากมิใช่คนของลัทธิกระบี่สวรรค์ก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปต่อสู้
******
“กระบวนท่าเดียวก็ยังมิอาจต้านทานได้รึ”
“พลังนี้น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว เกรงว่าเทพจักรวาลใหม่บางคนอาจจะยังต้านทานมิได้เลยกระมัง”
“อื้ม เทพจักรวาลก็ต้องบำเพ็ญมานานและสั่งสมทรัพยากร จึงจะสามารถเอาชนะอิงซานเสวี่ยอิงได้! เทพจักรวาลใหม่พวกนั้นน่ะหรือ ก็แค่ขั้นอลวนชั้นที่สิบเท่านั้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของอิงซานเสวี่ยอิงคนนี้ได้”
ทั่วสารทิศมีผู้ชมอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน
เกี้ยวคันแล้วคันเล่าอยู่กลางฟากฟ้า ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากพูดคุยกันอยู่ประปราย แม้แต่บรรดาขั้นอลวนก็ยังรู้สึกคร้ามเกรงต่อชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่อยู่บนหลังของมังกรมารไกลออกไป! พลังเช่นนี้ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง หากสำแดง ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ออกไป ขั้นอลวนชั้นที่สิบก็หนีไม่พ้น เทพจักรวาลใหม่ก็ต้องถูกจับกุม ขั้นอลวนอย่างพวกเขาเหล่านี้ยิ่งต้องถูกกวาดล้าง ราวกับมดปลวกในกำมือ
“พลังระดับนี้ ต่อให้เป็นผู้ไร้เทียมทานที่สุดของที่สุดซึ่งได้รับการชี้แนะจากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ในหกรัฐโบราณ เกรงว่าก็คงอยู่ในระดับนี้กระมัง” แต่ละคนรู้สึกชื่นชมระคนอิจฉา
“ขั้นอลวนในสี่รัฐมารทมิฬของพวกเราก็มียอดฝีมือที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาด้วยหรือนี่”
“ร้ายกาจ”
“ชื่อเสียงคงจะเลื่องลือไปทั่วดินแดนจิตโลกาอย่างรวดเร็ว”
คนจำนวนมากก็รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ล้วนแต่อยู่ในขอบเขตของสี่รัฐมารทมิฬ ในดินแดนจิตโลกาอันยิ่งใหญ่ สี่รัฐมารทมิฬเป็นเพียงแค่บริเวณเล็กๆ ตรงชายขอบเท่านั้น! สถานที่เล็กๆ พรรค์นี้ช่างไม่สะดุดตาเอาเสียเลย ขุมอำนาจต่างๆ เช่นรัฐโบราณคิมหันตวายุไม่ค่อยเห็นสถานที่เช่นนี้อยู่ในสายตาสักเท่าใดนัก จึงย่อมมีความรู้สึกเหยียดหยามเป็นธรรมดา แต่เมื่อให้กำเนิด คนอย่าง ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ซึ่งฝึกเคล็ดผนึกห้าภาพสำเร็จขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นขั้นอลวนของรัฐโบราณแห่งใดก็ล้วนแต่ไม่กล้าดูแคลนทั้งสิ้น
……
แม้ผู้ที่ล้อมวงดูอยู่จะมีจำนวนมาก และวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
แต่อันที่จริงแล้วยังมีเทพจักรวาลหลายคนที่ลอบชมการต่อสู้อยู่ห่างๆ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการลับเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างลัทธิกระบี่สวรรค์และสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วีรบุรุษแห่งโลกปัจจุบันอย่าง ‘ประมุขรัฐกระบี่สวรรค์’ และ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ก็ลอบชมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
“เสวี่ยอิง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ยินเสียงของอาจารย์ดังก้องขึ้นข้างหู
“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบรับ
“เจ้าจับตัวเจ้าคนที่ขื่อว่าโม่เฉามา หากเจ้าไม่คัดค้าน ข้าก็จะให้ประมุขรัฐกระบี่สวรรค์ไถ่ตัวกลับไปล่ะนะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด
“ข้าไม่คัดค้านแน่นอนอยู่แล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจับมาทั้งเป็นก็เพื่อเรียกค่าไถ่
หากสังหารทิ้งเสียเลย ก็คงได้สมบัติลับมาเล็กน้อยเท่านั้น
ไถ่ตัว
จึงจะสามารถได้แก้วผลึกจักรวาลจำนวนมา! ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เห็นอ๋องอสนีบาตโม่เฉาเป็นคู่ต่อสู้เลย และก็มิได้มีความชิงชังอันใดต่อกัน เพราะต่างคนต่างก็ทำเพื่อสำนักของตนเองทั้งสิ้น
“ดีมาก เจ้าทำได้ดีพอ ขวางประตูต่อไป!” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงกำชับ
“ขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจว่าพลังของตนทำให้แผนการยกทัพเข้าสู่สี่รัฐมารทมิฬของลัทธิกระบี่สวรรค์ต้องพบอุปสรรคอันหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายเริ่มเจราจากันแล้ว
“ครั้งก่อนลัทธิกระบี่สวรรค์ส่งอ๋องชางซูและคนอื่นๆ ไปขวางประตูตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาของเรา ทั้งยังสังหารศิษย์นอกสำนักไปหลายต่อหลายคนด้วย วิธีการช่างอำมหิตนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังมังกรมารขนาดมหึมา เสียงนั้นสะท้อนก้องไปทั่วฟ้าดิน “ข้ายังคิดว่าลัทธิกระบี่สวรรค์จะมียอดฝีมือที่ร้ายกาจสักเท่าใดกันเชียว โม่เฉาผู้นี้ก็ยังนับว่าพอจะมีความกล้าหาญอยู่บ้าง เพียงแต่พลังอ่อนด้อยไปหน่อยเท่านั้น ตอนนี้ไม่มีผู้ที่กล้าประมือกับข้า อิงซานเสวี่ยอิงแม้แต่คนเดียวเลยหรือ”
ระลอกอากาศที่โหมซัดโอบล้อมทั่วทั้งตำหนักลัทธิกระบี่สวรรค์เอาไว้
ขวางประตูต่อไป
ท่าทางที่ดูเหมือนจะขวางประตูไปเป็นร้อยล้านปีทำให้ยอดฝีมือลัทธิกระบี่สวรรค์จำนวนมากโกรธเสียจนเนื้อเต้นไปหมด แต่กลับมิมีผู้กล้าต่อกรด้วยเลยสักคน พวกเขาล้วนรู้สึกหวาดหวั่นครั่นคร้ามต่อพลังของ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้นี้กันถ้วนหน้า!
…………………………………….