“กำลังคิดอะไรอยู่”
เซวียเซ่ารู้สึกว่ามีมือที่ค่อนข้างเย็นคู่หนึ่งปิดตาตนเองอยู่ แต่สัมผัสอันอ่อนนุ่มก็ทำให้เขาออกจากความคิดวุ่นวายมาสู่ความเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว
เขานอนไม่หลับทั้งคืน…ไม่ใช่เพราะเรื่องมีนัดกับสวี่เจียอี้ในวันนี้ แต่เพราะคิดถึงเรื่องเจ้าของสมาคมลึกลับคนนั้น ช่วงครึ่งคืนแรกนั้นเขาตกใจจนนอนไม่หลับ ครึ่งคืนต่อมาก็กลัวจนนอนไม่ได้อีก
“ไม่มีอะไร เหม่อนิดหน่อยน่ะ” เซวียเซ่าส่ายหน้าและเริ่มมองสวี่เจียอี้
ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการตกแต่งอะไร เพียงสวมชุดลำลองเรียบง่ายเท่านั้น…ไม่แม้แต่แต่งหน้า
เซวียเซ่าประหลาดใจที่ค้นพบว่า แม้สวี่เจียอี้จะมีอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแล้วแต่ยังมีผิวพรรณดีเหมือนเด็ก
มีเพียงโครงหน้าของเธอที่ดูชัดเจนขึ้น ผมก็ยาวกว่าเดิมและก็ยังสูงขึ้นนิดหน่อย ส่วนอื่นนั้นเหมือนไม่ได้เปลี่ยนเลย อย่างเช่นการปิดตาเขาแบบเมื่อครู่
“งั้นก็ออกเดินทางเถอะ” สวี่เจียอี้ดึงมือเซวียเซ่าขึ้นมา
การเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เซวียเซ่าสติหลุด…เพราะเขาไม่ได้มีอาการต่อต้าน
ใช่แล้ว ไม่มีเลย
…
เหมือนสวี่เจียอี้จะวางแผนการเดินทางในวันนี้ไว้ดีแล้ว พวกเขาสแกนจักรยานนอกโรงแรมคนละคัน หลังสวี่เจียอี้ขี่ได้แล้วก็ปั่นพุ่งออกไปเลย ให้เซวียเซ่าไล่ตามเธอ
เซวียเซ่าไม่รู้มาก่อนว่ากำลังกายของผู้หญิงคนนี้จะดีขนาดนี้ เขาคิดในใจว่าคงเป็นเพราะการสำรวจทางธรณีวิทยาทำให้เธอแข็งแรงขึ้น
เขา…ตามไม่ทัน
เซวียเซ่าหอบหายใจ ลอบมองตนเองที่แม้จะสวมชุดที่หลวมที่สุดแต่ก็ยังบังพุงเอาไว้ไม่มิด เขาคิดว่าต้องลดน้ำหนักบ้างแล้ว
แต่เซวียเซ่าก็ยอมรับว่าสวี่เจียอี้เลือกเส้นทางปั่นจักรยานได้ดีมาก
เพราะเมืองที่ออกมาทำงานนอกสถานที่ในครั้งนี้เป็นเมืองชายทะเล พวกเขาปั่นออกมาจากโรงแรมเลียบไปตามแนวภูเขาเขียว เหมือนได้ชมบรรยากาศครึ่งหนึ่งของเมือง
สุดท้ายสวี่เจียอี้ก็หยุดอยู่ครึ่งทางขึ้นภูเขา สองมือจับราวจับมองลงมา เซวียเซ่ายังคงดิ้นรนปั่นจักรยานขึ้น
เธออยู่ด้านบนไม่ไกล ลมพัดผมของเธอปลิว เพียงครู่เดียวเซวียเซ่ารู้สึกเหมือนได้ใช้พลังไปจนหมด รู้สึกว่าระยะทางสิบกว่าเมตรขึ้นเนินยาวนานเหลือเกิน
เขาใกล้ถึงขีดสุดแล้ว
แต่เขายังพยายามไล่ตามไป จนกระทั่งเขารู้สึกเหมือนว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปจนเกลี้ยงแล้วก็ถึงจุดจอด จากนั้นจึงรู้สึกประสบผลสำเร็จ
แต่สวี่เจียอี้ก็ได้ขึ้นขี่บนรถจักรยานอีกครั้งแล้ว จากนั้นก็ปล่อยไหลลงไปตามทางลงภูเขาภายใต้สายตาหวาดหวั่นของเซวียเซ่า อารมณ์บนใบหน้าเหมือนกำลังพูดว่า ‘วู้ๆๆๆ’
