บทที่ 7 บทที่ 9 เติบโต

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“กำลังคิดอะไรอยู่”

 

 

เซวียเซ่ารู้สึกว่ามีมือที่ค่อนข้างเย็นคู่หนึ่งปิดตาตนเองอยู่ แต่สัมผัสอันอ่อนนุ่มก็ทำให้เขาออกจากความคิดวุ่นวายมาสู่ความเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว

 

 

เขานอนไม่หลับทั้งคืน…ไม่ใช่เพราะเรื่องมีนัดกับสวี่เจียอี้ในวันนี้ แต่เพราะคิดถึงเรื่องเจ้าของสมาคมลึกลับคนนั้น ช่วงครึ่งคืนแรกนั้นเขาตกใจจนนอนไม่หลับ ครึ่งคืนต่อมาก็กลัวจนนอนไม่ได้อีก

 

 

 “ไม่มีอะไร เหม่อนิดหน่อยน่ะ” เซวียเซ่าส่ายหน้าและเริ่มมองสวี่เจียอี้

 

 

ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการตกแต่งอะไร เพียงสวมชุดลำลองเรียบง่ายเท่านั้น…ไม่แม้แต่แต่งหน้า

 

 

เซวียเซ่าประหลาดใจที่ค้นพบว่า แม้สวี่เจียอี้จะมีอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแล้วแต่ยังมีผิวพรรณดีเหมือนเด็ก

 

 

มีเพียงโครงหน้าของเธอที่ดูชัดเจนขึ้น ผมก็ยาวกว่าเดิมและก็ยังสูงขึ้นนิดหน่อย ส่วนอื่นนั้นเหมือนไม่ได้เปลี่ยนเลย อย่างเช่นการปิดตาเขาแบบเมื่อครู่

 

 

 “งั้นก็ออกเดินทางเถอะ” สวี่เจียอี้ดึงมือเซวียเซ่าขึ้นมา

 

 

การเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เซวียเซ่าสติหลุด…เพราะเขาไม่ได้มีอาการต่อต้าน

 

 

ใช่แล้ว ไม่มีเลย

 

 

 

 

เหมือนสวี่เจียอี้จะวางแผนการเดินทางในวันนี้ไว้ดีแล้ว พวกเขาสแกนจักรยานนอกโรงแรมคนละคัน หลังสวี่เจียอี้ขี่ได้แล้วก็ปั่นพุ่งออกไปเลย ให้เซวียเซ่าไล่ตามเธอ

 

 

เซวียเซ่าไม่รู้มาก่อนว่ากำลังกายของผู้หญิงคนนี้จะดีขนาดนี้ เขาคิดในใจว่าคงเป็นเพราะการสำรวจทางธรณีวิทยาทำให้เธอแข็งแรงขึ้น

 

 

เขา…ตามไม่ทัน

 

 

เซวียเซ่าหอบหายใจ ลอบมองตนเองที่แม้จะสวมชุดที่หลวมที่สุดแต่ก็ยังบังพุงเอาไว้ไม่มิด เขาคิดว่าต้องลดน้ำหนักบ้างแล้ว

 

 

แต่เซวียเซ่าก็ยอมรับว่าสวี่เจียอี้เลือกเส้นทางปั่นจักรยานได้ดีมาก

 

 

เพราะเมืองที่ออกมาทำงานนอกสถานที่ในครั้งนี้เป็นเมืองชายทะเล พวกเขาปั่นออกมาจากโรงแรมเลียบไปตามแนวภูเขาเขียว เหมือนได้ชมบรรยากาศครึ่งหนึ่งของเมือง

 

 

สุดท้ายสวี่เจียอี้ก็หยุดอยู่ครึ่งทางขึ้นภูเขา สองมือจับราวจับมองลงมา เซวียเซ่ายังคงดิ้นรนปั่นจักรยานขึ้น

 

 

เธออยู่ด้านบนไม่ไกล ลมพัดผมของเธอปลิว เพียงครู่เดียวเซวียเซ่ารู้สึกเหมือนได้ใช้พลังไปจนหมด รู้สึกว่าระยะทางสิบกว่าเมตรขึ้นเนินยาวนานเหลือเกิน

