พิธีคำนับสิ้นสุดลง เสี่ยวยาก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของอวิ๋นเยี่ยราวกับลูกกระสุนปืน กอดเขาไปร้องไห้ไป สะอึกสะอื้นบอกกับอวิ๋นเยี่ยว่านางได้ยินท่านย่ากับพี่สะใภ้คุยกัน นางรู้ว่าอวิ๋นเยี่ยถูกคนลักพาตัวไป ถูกศัตรูที่อันตรายที่สุดของตระกูลลักพาตัวไป นางออกไปตามหาทั่วเขาอวี้ซัน แต่ก็หาอวิ๋นเยี่ยไม่เจอ
เช็ดน้ำมูกน้ำตาให้เสี่ยวยาที่ราวกับลูกแมว กอดนางแล้วพูดว่า “ข้าเก่งแค่ไหนเจ้าก็รู้ สาเหตุที่ถูกลักพาตัวก็คือข้าอยากจะจัดการคนเลวพวกนั้นให้หมด ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ถูกข้าจัดการหมดแล้ว ต่อไปเสี่ยวยาก็ไปเที่ยวเล่นที่ตลาดได้แล้ว”
เสี่ยวยาสูดน้ำมูกพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กอดอวิ๋นเยี่ยไม่ปล่อย ท่านย่าหัวเราะแล้วด่านางว่าไม่มีท่าทีความเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย นางถึงได้ยอมปล่อยอวิ๋นเยี่ยอย่างไม่เต็มใจ ซือซือกับเสี่ยวอู่มองดูด้วยความอิจฉา ตอนนี้มีแค่เสี่ยวยาเท่านั้นที่อ้อนอวิ๋นเยี่ยได้
อวิ๋นเยี่ยอุ้มลูกชายกำลังจะพาไปอาบน้ำ ในที่สุดคนที่ดูแลเขาก็ไม่ใช่ผู้เฒ่าพวกนั้นแล้ว ซินเย่วก้มหน้าเดินตามท่านพี่ลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยความเขินอาย น่ารื่อมู่เอะอะโวยวายอยากจะเข้าไปด้วย ท่านย่าออกคำสั่ง วันนี้ตระกูลอวิ๋นปิดประตูใหญ่ ไม่ต้อนรับแขก คนในครอบครัวมีความสุขด้วยกันก็พอ
พ่อบ้านเหล่าเฉียนติดป้ายสีแดงไว้ด้านนอกประตู เขียนว่าที่บ้านมีเรื่องน่ายินดีไม่ต้อนรับแขก สั่งการองครักษ์รักษาประตู นอกจากสามตระกูลที่รายงานนอกเวลาได้ ส่วนคนอื่นๆ ปฏิเสธทั้งหมด
หลังจากสั่งการองครักษ์รักษาประตูเสร็จ งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น คนรับใช้ต่างก็พากันยิ้มแย้มแจ่มใสยุ่งวุ่นวาย ฆ่าหมูฆ่าแกะ จับปลา จับไก่ แล้วยังเลือกเหล้ารสชาติดีที่หมักไว้เป็นปีออกมาจากห้องใต้ดิน พวกสาวใช้เริ่มตกแต่งห้องรับแขก แขวนโคมไฟ ยกโต๊ะยกเก้าอี้ ล้างจาน
ในยุคต้าถังที่ขาดความบันเทิง วิธีแสดงความสุขของตัวเองก็คือการกินข้าวสักมื้อ หากอารมณ์ดีก็กินข้าวมื้อใหญ่สักมื้อ เรื่องน่ายินดีที่ท่านโหวกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย ก็ต้องกินมื้อใหญ่อย่างมีความสุขสักมื้อหนึ่ง ถึงแม้ว่าวิธีนี้อาจจะดูล้าสมัยไปสักหน่อย แต่ว่าอวิ๋นเยี่ยชอบ และดูเหมือนว่าทั้งตระกูลก็ชอบ และสิ่งที่ชอบมากที่สุดก็คือวัวในคอกของตระกูลล้มตายไปอีกหนึ่งตัว