เหมือนไม่คิดจะให้เขาไล่ตามทัน
เมื่อวานเธอพูดว่าเห็นเขาแล้วอดแกล้งไม่ได้
เซวียเซ่าลูบหน้าผาก คิดในใจว่ายังดีที่เป็นทางลงเขา
“อย่าหนีนะ รอฉันไล่ตามเธอทัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่” เซวียเซ่าตะโกนอยู่ด้านหลัง
เธอหัวเราะอยู่ด้านหน้า เสียงหัวเราะเหมือนเสียงเพลงที่ลอยอยู่บนภูเขา
เซวียเซ่าจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เขายืมรถจักรยานคันใหม่จากเพื่อนร่วมชั้นและซ้อนเธอออกไปนอกเมือง เธอนั่งอยู่ข้างหลัง…ดูเหมือนว่าเธอก็หัวเราะแบบนี้
ทางลงเขาสั้นมาก รู้สึกเหมือนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ของขามา
ส่วนเวลานั้นก็เช่นกัน
ผ่านไปเร็ว เร็วมาก
…
จุดหมายถัดไปของพวกเขาก็คือถนนคนเดินเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงของเมืองชายทะเลแห่งนี้ซึ่งอยู่ตีนเขา
“ที่นี่ไม่มีน้ำตาลเป่า” แม้ในมือจะถือไม้ของกินเล่นสองไม้แล้วแต่สวี่เจียอี้ก็ยังพูดอย่างผิดหวัง
“นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ของแบบนั้นน้อยลงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงที่นี่เลย ลุงแก่ๆ ที่เคยตั้งแผงขายทางไปโรงเรียนของพวกเราก็หายไปแล้ว” เซวียเซ่าส่ายหน้า
“อา…แบบนั้นเหรอ”
สวี่เจียอี้ถอนหายใจอย่างผิดหวังแต่ก็ฟื้นคืนอารมณ์เดิมได้อย่างรวดเร็ว “ฉันไม่มีความสุขแล้ว เซวียเซ่า นายต้องเลี้ยงสายไหมทางนั้นฉันก่อน ฉันถึงจะมีความสุข”
“…เธอยังกินได้อีกเหรอ” เซวียเซ่าอ้าปากค้างอย่างตกใจ จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “ก็ถูก เธอกินได้เยอะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท้องเหมือนกับหลุมดำไม่มีผิด”
“ก็ฉันกินไม่อ้วนนี่” สวี่เจียอี้แลบลิ้นใส่เซวียเซ่า และวิ่งไปที่แผงขายสายไหมอย่างรวดเร็ว
จริงๆ เลย ผ่านไปสิบเอ็ดปีแล้วเหรอ
“แต่อีกเดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว เธอยังจะกินไหม”
เซวียเซ่าไล่ตามไปโดยไม่รู้ตัว
ใช่แล้ว เอาแต่ไล่ตามหลังเธออยู่ตลอด
…
แต่ในความเป็นจริง เซวียเซ่ากินไม่ได้เยอะอย่างสวี่เจียอี้ เซวียเซ่าพบว่าเขาเริ่มถูกเทพีแห่งโชคละทิ้งเสียแล้ว เมื่อวานเขาใช้ข้ออ้างว่าป่วยจึงไม่ไปนัด คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เข้าโรงพยาบาลของเมืองนี้จริงๆ
สาเหตุก็คือ…อาหารเป็นพิษ
จะต้องเป็นเพราะอาหารตามแผงไม่สะอาดแน่เลย วันนี้เขากินของตรงนั้น เมื่อเห็นสวี่เจียอี้กินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็หยุดปากตนเองเอาไว้ไม่ได้
