“พวกเราหาคนที่ชื่อว่าสวี่ซินไม่พบ”
“รบกวนคุณหาให้หน่อย รุ่นศูนย์สาม จากนั้นก็ทำแบบทดสอบเทียบมัธยมหกที่นี่เพื่อขอเรียนชั่วคราว สวี่ซิน ช่วยค้นหาให้อีกครั้งหนึ่งได้ไหม”
“ขอโทษด้วย คุณผู้ชายท่านนี้ พวกเราค้นหาในข้อมูลโรงเรียนแล้ว ไม่มีคนที่ชื่อสวี่ซินจริงๆ คุณคงเข้าใจผิดแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ ผมหาข้อมูลของสวี่ซินพบที่โรงเรียนของผม ข้อมูลอ้างอิงก็มาจากที่นี่”
เช้าตรู่เซวียเซ่าก็ขับรถมาที่โรงเรียนเก่าของสวี่ซินตามข้อมูลที่ได้จากครูประจำชั้น
“ไม่มีจริง ขอโทษด้วย คุณผู้ชายท่านนี้ พวกเราช่วยคุณไม่ได้…ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ทางพวกเรายังมีงานอื่นอีก คุณว่า…”
เซวียเซ่าออกจากห้องพักครูของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ไปอย่างหมดทางเลือก เขาเดินออกจากประตูเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
เขายังคงไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ว่าทำไมทั้งเพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ถึงรู้ว่าสวี่เจียอี้และสวี่ซินเป็นคนละคนกัน…ยกเว้นเพียงเขาคนเดียว
มีแค่เขาคนเดียวที่คิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน
เซวียเซ่านั่งอยู่บนที่นั่งคนขับนิ่งอยู่พักใหญ่ รู้สึกสับสน เดิมทีเขาคิดว่าหลังกลับมาจากการทำทำงานนอกสถานที่แล้วทุกอย่างจะจบ
เขาเพลิดเพลินไปกับการเดินทางแห่งความฝันในช่วงสิบเอ็ดปีนี้ของเขา…เขารู้สึกว่าทุกอย่างถูกเติมเต็มแล้ว แม้ว่าความรักนั้นจะไม่ได้ดำเนินไปจนถึงท้ายที่สุด แต่ภายในห้องสรรพสินค้าแห่งนั้น การจูบเพื่อนำช่วงเวลาบางช่วงกลับคืนก็เพียงพอแล้ว
เซวียเซ่ากัดฟัน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาถามถึงช่องทางติดต่อสวี่เจียอี้จากหัวหน้าห้อง…บางทีถ้าติดต่อเธออีกครั้งอาจจะได้รู้อะไรบ้าง
เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ลังเลว่าจะโทรไปดีหรือเปล่า
ลองดู…ลองดูเฟซบุ๊กของเธอก่อนดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในที่สุดเซวียเซ่าก็เปิดรายชื่อและกดรูปของสวี่เจียอี้
หน้าแรก รูปภาพในหน้าแรกเป็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกสีเหลืองยืนเซลฟี่อยู่ชายทะเล โครงหน้าของผู้หญิงคนนี้ดูคล้ายคลึงกับสวี่เจียอี้ในความทรงจำของเขาอยู่ประมาณหกเจ็ดส่วน…จุดที่แตกต่างก็คือ เธอตัดผมสั้นและอวบขึ้นไม่น้อย
แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสวี่เจียอี้ที่เขาเจอที่โรงแรม…เวลาของภาพนี้ก็เป็นภาพเดียวกับวันที่เขาออกไปทำงานนอกสถานที่วันแรกพอดี
เซวียเซ่าเลื่อนลงมาดูภาพถัดๆ ไป…ตั้งแต่ภาพที่เธออุ้มลูกของตนเองถึงภาพงานแต่งงาน เธอกับสามีของเธอ…ภาพชีวิตในมหาวิทยาลัยต่างประเทศของเธอ