เหล่าเฉียนเห็นวัวแก่ที่เมื่อครู่ยังกินหญ้าอยู่แต่ตอนนี้นอนนิ่งอยู่บนพื้น เขาก็พูดกับพ่อบ้านอย่างโศกเศร้าว่า “วัวของเราล้มตายอีกแล้ว เจ้าไปรายงานที่ทำการปกครองเมืองเดี๋ยวนี้ บอกเจ้าขุนนางพวกนั้นว่าตระกูลเราจะเอาวัวตัวนั้นไปฝัง ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาดู ตระกูลกำลังเฉลิมฉลองอยู่”
พ่อบ้านก็ทำหน้าไม่มีความสุขขึ้นมาทันที ทำหน้าตาโศกเศร้าเดินออกไปจากประตูเล็ก ขี่ม้าไปรายงานข่าวร้ายให้กับที่ทำการปกครองเมือง
อ่างอาบน้ำของตระกูลอวิ๋นช่างสวยงาม มีลักษณะเป็นรูปดอกบัว ราวกับว่าคนยังไปนอนบนกลีบดอกบัวได้ พึ่งจะถอดเสื้อผ้าออก ซินเย่วกับน่ารื่อมู่ก็อดหัวเราะไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยก้มลงมองตัวที่ขาวและอ่อนนุ่มของตัวเองจากนั้นก็หันมามองแขนขาที่ถูกแดดเผาจนดำ ตัวเองก็รู้สึกตลก ราวกับหมีแพนด้า
ดึงซินเย่วมาตบที่ก้นสองที ความรู้สึกเมื่อได้สัมผัส ไม่เลว ความยืดหยุ่นไม่เลว อดไม่ได้ที่จะตีไปอีกสองที ส่วนน่ารื่อมู่ก็ช่างเถอะ ไม่กล้ายั่วโมโหคนตั้งครรภ์
ไม่สนใจภรรยาทั้งสอง ถอดเสื้อผ้าให้ลูกชายออกจนหมดเกลี้ยง อุ้มลูกชายกระโดดลงไปในอ่าง อุณหภูมิของน้ำกำลังดี สบายเหลือเกิน เอาลูกชายวางไว้บนหน้าอก ปล่อยให้เขาเตะขาอ้วนๆ ตีน้ำเล่น ตัวเองพิงที่ร่องแล้วงีบหลับพักผ่อน วิ่งเต้นข้างนอกมาแปดเดือนเต็มๆ ใช้พลังงานกายและพลังงานใจไปเกือบหมด บ้านของตัวเองสบายที่สุด ไม่ต้องคิดว่าต่อไปจะทำอะไร จะกำจัดไอ้เจ้านั่นดีหรือไม่ ต่อให้เฝิงอั้งจะมีความสามารถในการรวมตัวกับพระเจ้าแต่ก็ไม่มีทางควบคุมได้ถึงฉางอัน วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ประโยคนี้รีบพูดเกินไป ทันทีที่ซินเย่วถอดเสื้อผ้าออก อวิ๋นเยี่ยก็ลืมแผนการพักผ่อนของตัวเองไปทันที เมื่อก่อนรูปร่างของนางกลมราวกับไข่มุก แต่ตอนนี้มันไม่ธรรมดา หลังจากคลอดลูก รูปร่างของนางก็ยิ่งไม่ธรรมดากว่าเดิม ยังจะพักผ่อนอะไรอีก ต้องรีบ ต้องรีบเลย เลือดกำเดาจะไหลออกมาอยู่แล้ว
ผู้ชายก็เป็นเช่นนี้ มีแม่ของลูกแล้วก็ไม่ต้องการลูกทันที เอาเด็กอ้วนตัวน้อยให้น่ารื่อมู่ บอกให้พวกเขาไปเล่นข้างนอก ข้างในเหลือเพียงแม่ของลูกก็พอ