“ขอโทษด้วย คิดไม่ถึงว่าจะได้มาฉีดยาที่นี่ เสียเวลาเธอไปครึ่งวันเลย” สีหน้าของเซวียเซ่าซีดขาวนิดหน่อย นั่งอยู่ในห้องฉีดยาของโรงพยาบาลพูดขอโทษต่อสวี่เจียอี้ที่อยู่เป็นเพื่อน “เดิมทีวันนี้ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“ตอนนี้ก็ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ” สวี่เจียอี้มองไปที่นาฬิกาที่แขวนบนผนังและพูดออกมา
เซวียเซ่ากำลังจะพูด…โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขามองเห็นว่าใครโทรมาก็ตะลึงอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันเขาก็พบว่าสวี่เจียอี้ก็กำลังมองเขาพอดี
“แฟนเหรอ” ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็ถามออกมา
เซวียเซ่าพยักหน้า เขาไม่คิดจะโกหกเธอ
เธอเพียงแค่ยิ้มและบอกว่าจะออกไปสักหน่อย ตอนจากไป…เขามองเห็นว่าไหล่ของเธอตกลงนิดหน่อย
เป็นโทรศัพท์จากวั่นจื่อซาน พูดเรื่องราวจิปาถะบางอย่าง บอกว่าชุดแต่งงานทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับมาก็สามารถดูได้แล้ว บอกว่าการ์ดเชิญก็เขียนเสร็จไปไม่น้อยแล้ว เอาบางส่วนไปมอบให้หัวหน้าห้องของเขาช่วยส่งให้พวกเพื่อนเก่า
เซวียเซ่าพูดแต่ว่าดี ไม่หงุดหงิดหรือรำคาญ เขาภาวนาอยากให้วั่นจื่อซานจบการโทรในครั้งนี้ช้าๆ
เขาก็มองไปยังนาฬิกาบนผนังเงียบๆ นับว่าเข็มนาทีกับเข็มวินาทีเดินวนกี่รอบแล้ว
เพราะว่าเขา…ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่พูดว่าจะออกไปสักหน่อยยังไงดี ไม่ใช่ นับตั้งแต่วินาทีที่ได้พบกันอีกครั้งที่โรงแรม เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะเผชิญหน้ายังไง
…
เป็นแค่ลำไส้อักเสบเฉียบพลันเท่านั้น ฉีดยาหมอสั่ง ไม่ต้องลำบากนอนโรงพยาบาล แต่นับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเดินกลับโรงแรม สวี่เจียอี้ก็ไม่พูดกับเขาอีก
ทั้งสองต่างมองออกไปนอกหน้าต่างรถ คนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้ารู้สึกว่านี่เป็นคู่รักที่กำลังแง่งอนกันอยู่
หลังลงจากรถที่หน้าโรงแรม
เซวียเซ่ารวบรวมความกล้าพูดว่า “ฉันใกล้จะแต่งงานแล้ว”
สวี่เจียอี้ไม่ได้ตกใจเกินไป แสดงออกอย่างสงบทำให้เซวียเซ่าไม่สามารถพูดอะไรอื่นได้อีก…เขารู้ดีว่าตั้งแต่รับโทรศัพท์จนกลับมาถึงโรงแรมแล้วผ่านเวลานิ่งเงียบไปนานแค่ไหน
“พรุ่งนี้ ยังมีเวลาว่างไหม”
นี่เป็นคำตอบที่สวี่เจียอี้ให้เขา
คำตอบในวันนี้เหมือนกับคำตอบเมื่อวาน เพียงแต่อารมณ์แตกต่างกัน เกิดความรู้สึกไม่สบายที่ท้อง…ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเจอเจ้าของสมาคมลึกลับผู้นั้นในห้องของเขาอีกไหม
…
…
อีกคืนแล้ว ที่เซวียเซ่านอนไม่หลับไปครึ่งคืน แต่หลังครึ่งคืนเขาง่วงมากจนหลับไป