 

 

เขาใกล้ถึงขีดสุดแล้ว

 

 

แต่เขายังพยายามไล่ตามไป จนกระทั่งเขารู้สึกเหมือนว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปจนเกลี้ยงแล้วก็ถึงจุดจอด จากนั้นจึงรู้สึกประสบผลสำเร็จ

 

 

แต่สวี่เจียอี้ก็ได้ขึ้นขี่บนรถจักรยานอีกครั้งแล้ว จากนั้นก็ปล่อยไหลลงไปตามทางลงภูเขาภายใต้สายตาหวาดหวั่นของเซวียเซ่า อารมณ์บนใบหน้าเหมือนกำลังพูดว่า ‘วู้ๆๆๆ’

 

 

เหมือนไม่คิดจะให้เขาไล่ตามทัน

 

 

เมื่อวานเธอพูดว่าเห็นเขาแล้วอดแกล้งไม่ได้

 

 

เซวียเซ่าลูบหน้าผาก คิดในใจว่ายังดีที่เป็นทางลงเขา

 

 

 “อย่าหนีนะ รอฉันไล่ตามเธอทัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่” เซวียเซ่าตะโกนอยู่ด้านหลัง

 

 

เธอหัวเราะอยู่ด้านหน้า เสียงหัวเราะเหมือนเสียงเพลงที่ลอยอยู่บนภูเขา

 

 

เซวียเซ่าจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เขายืมรถจักรยานคันใหม่จากเพื่อนร่วมชั้นและซ้อนเธอออกไปนอกเมือง เธอนั่งอยู่ข้างหลัง…ดูเหมือนว่าเธอก็หัวเราะแบบนี้

 

 

ทางลงเขาสั้นมาก รู้สึกเหมือนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ของขามา

 

 

ส่วนเวลานั้นก็เช่นกัน

 

 

ผ่านไปเร็ว เร็วมาก

 

 

 

 

จุดหมายถัดไปของพวกเขาก็คือถนนคนเดินเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงของเมืองชายทะเลแห่งนี้ซึ่งอยู่ตีนเขา

 

 

 “ที่นี่ไม่มีน้ำตาลเป่า” แม้ในมือจะถือไม้ของกินเล่นสองไม้แล้วแต่สวี่เจียอี้ก็ยังพูดอย่างผิดหวัง

 

 

 “นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ของแบบนั้นน้อยลงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงที่นี่เลย ลุงแก่ๆ ที่เคยตั้งแผงขายทางไปโรงเรียนของพวกเราก็หายไปแล้ว” เซวียเซ่าส่ายหน้า

 

 

 “อา…แบบนั้นเหรอ”

 

 

สวี่เจียอี้ถอนหายใจอย่างผิดหวังแต่ก็ฟื้นคืนอารมณ์เดิมได้อย่างรวดเร็ว “ฉันไม่มีความสุขแล้ว เซวียเซ่า นายต้องเลี้ยงสายไหมทางนั้นฉันก่อน ฉันถึงจะมีความสุข”

 

 

 “…เธอยังกินได้อีกเหรอ” เซวียเซ่าอ้าปากค้างอย่างตกใจ จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “ก็ถูก เธอกินได้เยอะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท้องเหมือนกับหลุมดำไม่มีผิด”

 

 

 “ก็ฉันกินไม่อ้วนนี่” สวี่เจียอี้แลบลิ้นใส่เซวียเซ่า และวิ่งไปที่แผงขายสายไหมอย่างรวดเร็ว

 

 

จริงๆ เลย ผ่านไปสิบเอ็ดปีแล้วเหรอ

 

 

 “แต่อีกเดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว เธอยังจะกินไหม”

 

 

เซวียเซ่าไล่ตามไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

ใช่แล้ว เอาแต่ไล่ตามหลังเธออยู่ตลอด

 

 

 

 