น่ารื่อมู่อุ้มอวิ๋นน้อยอวิ๋นโซ่วกลอกตาไปมา หัวเราะเบาๆ อุ้มเด็กออกไปข้างนอก และยังปิดม่านลงด้วยความใส่ใจ
ซินเย่วตีอวิ๋นเยี่ยทีหนึ่ง ตัวเองลงไปในอ่างด้วยความเขินอาย อวิ๋นเยี่ยใช้แขนทั้งสองข้างอุ้มซินเย่วลงมาในอ่าง
หลังจากลงมาในอ่างซินเย่วก็ตีมือไม้ที่ชั่วร้ายของท่านพี่เป็นครั้งเป็นคราว เอาผ้าขนหนูเช็ดตัวให้เขา อาบน้ำก็คืออาบน้ำ เจ้าอาบให้ข้า ข้าอาบให้เจ้า อาบไปอาบมาก็เต็มไปด้วยความร้อนผ่าวขึ้นมา…
น่ารื่อมู่ดูแลอวิ๋นน้อยที่กำลังเตะน้ำอยู่ข้างนอก แต่หูกลับยื่นออกไปยาว ได้ยินเสียงหัวเราะเป็นครั้งเป็นคราวดังอยู่ข้างใน ร่างกายของตัวเองก็รู้สึกร้อนขึ้นมา กลืนน้ำลายเข้าไปข้างในทีหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูห่อตัวอวิ๋นน้อยออกไปจากห้องอาบน้ำ กลับไปใส่เสื้อผ้าให้เขาที่ห้องโถงด้านหลัง
มีฟ้าผ่าเมื่อภูเขาไฟระเบิด หลังจากที่ไฟโหมไหม้ทุ่งหญ้าเสร็จสิ้นก็หลงเหลือเพียงความเงียบเหงา ทั้งสองคนกอดกันอยู่ตรงกลีบดอกบัว ทำให้กลีบดอกแออัดไปหมด ไม่ขยับเขยื้อน
“ขาของข้าชาหมดแล้ว” อวิ๋นเยี่ยพูดกับซินเย่วที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
ซินเย่วขยับตัวไปมาแล้วก็มุดหัวเข้าที่หน้าอกของอวิ๋นเยี่ย ส่งเสียงฮึดฮัดราวกับแมว
“ขาของข้าเป็นตะคริวแล้ว” อวิ๋นเยี่ยกระโดดขึ้นมา กระโดดไปรอบๆ อย่างเปลือยเปล่า ท่าทางเมื่อครู่รุนแรงเกินไป ตะคริวกินหมดแล้ว กระทืบลงไปที่พื้นสองสามทีอย่างแรง ตะคริวถึงได้หาย
ซินเย่วหัวเราะอยู่ในอ่าง นางรู้นิสัยของอวิ๋นเยี่ยดี เมื่อครู่นางตั้งใจ แก้แค้นความป่าเถื่อนของเขา คู่สามีภรรยารู้จักเรืองร่างของกันและกันเป็นอย่างดี พฤติกกรรมในชีวิตประจำวันได้กลายเป็นความเคยชิน อย่างเช่นอวิ๋นเยี่ยชอบนอนหมอนสูงๆ ถึงจะนอนหลับ ซินเย่วชอบเอาขาไปพาดไว้ตรงเอวของอวิ๋นเยี่ย ล้วนแต่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต รวมถึงเรื่องการมีอะไรกัน นี่คือกระบวนการแสวงหาความสุขซึ่งกันและกัน ความอ่อนโยนในนั้นใช่ว่าจะใช้เงินหาซื้อมาได้