เขาไม่รู้ว่าเจ้าของสมาคมลึกลับนั้นจะแอบมาหรือเปล่า แต่หลังจากนอนพักผ่อนไปหนึ่งคืนแล้วท้องของเขายังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่
เซวียเซ่าพบสวี่เจียอี้ที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรม คืนนี้นัดกันเอาไว้แล้ว
เขาเห็นสวี่เจียอี้นั่งอยู่ที่นี่คนเดียวและเริ่มทานอาหาร ดูจากท่าทางคงมาได้สักพักแล้ว เมื่อสวี่เจียอี้มองเห็นเซวียเซ่ามาก็ยิ้ม
เซวียเซ่าเดินเข้าไปแต่กลับเริ่มใจลอยขึ้นมา
ทันใดนั้นเขาก็เปรียบเทียบระหว่างวั่นจื่อซานและสวี่เจียอี้ เช่นในสถานการณ์ปกติ วั่นจื่อซานมักสั่งอาหารไว้ให้เขาแล้วรอเขามาถึงค่อยกินด้วยกัน แม้ว่าเธอจะหิวก็ตาม
แต่เซวียเซ่ากลับคิดอีกว่า สองคนนี้มีนิสัยต่างกันไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
เซวียเซ่าเดินไปโต๊ะเครื่องดื่มรินกาแฟมาสองแก้วจากนั้นถึงเดินไปที่โต๊ะ เขาใส่น้ำตาลสองซองกับนมลงในกาแฟแก้วหนึ่ง ส่วนอีกแก้วนั้นไม่ใส่อะไรเลยสำหรับตัวเขาเอง
เขายื่นกาแฟที่ปรุงดีแล้วให้สวี่เจียอี้ การเคลื่อนไหวดูเชี่ยวชาญมาก…แต่หลังส่งมาถึงแล้วก็ตัวแข็งทื่อไป
น้ำตาลสองซองกับนม…เป็นรสชาติของวั่นจื่อซาน
“ใส่น้ำตาลเพิ่มอีกซองไหม ฉันชอบหวานหน่อย” สวี่เจียอี้ยิ้มและพูดว่า “เป็นสุภาพบุรุษก็ต้องเป็นให้ถึงที่สุด”
เซวียเซ่าถึงได้เพิ่มน้ำตาลไปอีกซองอย่างกระดากใจ
…
สวี่เจียอี้ไม่ได้ถามถึงเรื่องการแต่งงานของเซวียเซ่า
ใช่แล้ว ไม่ได้ถาม ทำเหมือนไม่รู้ กลับพูดถึงแผนการในวันนี้
ทันใดนั้นเซวียเซ่าก็รู้สึกว่าตนเองไม่อยู่ในสถานะที่จะไปถามเรื่องต่างๆ ของเธออีกแล้ว เช่นถามว่าหลายปีมานี้เธอทำอะไร มีแฟนหรือยัง…หรือแต่งงานแล้วหรือยัง
ดูเหมือน แม้จะไม่ได้พูดสัญญากันไว้ แต่ก็เข้าใจกันเอง
สัญญาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัว
…
เซวียเซ่าไม่คิดจะถามเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องบางอย่างที่สามารถทำลายภูเขาน้ำแข็งก็อดที่จะถามไม่ได้ บนรถชมเมือง เซวียเซ่าอดถามสวี่เจียอี้ไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงมาเมืองนี้
สวี่เจียอี้บอกว่าเธอถูกบังคับให้แต่งงานจึงหนีการแต่งงานและก็ไม่ได้คิดถึงสถานที่ สุ่มซื้อตั๋วเครื่องบินมาที่นี่ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่นี่
สุดท้ายเธอก็มองเซวียเซ่าอย่างเคร่งขรึม ถามเขาว่าเขาเชื่อหรือไม่ เซวียเซ่าก็ส่ายหน้าไปตรงๆ หากเชื่อก็โง่แล้ว
สวี่เจียอี้หัวเราะและพูดว่า “ที่จริงแล้วบริษัทของฉันก็จัดให้ฉันมาที่นี่ชั่วคราวจึงบินมา แต่ที่คิดไม่ถึงว่าจะเจอนายอยู่ที่นี่นั้นเป็นเรื่องจริง”
เซวียเซ่าคิดในใจว่า นี่ก็คงเป็นเจ้าของสมาคมจัดการสินะ
…