แต่ในความเป็นจริง เซวียเซ่ากินไม่ได้เยอะอย่างสวี่เจียอี้ เซวียเซ่าพบว่าเขาเริ่มถูกเทพีแห่งโชคละทิ้งเสียแล้ว เมื่อวานเขาใช้ข้ออ้างว่าป่วยจึงไม่ไปนัด คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เข้าโรงพยาบาลของเมืองนี้จริงๆ

 

 

สาเหตุก็คือ…อาหารเป็นพิษ

 

 

จะต้องเป็นเพราะอาหารตามแผงไม่สะอาดแน่เลย วันนี้เขากินของตรงนั้น เมื่อเห็นสวี่เจียอี้กินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็หยุดปากตนเองเอาไว้ไม่ได้

 

 

 “ขอโทษด้วย คิดไม่ถึงว่าจะได้มาฉีดยาที่นี่ เสียเวลาเธอไปครึ่งวันเลย” สีหน้าของเซวียเซ่าซีดขาวนิดหน่อย นั่งอยู่ในห้องฉีดยาของโรงพยาบาลพูดขอโทษต่อสวี่เจียอี้ที่อยู่เป็นเพื่อน “เดิมทีวันนี้ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอ”

 

 

 “ตอนนี้ก็ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ” สวี่เจียอี้มองไปที่นาฬิกาที่แขวนบนผนังและพูดออกมา

 

 

เซวียเซ่ากำลังจะพูด…โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขามองเห็นว่าใครโทรมาก็ตะลึงอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันเขาก็พบว่าสวี่เจียอี้ก็กำลังมองเขาพอดี

 

 

 “แฟนเหรอ” ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็ถามออกมา

 

 

เซวียเซ่าพยักหน้า เขาไม่คิดจะโกหกเธอ

 

 

เธอเพียงแค่ยิ้มและบอกว่าจะออกไปสักหน่อย ตอนจากไป…เขามองเห็นว่าไหล่ของเธอตกลงนิดหน่อย

 

 

เป็นโทรศัพท์จากวั่นจื่อซาน พูดเรื่องราวจิปาถะบางอย่าง บอกว่าชุดแต่งงานทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับมาก็สามารถดูได้แล้ว บอกว่าการ์ดเชิญก็เขียนเสร็จไปไม่น้อยแล้ว เอาบางส่วนไปมอบให้หัวหน้าห้องของเขาช่วยส่งให้พวกเพื่อนเก่า

 

 

เซวียเซ่าพูดแต่ว่าดี ไม่หงุดหงิดหรือรำคาญ เขาภาวนาอยากให้วั่นจื่อซานจบการโทรในครั้งนี้ช้าๆ

 

 

เขาก็มองไปยังนาฬิกาบนผนังเงียบๆ นับว่าเข็มนาทีกับเข็มวินาทีเดินวนกี่รอบแล้ว

 

 

เพราะว่าเขา…ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่พูดว่าจะออกไปสักหน่อยยังไงดี ไม่ใช่ นับตั้งแต่วินาทีที่ได้พบกันอีกครั้งที่โรงแรม เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะเผชิญหน้ายังไง

 

 

 

 

เป็นแค่ลำไส้อักเสบเฉียบพลันเท่านั้น ฉีดยาหมอสั่ง ไม่ต้องลำบากนอนโรงพยาบาล แต่นับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเดินกลับโรงแรม สวี่เจียอี้ก็ไม่พูดกับเขาอีก

 

 

ทั้งสองต่างมองออกไปนอกหน้าต่างรถ คนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้ารู้สึกว่านี่เป็นคู่รักที่กำลังแง่งอนกันอยู่

 

 

หลังลงจากรถที่หน้าโรงแรม

 

 

เซวียเซ่ารวบรวมความกล้าพูดว่า “ฉันใกล้จะแต่งงานแล้ว”

 

 

สวี่เจียอี้ไม่ได้ตกใจเกินไป แสดงออกอย่างสงบทำให้เซวียเซ่าไม่สามารถพูดอะไรอื่นได้อีก…เขารู้ดีว่าตั้งแต่รับโทรศัพท์จนกลับมาถึงโรงแรมแล้วผ่านเวลานิ่งเงียบไปนานแค่ไหน

 

 

 “พรุ่งนี้ ยังมีเวลาว่างไหม”