อวิ๋นเยี่ยนอนบนเตียงไม้ไผ่ ซินเย่วเช็ดหลังให้เขา เห็นบาดแผลที่เพิ่งหายบนไหล่ของเขา นางก็น้ำตาไหล ไม่รู้ว่าท่านพี่ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็มีความสุขเสมอ ราวกับบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ยากเย็นสำหรับเขา การเผชิญหน้าระหว่างเขากับโต้วเยี่ยนซาน ไม่ธรรมดาอย่างที่จดหมายเขียนไว้แน่นอน แต่เขาพูดแค่ประโยคเดียวว่าหาโอกาสฆ่าโต้วเยี่ยนซานได้แล้ว
นางชอบฟังท่านพี่โม้ มักจะรู้สึกว่าในอนาคตท่านพี่ของตัวเองก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ถูกปลาจวดตกใส่จนสลบไป ท่านพี่เขียนเรื่องนี้ในจดหมายเป็นเรื่องตลก แต่ก่อนจะกลับมาถึงบ้านหลิวจิ้นเป่าไม่ได้พูดเช่นนั้น
ตามคำพูดของเขาก็คือเทพเจ้ากำลังจะมาเอาชีวิตคน ท่านโหวผูกตัวเองไว้กับเสาเรือ ในมือถือมีด หากถูกพายุทอร์นาโดดูดขึ้นไป เขาก็จะฆ่าตัวตาย ส่วนเขาผูกเชือกไว้รอบเอวของตัวเอง ถูกลมพัดลอยอยู่บนท้องฟ้า หากไม่ใช่เพราะหงเฉิงและคนอื่นๆ จับเชือกเอาไว้ได้ ตัวเองคงจะขึ้นไปอยู่บนฟ้าแล้ว ของทุกสิ่งทุกอย่างบนท้องฟ้าร่วงหล่นลงมา ไม้ กิ่งไม้ เต่า คนตาย ปลาฉลาม แล้วก็ยังมีปลาจวดที่ตกใส่ท่านโหว ยังมีปลาที่ตกลงมาแทงเข้าที่ตัวคน ปลาที่ตกลงมาเกาะบนตัวคนไม่ยอมปล่อย ดึงออกมาแล้วบนตัวเต็มไปด้วยจุดสีแดง
กิ่งไม้เล็กๆ ธรรมดาๆ อยู่ในสายลมช่างทรงพลังราวกับแส้ เสื้อผ้าฉีกขาดหลุดลุ่ย ปลาตัวใหญ่หลายสิบกิโลล้วนแต่ถูกดูดขึ้นมาจากน้ำ อ้าปากพะงาบๆ อยู่ท่ามกลางอากาศ ชาวแคว้นวอกว่าหลายร้อยคนถูกพายุทอร์นาโดดูดขึ้นไปบนฟ้า สุดท้ายหาเจอแค่ก้นที่สมบูรณ์ก้นเดียว ปลาวาฬเป็นหมื่นๆ ตัวถูกพายุทอร์นาโดซัดเข้าฝั่งจนตาย หากไม่ใช่เพราะท่านโหวรู้ถึงเหตุการณ์ก่อน เรือของตระกูลเราคงจะเสร็จแล้ว
คิดเช่นนี้ ซินเย่วก็กลัวจนตัวสั่น ผู้ชายคนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัว หากไม่มีเขา ทั้งตระกูลคงจะไม่มีวันยิ้มได้อีกต่อไป ท่านย่าสวดมนต์ในห้องพระทั้งวัน พวกป้าๆ น้าๆ ก็ไม่เล่นไพ่นกกระจอกอีกแล้ว เข้าหาวัดวาอารามทั่วโลกราวกับแมลงวันที่ไม่มีหัว อารามลัทธิเต๋า แม่ชี ขอให้เทพเจ้าทั่วท้องฟ้าคุ้มครอง เสี่ยวยากับซือซือพาองครักษ์ประจำตระกูลวิ่งไปทั่วเขาอวี้ซัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีความหวัง แต่กลับไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว สาตาของน่ารื่อมู่ดุร้าย ใช้แส้ฟาดคนรับใช้ฉ่าวหยวนที่ตัวเองพามาด้วย สายตานั้นน่ากลัวราวกับหมาป่า