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสวี่เจียอี้เป็นผู้หญิงที่กินได้เยอะจริงๆ…หากว่าหลายปีมานี้เธอเป็นแบบนี้ตลอด ทั้งยังกินไม่อ้วนอีก ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
ดูเหมือนเธออยากจะกินหมดทุกอย่าง
“น่าเสียดายที่นายกินไม่ได้แล้ว”
สวี่เจียอี้ถือของอร่อยเขย่าอยู่ตรงหน้าของเซวียเซ่าเพื่อกระตุ้นเขา ยังคงแกล้งเขาเหมือนเคย
เซวียเซ่าไม่ใส่ใจจ้องมองไปข้างหน้า
ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็จูงมือของเขา
เธอถืออาหารว่าง จูงมือของเขาเดินไปตามทางเล็กๆ ที่เงียบสงบ
แต่ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา
…
“ตายจริง ฝนตกได้ยังไงกัน พยากรณ์อากาศบอกว่าไม่มีอะไรนี่” สวี่เจียอี้ที่หลบอยู่หน้าร้านขายของร้านหนึ่งชั่วคราวเงยหน้าขึ้นมองอากาศ
เซวียเซ่าก็มอง “คงแค่เมฆฝนลอยผ่านเท่านั้น ที่นี่เป็นชายทะเลถือว่าเป็นปกติ…อืม ฉันว่าที่นี่ก็ไม่เลว ตรงข้ามมีห้างสรรพสินค้า ไป…ใช่แล้ว เดินทะลุอุโมงค์ตรงนั้นไป พวกเราก็ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าได้แล้ว”
สวี่เจียอี้กะพริบตามองเขา
เซวียเซ่ารู้สึกว่าบางทีเธออาจจะยังไม่เติบโต…อย่างน้อยท่าทางกะพริบตานี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนเลย
“มองฉันทำไม”
“นายเปลี่ยนไป” สวี่เจียอี้มองเซวียเซ่าอย่างจริงจัง “เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ตอนยังเด็กนายไม่ได้ใจเย็นแบบนี้และจะต้องหงุดหงิดมาก จากนั้นก็ด่าสวรรค์ไปสักคำสองคำ”
“โตแล้วนี่” เซวียเซ่ายิ้ม “ถึงด่าสวรรค์ตอนนี้ ฝนก็ยังตก ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ไม่อาจเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ เวลาไม่อาจย้อนกลับได้”
เวลา…ไม่ย้อนกลับ
งั้นฉันยังไล่ตามอะไร
ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็ดึงมือของเซวียเซ่า พุ่งเข้าไปท่ามกลางสายฝน ไปยังห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงกันข้าม
เซวียเซ่าแปลกใจกับการกระทำของเธอ แต่เพราะกำลังวิ่งอยู่กลางฝนจึงไม่ทันได้พูด
พวกเขาพุ่งเข้าไปในชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้า ดูเหมือนตัวจะเปียก สวี่เจียอี้มองเซวียเซ่าและพูดว่า “นายรอฉันอยู่ที่นี่แป๊บหนึ่ง”
เซวียเซ่าไม่รู้ว่าสวี่เจียอี้คิดจะทำอะไร…บางทีอาจจะคิดแกล้งเขาเล่นอีกแล้ว
…
เวลารอนั้นมักจะยาวนานเสมอ โดยเฉพาะรอผู้หญิง
ยืนตัวเปียกอยู่ในห้างสรรพสินค้าเหมือนคนโง่คนหนึ่ง…เซวียเซ่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะทุลักทุเลขนาดนี้
สายตาของคนรอบข้างนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ที่สำคัญก็คือ…หนาวนิดหน่อย
ฮัดชิ้ว!