 

 

นี่เป็นคำตอบที่สวี่เจียอี้ให้เขา

 

 

คำตอบในวันนี้เหมือนกับคำตอบเมื่อวาน เพียงแต่อารมณ์แตกต่างกัน เกิดความรู้สึกไม่สบายที่ท้อง…ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเจอเจ้าของสมาคมลึกลับผู้นั้นในห้องของเขาอีกไหม

 

 

 

 

 

 

อีกคืนแล้ว ที่เซวียเซ่านอนไม่หลับไปครึ่งคืน แต่หลังครึ่งคืนเขาง่วงมากจนหลับไป

 

 

เขาไม่รู้ว่าเจ้าของสมาคมลึกลับนั้นจะแอบมาหรือเปล่า แต่หลังจากนอนพักผ่อนไปหนึ่งคืนแล้วท้องของเขายังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่

 

 

เซวียเซ่าพบสวี่เจียอี้ที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรม คืนนี้นัดกันเอาไว้แล้ว

 

 

เขาเห็นสวี่เจียอี้นั่งอยู่ที่นี่คนเดียวและเริ่มทานอาหาร ดูจากท่าทางคงมาได้สักพักแล้ว เมื่อสวี่เจียอี้มองเห็นเซวียเซ่ามาก็ยิ้ม

 

 

เซวียเซ่าเดินเข้าไปแต่กลับเริ่มใจลอยขึ้นมา

 

 

ทันใดนั้นเขาก็เปรียบเทียบระหว่างวั่นจื่อซานและสวี่เจียอี้ เช่นในสถานการณ์ปกติ วั่นจื่อซานมักสั่งอาหารไว้ให้เขาแล้วรอเขามาถึงค่อยกินด้วยกัน แม้ว่าเธอจะหิวก็ตาม

 

 

แต่เซวียเซ่ากลับคิดอีกว่า สองคนนี้มีนิสัยต่างกันไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้

 

 

เซวียเซ่าเดินไปโต๊ะเครื่องดื่มรินกาแฟมาสองแก้วจากนั้นถึงเดินไปที่โต๊ะ เขาใส่น้ำตาลสองซองกับนมลงในกาแฟแก้วหนึ่ง ส่วนอีกแก้วนั้นไม่ใส่อะไรเลยสำหรับตัวเขาเอง

 

 

เขายื่นกาแฟที่ปรุงดีแล้วให้สวี่เจียอี้ การเคลื่อนไหวดูเชี่ยวชาญมาก…แต่หลังส่งมาถึงแล้วก็ตัวแข็งทื่อไป

 

 

น้ำตาลสองซองกับนม…เป็นรสชาติของวั่นจื่อซาน

 

 

 “ใส่น้ำตาลเพิ่มอีกซองไหม ฉันชอบหวานหน่อย” สวี่เจียอี้ยิ้มและพูดว่า “เป็นสุภาพบุรุษก็ต้องเป็นให้ถึงที่สุด”

 

 

เซวียเซ่าถึงได้เพิ่มน้ำตาลไปอีกซองอย่างกระดากใจ

 

 

 

 

สวี่เจียอี้ไม่ได้ถามถึงเรื่องการแต่งงานของเซวียเซ่า

 

 

ใช่แล้ว ไม่ได้ถาม ทำเหมือนไม่รู้ กลับพูดถึงแผนการในวันนี้

 

 

ทันใดนั้นเซวียเซ่าก็รู้สึกว่าตนเองไม่อยู่ในสถานะที่จะไปถามเรื่องต่างๆ ของเธออีกแล้ว เช่นถามว่าหลายปีมานี้เธอทำอะไร มีแฟนหรือยัง…หรือแต่งงานแล้วหรือยัง

 

 

ดูเหมือน แม้จะไม่ได้พูดสัญญากันไว้ แต่ก็เข้าใจกันเอง 

 

 

สัญญาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัว

 

 

 

 

เซวียเซ่าไม่คิดจะถามเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องบางอย่างที่สามารถทำลายภูเขาน้ำแข็งก็อดที่จะถามไม่ได้ บนรถชมเมือง เซวียเซ่าอดถามสวี่เจียอี้ไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงมาเมืองนี้