“คิดอะไรอยู่ ถูหลังของข้าเร็วๆ ทำความสะอาดเสร็จแล้ว จะได้ไปจุดธูปที่ห้องพระ ท่านย่ารออยู่ ออกไปช้าจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้”
ซินเย่วตบก้นของอวิ๋นเยี่ยทีหนึ่ง และพูดด้วยความโมโหว่า “ครั้งนั้นก็เพราะว่าเจ้าเหลวไหล ทำให้ข้าถูกผู้เฒ่าหัวเราะเยาะ ครั้งก่อนท่านป้ายังบอกว่าคู่รักวัยหนุ่มสาวอย่าพึ่งโลภมาก ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะแยะ บอกว่าน้ำไตของผู้ชายมีจำกัด อย่าใช้งานมากเกินไป พูดราวกับว่าข้าเป็นยัยจิ้งจอก ไม่รู้ว่าอยู่ที่หลิ่งหนานใช้งานไปมากแค่ไหน แต่สุดท้ายกลับให้ข้าเป็นแพะรับบาป”
หลังถูเนื้อถูตัวจนสะอาดสะอ้านช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว เสื้อข้างในเป็นผ้าไหมเนื้อนุ่ม สาวใช้ใช้ไม้ทุบจนเนื้อผ้าอ่อนแล้วส่งมาให้ สบายตัวแต่ว่าใส่ไปไหนไม่ค่อยได้ ตอนนี้เสื้อข้างในของตระกูลอวิ๋นล้วนแต่ทำเช่นนี้
เสื้อคลุมสีฟ้าของสำนักศึกษา ช่างสวมใส่สบาย ไม่ต้องรัดเข็มขัด ตัวหลวมๆ ลมพัดเข้ามาได้ทุกทาง
ซินเย่วหน้าแดงเดินตามหลังอวิ๋นเยี่ยไปคำนับท่านย่า ไม่รู้ว่านางทำได้เช่นไร เมื่อครู่ตอนที่ออกมาจากห้องอาบน้ำทั้งสองคนยังพูดคุยหัวเราะกันอยู่ดีๆ ผ่านไปพริบตาเดียวกลับหน้าแดงราวกับไปดื่มเหล้ามา ในสายตาไม่มีร่องรอยของความเขินอายเลยแม้แต่น้อย ยังรู้จักไล่น่ารื่อมู่ไปอยู่ข้างนอก ภรรยารองจะเข้ามาในห้องพระได้เช่นไร
ท่านย่าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ในตระกูลอวิ๋นมีแค่ท่านยา อวิ๋นเยี่ย ซินเย่ว อวิ๋นน้อย และอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่าหลี่หรง ห้าคนนี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องพระ นึกถึงชื่อนี้ขึ้นมาซินเย่วก็รู้สึกอึดอัด โชคดีที่เด็กคนนั้นถูกกำหนดให้เป็นราชาของชาวแคว้นวอ กลับบ้านมาไม่ได้ นางจึงได้ไม่สนใจการที่มีเขาอยู่
ท่านย่าจุดธูป อวิ๋นเยี่ยรับธูปมา คุกเข่าคำนับลงสามครั้งก่อนที่จะปักธูปลงในกระถางธูปด้วยความเคารพ ท่านย่าสวดมนต์เบาๆ ขอบคุณบรรพบุรุษที่คอยปกป้องลูกหลาน ให้หลานชายกลับมาอย่างปลอดภัย กิจการของตระกูลก็กำลังเจริญรุ่งเรือง ขอให้บรรพบุรุษปกป้องดูแลตระกูลอวิ๋นให้อยู่เย็นเป็นสุข ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองต่อไป