เขาจามออกมา ร่างกายเริ่มต่อต้านเขา…คงเพราะเมื่อวานเขาเพิ่งลำไส้อักเสบมาและวันนี้ก็ยังเปียกฝนอีก
“เซวียเซ่า!”
เสียงของสวี่เจียอี้…เสียงดังมากเหมือนตะโกนอยู่ที่ไกล ตะโกนอยู่ที่ไกลๆ ด้านหลังเขา
เขาหันหน้ากลับไป สวี่เจียอี้ค่อยๆ เดินมาที่เขา เธอไม่ได้สวมชุดที่เปียกแต่เปลี่ยนเป็นอีกชุด…ชุดนักเรียน
แต่ไม่ใช่ชุดเดียวกับชุดของโรงเรียนพวกเขา
สวี่เจียอี้หอบหายใจ เซวียเซ่าแปลกใจมากที่เธอสามารถหาชุดแบบนี้ในห้างสรรพสินค้า แต่…แต่เธอเดินมาแล้ว เหมือนกับตอนที่เธอยังอายุสิบเจ็ดปี
เด็กสาวสวมชุดนักเรียนยิ้มลูบผมอยู่หน้าโรงเรียน
ในที่สุดสวี่เจียอี้ก็มาถึงตรงหน้าของเซวียเซ่า ดวงตาฉายแววเขินอาย ทันใดก็พิงไหล่ของเขาและกระซิบเบาๆ ว่า “เวลาย้อนกลับมาได้บ้างหรือเปล่า”
เวลาไม่ได้ย้อนกลับมา เพียงแต่หยุดลงตรงนี้
…
“เธอรอฉันแป๊บหนึ่ง” ทันใดนั้นเซวียเซ่าก็พูดเสียงเข้ม
พูดจบแล้วเขาก็รีบวิ่งขึ้นบันไดห้างสรรพสินค้า…เขาไม่ได้คิดเรื่องศีลธรรมหรือเหตุผลใดๆ มีเพียงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แรงกระตุ้นนี้สามารถฉีกความคิดทั้งหมดให้แตกกระจาย…แรงกระตุ้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง
เขากลับมาตรงหน้าของสวี่เจียอี้ บนตัวนั้นสวมชุด…ไม่ค่อยเข้าประเภท แต่อย่างน้อยก็ดูคล้ายชุดนักเรียน อีกทั้งเมื่อเขาสวมแล้วกลับดูตลกมาก
เซวียเซ่าใช้สองมือกดเข่าของตนเอง อ้าปากหอบหายใจ “เธอ…เธอไปหามาจากที่ไหน…ฉัน ฉันหาเจอแค่แบบนี้…แต่ว่า…”
เขายืนขึ้นมา “แบบนี้ก็ได้ใช่ไหม”
ทันใดนั้นสวี่เจียอี้ก็จูบเขา
เป็นจูบที่ยาวนานจูบหนึ่ง
…
Try-to-remember (พยายามจดจำ)