ผู้หญิงคนนี้ค่อยๆ กลายเป็นแม่คน จากนั้นเซวียเซ่าก็คิดไปถึงสวี่เจียอี้ในความทรงจำ เธอในตอนมัธยม
“ฉัน…ฉันเจอใครกันแน่” เซวียเซ่าฟุบอยู่บนพวกมาลัยอยู่อย่างยาวนาน
ในที่สุด เขาก็รวบรวมความกล้าโทรศัพท์ไปต่างประเทศ
“Hi Who are you (ฮัลโหล คุณคือใครเหรอคะ)”
“คือ…สวี่เจียอี้หรือเปล่า”
“อา ใช่ ฉันนี่แหละ คุณคือ…” เสียงผู้หญิงทางนั้นถามด้วยความสงสัย
“ฉันเอง เซวียเซ่า”
“อา เซวียเซ่าเหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายหัวเราะและพูดว่า “ใช่แล้ว ยินดีด้วยนะ ได้ยินว่านายจะแต่งงานแล้วใช่ไหม วันก่อนหัวหน้าห้องโทรหาฉัน อืม…ต้องขอโทษจริงๆ ฉันลางานทางนี้ไม่ได้เลยไปร่วมงานแต่งงานของนายไม่ได้”
เป็นคำตอบตามมารยาทที่ทั้งสุภาพและเกรงใจ
ความรู้สึกห่างเหินนี้ทำให้มือเท้าของเซวียเซ่าเย็นเฉียบ
“ไม่เป็นไร เธอเองก็แต่งงานมีลูกแล้ว ฉันก็ขอแสดงความยินดีย้อนหลังด้วยนะ” เซวียเซ่าตอบไป
“เซวียเซ่า ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันยุ่งนิดหน่อย” ผู้หญิงคนนั้นรีบพูดว่า “ขอโทษนะ ไว้ติดต่อกันอีกนะ โอเค ถ้ามีโอกาสค่อยเจอกัน ดีไหม”
ตู๊ด!
…
เซวียเซ่ากลับบ้านและนั่งอยู่ในบ้านคนเดียวทั้งช่วงบ่ายจนกระทั่งฟ้ามืด
เขาไม่ได้เปิดไฟ เพียงแค่เปิดทีวีและไม่ได้เปลี่ยนช่อง มีเพียงภาพบนจอที่เปลี่ยนไปมา แต่ไม่ได้จดจำ
เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังดูอะไรอยู่ ทั้งสมองคิดถึงแต่เพียงวันเวลาช่วงเทอมสองของมัธยมหก
วั่นจื่อซานเลิกงานกลับมา เปิดประตูแล้วก็เปิดไฟ มองเห็นเซวียเซ่านั่งโง่ๆ อยู่บนโซฟาดูทีวี แต่เหมือนไม่ได้โฟกัส
เธออ้าปากค้าง วางของของตนเองเบาๆ อ้อมไปด้านหลังโซฟา วางสองมือลงบนไหล่ของเซวียเซ่าและนวดเบาๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงก้มหน้าเอ่ยว่า “แรงเท่านี้พอได้ไหม”
เซวียเซ่ายื่นมือไปตบมือเธอเบาๆ หันไปนั่งคุกเข่าบนโซฟา กอดวั่นจื่อซานไม่พูดอะไร
“วันนี้เหนื่อยมากเหรอ”
“วันนี้ฉันไม่ได้ไปทำงาน”
“อืม…มีเรื่องอะไรในใจเหรอ”
“อย่าถามนะ ขอให้ฉันกอดอย่างนี้ไปสักพักได้ไหม…แบบนี้ฉันถึงจะรู้สึกถึงความเป็นจริง” เซวียเซ่าพูดเบาๆ
วั่นจื่อซานยิ้มอย่างอ่อนโยน ยื่นมือออกมากอดศีรษะของเขา
พวกเขากอดกันอยู่อย่างนี้นานมาก ต่อมาเซวียเซ่าก็หลับไปบนโซฟาทั้งอย่างนี้
…
ตอนเช้าเซวียเซ่าตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการปวดหัว เขาพบว่าบนตัวมีผ้าห่มคลุมอยู่ วั่นจื่อซานไปทำงานแล้ว เพียงแต่บนโต๊ะมีอาหารเช้าเต็มรูปแบบมื้อหนึ่งพร้อมกับโน๊ต
‘อย่าลืมกินข้าวเช้านะ เมื่อวานนายไม่ได้กินอะไรเลย ทางบริษัทฉันลาให้นายแล้ว บอกว่านายไม่สบาย ถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนสักวันเถอะ’
เซวียเซ่านั่งลงกินข้าวเช้าตรงหน้าเงียบๆ และถามตนเองว่ากำลังหงุดหงิดอะไร