 

 

สวี่เจียอี้บอกว่าเธอถูกบังคับให้แต่งงานจึงหนีการแต่งงานและก็ไม่ได้คิดถึงสถานที่ สุ่มซื้อตั๋วเครื่องบินมาที่นี่ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่นี่

 

 

สุดท้ายเธอก็มองเซวียเซ่าอย่างเคร่งขรึม ถามเขาว่าเขาเชื่อหรือไม่ เซวียเซ่าก็ส่ายหน้าไปตรงๆ หากเชื่อก็โง่แล้ว

 

 

สวี่เจียอี้หัวเราะและพูดว่า “ที่จริงแล้วบริษัทของฉันก็จัดให้ฉันมาที่นี่ชั่วคราวจึงบินมา แต่ที่คิดไม่ถึงว่าจะเจอนายอยู่ที่นี่นั้นเป็นเรื่องจริง”

 

 

เซวียเซ่าคิดในใจว่า นี่ก็คงเป็นเจ้าของสมาคมจัดการสินะ

 

 

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสวี่เจียอี้เป็นผู้หญิงที่กินได้เยอะจริงๆ…หากว่าหลายปีมานี้เธอเป็นแบบนี้ตลอด ทั้งยังกินไม่อ้วนอีก ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว

 

 

ดูเหมือนเธออยากจะกินหมดทุกอย่าง

 

 

 “น่าเสียดายที่นายกินไม่ได้แล้ว”

 

 

สวี่เจียอี้ถือของอร่อยเขย่าอยู่ตรงหน้าของเซวียเซ่าเพื่อกระตุ้นเขา ยังคงแกล้งเขาเหมือนเคย

 

 

เซวียเซ่าไม่ใส่ใจจ้องมองไปข้างหน้า

 

 

ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็จูงมือของเขา

 

 

เธอถืออาหารว่าง จูงมือของเขาเดินไปตามทางเล็กๆ ที่เงียบสงบ

 

 

แต่ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา

 

 

 

 

 “ตายจริง ฝนตกได้ยังไงกัน พยากรณ์อากาศบอกว่าไม่มีอะไรนี่” สวี่เจียอี้ที่หลบอยู่หน้าร้านขายของร้านหนึ่งชั่วคราวเงยหน้าขึ้นมองอากาศ

 

 

เซวียเซ่าก็มอง “คงแค่เมฆฝนลอยผ่านเท่านั้น ที่นี่เป็นชายทะเลถือว่าเป็นปกติ…อืม ฉันว่าที่นี่ก็ไม่เลว ตรงข้ามมีห้างสรรพสินค้า ไป…ใช่แล้ว เดินทะลุอุโมงค์ตรงนั้นไป พวกเราก็ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าได้แล้ว”

 

 

สวี่เจียอี้กะพริบตามองเขา

 

 

เซวียเซ่ารู้สึกว่าบางทีเธออาจจะยังไม่เติบโต…อย่างน้อยท่าทางกะพริบตานี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนเลย

 

 

 “มองฉันทำไม”

 

 

 “นายเปลี่ยนไป” สวี่เจียอี้มองเซวียเซ่าอย่างจริงจัง “เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ตอนยังเด็กนายไม่ได้ใจเย็นแบบนี้และจะต้องหงุดหงิดมาก จากนั้นก็ด่าสวรรค์ไปสักคำสองคำ”

 

 

 “โตแล้วนี่” เซวียเซ่ายิ้ม “ถึงด่าสวรรค์ตอนนี้ ฝนก็ยังตก ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ไม่อาจเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ เวลาไม่อาจย้อนกลับได้”

 

 

เวลา…ไม่ย้อนกลับ

 

 

งั้นฉันยังไล่ตามอะไร

 

 

ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็ดึงมือของเซวียเซ่า พุ่งเข้าไปท่ามกลางสายฝน ไปยังห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงกันข้าม

 

 

เซวียเซ่าแปลกใจกับการกระทำของเธอ แต่เพราะกำลังวิ่งอยู่กลางฝนจึงไม่ทันได้พูด

 