เขาพบว่าเขาไม่ได้กินข้าวเช้าฝีมือผู้หญิงคนนี้มาสี่ห้าปีแล้ว แต่เวลานี้ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เขามีความรู้สึกผิดบางอย่างที่แย่และอึดอัดมาก…รู้สึกไม่สบาย
เขาตัดสินใจออกไปเดินเล่นบนถนน
…
เขาเดินไปถึงใต้ตึกบ้านสวี่เจียอี้โดยไม่รู้ตัว ยืนมองห้องที่ถูกทิ้งให้ว่างเปล่าห้องนั้นอยู่อย่างยาวนาน
จากนั้นเขาก็หันกายจากไปเงียบๆ ไม่รู้ว่าตนเองต้องการเดินไปที่ไหน เพียงแค่เดินไปเรื่อยๆ…เดินไปตามเส้นทางที่เขาและผู้หญิงคนนั้นเคยเดินตลอดทั้งเทอมด้วยกัน
เวลานั้นเอง
‘ว้าว เครื่องเล่น ฉันอยากเล่นสตรีทไฟเตอร์ ฮ่าๆๆ’ เธอชูกำปั้นพูด
เธอใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า…
‘อืม…ถังหูลู่เย็นอันนี้ไม่อร่อย ต่อไปไม่ซื้อแล้ว’ เธอโมโห
กินอันที่สามแล้ว…
‘เซวียเซ่า นายว่าพวกเราเลี้ยวแมวสักตัวดีไหม ทำคอกไว้ที่นี่ จากนั้นทุกวันหลังเลิกเรียนก็มาป้อนอาหาร’ เธอรู้สึกสนใจขึ้นมา
ใครจะเก็บกวาดขี้เล่า…
‘เซวียเซ่า อยากซื้อเค้กเลี้ยงฉันไหม’
ครั้งแรกที่เธอเป็นคนเริ่มพูดกับฉันก่อน
เซวียเซ่าหยุดลง เดินไปหน้าร้านขายชุดแต่งงานโดยไม่รู้ตัว เขามองไปฝั่งตรงข้ามของถนน…รั้วกันรอบต้นไม้ใหญ่ยังไม่ได้เอาออก
ฟ้ายังมืดครึ้มเหมือนฝนจะตก ใกล้จะถึงหกโมงเย็นแล้ว…เขาเดินอยู่อย่างนี้เกือบครึ่งวัน
“ที่แท้ก็ยังไม่ได้ตัด…” เซวียเซ่ามองต้นไม้แห่งความปรารถนาฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนจะไม่มีร่มเงาเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว มีเพียงใบไม้สีเหลืองกับใบเหี่ยวเล็กน้อยที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้แตกแห้งสีดำ
เซวียเซ่ารู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
เขาวิ่งไปฝั่งตรงกันข้าม ไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะตกใจอย่างไร เขาเริ่มเปิดกระเบื้องทางเดินใต้ต้นไม้ ขุดดิน เอาป้ายขอพรที่ฝังอยู่ที่นี่ออกมาอีกครั้ง
เขาปัดดินออกจากกล่อง และเปิดมันอีกครั้ง มองป้ายของพร ทันใดนั้นก็วิ่งไป
‘สวี่เจียอี้ ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป’
‘สวี่เจียอี้ เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอะไร…มหาวิทยาลัยไหน คะแนนสูงจัง แต่ฉันจะลองดู ฉันจะต้องสอบติดแน่นอน’
ฉันอยากรู้แค่ว่า…เธอที่ฉันเคยอยู่ด้วยนั้นเป็นใครกันแน่
ฉันไม่อยาก…มึนงงสับสนจนไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าคนที่ตนเองเคยรักนั้นเป็นใคร…ฉันไม่อยากจดจำเธอไม่ได้ในตอนแก่
…
ติ๊ง
เสียงกระดิ่งดังขึ้น เซวียเซ่าผลักเปิดประตูที่ดูเก่าแก่บานนั้น ยืนหอบหายใจอยู่ในห้องโถง…ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะหาสถานที่แห่งนี้เจอเร็วกว่าเดิมเสียอีก
ดูเหมือนเจ้าของสมาคมจะตกใจเล็กน้อย เขาค่อยๆ วางหนังสือในมือลง เงยหน้าขึ้น “คุณลูกค้ามีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