 

พวกเขาพุ่งเข้าไปในชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้า ดูเหมือนตัวจะเปียก สวี่เจียอี้มองเซวียเซ่าและพูดว่า “นายรอฉันอยู่ที่นี่แป๊บหนึ่ง”

 

 

เซวียเซ่าไม่รู้ว่าสวี่เจียอี้คิดจะทำอะไร…บางทีอาจจะคิดแกล้งเขาเล่นอีกแล้ว

 

 

 

 

เวลารอนั้นมักจะยาวนานเสมอ โดยเฉพาะรอผู้หญิง

 

 

ยืนตัวเปียกอยู่ในห้างสรรพสินค้าเหมือนคนโง่คนหนึ่ง…เซวียเซ่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะทุลักทุเลขนาดนี้

 

 

สายตาของคนรอบข้างนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ที่สำคัญก็คือ…หนาวนิดหน่อย

 

 

ฮัดชิ้ว!

 

 

เขาจามออกมา ร่างกายเริ่มต่อต้านเขา…คงเพราะเมื่อวานเขาเพิ่งลำไส้อักเสบมาและวันนี้ก็ยังเปียกฝนอีก

 

 

 “เซวียเซ่า!”

 

 

เสียงของสวี่เจียอี้…เสียงดังมากเหมือนตะโกนอยู่ที่ไกล ตะโกนอยู่ที่ไกลๆ ด้านหลังเขา

 

 

เขาหันหน้ากลับไป สวี่เจียอี้ค่อยๆ เดินมาที่เขา เธอไม่ได้สวมชุดที่เปียกแต่เปลี่ยนเป็นอีกชุด…ชุดนักเรียน

 

 

แต่ไม่ใช่ชุดเดียวกับชุดของโรงเรียนพวกเขา

 

 

สวี่เจียอี้หอบหายใจ เซวียเซ่าแปลกใจมากที่เธอสามารถหาชุดแบบนี้ในห้างสรรพสินค้า แต่…แต่เธอเดินมาแล้ว เหมือนกับตอนที่เธอยังอายุสิบเจ็ดปี

 

 

เด็กสาวสวมชุดนักเรียนยิ้มลูบผมอยู่หน้าโรงเรียน

 

 

ในที่สุดสวี่เจียอี้ก็มาถึงตรงหน้าของเซวียเซ่า ดวงตาฉายแววเขินอาย ทันใดก็พิงไหล่ของเขาและกระซิบเบาๆ ว่า “เวลาย้อนกลับมาได้บ้างหรือเปล่า”

 

 

เวลาไม่ได้ย้อนกลับมา เพียงแต่หยุดลงตรงนี้

 

 

 

 

 “เธอรอฉันแป๊บหนึ่ง” ทันใดนั้นเซวียเซ่าก็พูดเสียงเข้ม

 

 

พูดจบแล้วเขาก็รีบวิ่งขึ้นบันไดห้างสรรพสินค้า…เขาไม่ได้คิดเรื่องศีลธรรมหรือเหตุผลใดๆ มีเพียงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

 

แรงกระตุ้นนี้สามารถฉีกความคิดทั้งหมดให้แตกกระจาย…แรงกระตุ้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

 

 

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง

 

 

เขากลับมาตรงหน้าของสวี่เจียอี้ บนตัวนั้นสวมชุด…ไม่ค่อยเข้าประเภท แต่อย่างน้อยก็ดูคล้ายชุดนักเรียน อีกทั้งเมื่อเขาสวมแล้วกลับดูตลกมาก

 

 

เซวียเซ่าใช้สองมือกดเข่าของตนเอง อ้าปากหอบหายใจ “เธอ…เธอไปหามาจากที่ไหน…ฉัน ฉันหาเจอแค่แบบนี้…แต่ว่า…”

 

 

เขายืนขึ้นมา “แบบนี้ก็ได้ใช่ไหม”

 

 

ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็จูบเขา

 

 

เป็นจูบที่ยาวนานจูบหนึ่ง

 

 

 

 

Try-to-remember (พยายามจดจำ)