เซวียเซ่าส่ายหน้า ควบคุมลมหายใจของตนเองพร้อมเดินเข้าไปหาเจ้าของสมาคมลั่ว…ถ้าทุกคนล้วนแต่ไม่รู้คำตอบ เช่นนั้นเจ้าของสมาคมคนนี้ต้องรู้แน่
ถ้าทุกคนล้วนแต่ให้คำตอบเขาไม่ได้ อย่างนั้นเจ้าของสมาคมลึกลับผู้นี้จะต้องตอบเขาได้อย่างแน่นอน
“ที่คุณทำให้ผมได้พบนั้นไม่ใช่สวี่เจียอี้ตัวจริง ใช่ไหม”
เจ้าของสมาคมลั่วพูดว่า “คุณลูกค้า เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไร เพราะคำขอของคุณก็คือต้องการพบเด็กสาวที่เป็นรักแรกคนนั้น ไม่ใช่เหรอ”
“ผมแค่อยากรู้คำตอบเท่านั้น” เซวียเซ่าพูดเสียงเข้ม “คำตอบที่แท้จริง”
ลั่วชิวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนยืนขึ้นมา เดินไปตรงหน้าของเซวียเซ่า…นี่ทำให้เซวียเซ่าถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ลั่วชิวหยุดเดินไม่ได้เข้าไปใกล้อีก แต่พูดเบาๆ ว่า “อย่างนั้นครั้งนี้คุณต้องการซื้อคำตอบนี้งั้นเหรอครับ”
เมื่อลั่วชิวเห็นท่าทางของเซวียเซ่าแล้วก็พูดว่า “ผมจำได้ว่าคุณลูกค้าเคยพูดว่าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ไปทำลายสิ่งใดๆ ในอนาคตของคุณและภรรยาของคุณ เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นอายุของคุณ ความแข็งแรงหรือว่าอารมณ์ความรู้สึกใดๆ คุณก็ไม่สามารถนำมาใช้แลกเปลี่ยนได้ ใช่ไหม”
เซวียเซ่ายังคงไม่พูดจา เจ้าของสมาคมลั่วพูดเบาๆ ว่า “อย่างนั้นคุณยังยินดีที่จะทำลายการตัดสินใจของคุณเพื่อได้รู้คำตอบนี้อีกหรือ เพื่อคำตอบที่เป็นอดีตไปแล้ว กับอนาคตของตัวเอง…คุณจะเลือกอะไร”
เป็นทางเลือกที่ยากและเจ็บปวดมาก
เหมือนกับนำเด็กสาวคนนั้นกับวั่นจื่อซานมาวางอยู่ตรงหน้าและให้เขาเลือกคนหนึ่ง
ยากมาก
เขากำป้ายของพรในมือแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ผมยังมีของที่ขายได้ อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อของในอนาคตด้วย…ความทรงจำที่มีความสุขในวัยเด็กทั้งหมด ผมไม่เชื่อว่ามันจะมีค่าไม่พอที่จะใช้แลกกับคำตอบแค่คำตอบเดียว”
“สูญเสียความทรงจำที่มีความสุขในวัยเด็กทั้งหมด ต่อไปจะจำไม่ได้อีก ไม่รู้สึกว่าน่าเสียดายเกินไปเหรอ” เจ้าของสมาคมถามอย่างแปลกใจ
เซวียเซ่าพูดว่า “ความทรงจำแห่งความสุขสามารถสร้างขึ้นได้ใหม่…ผมเชื่อว่าตัวเองทำได้ แต่คำตอบนี้ผมจะต้องรู้ให้ได้ ถ้าไม่รู้…ผมก็ไม่สามารถไปเผชิญหน้ากับวั่นจื่อซานได้อีก”
“ไม่เสียแรงที่เป็นคนทำงานแล้ว คิดได้อย่างละเอียดรอบคอบจริงๆ” เจ้าของสมาคมลั่วยิ้ม “อย่างนั้น…สัญญาเป็นผลสำเร็จ คุณลูกค้า มากับผมเถอะ”
“ตามคุณ…”
เซวียเซ่ายังพูดไม่จบก็เก็บคำพูดที่คิดจะพูดกลับไป…เพราะเขาไม่ได้อยู่ในร้านแห่งนั้นอีกแล้ว เขามาอยู่บนถนน
“ที่นี่คือ…” เซวียเซ่ามองทุกอย่างบนถนน “ทำไมถึงพาผมมาที่นี่”
ร้านขายชุดแต่งงาน…ต้นไม้แห่งความปรารถนา…ใต้ต้นไม้
“ที่นี่ก็คือคำตอบที่คุณลูกค้าต้องการ” เจ้าของสมาคมลั่วชี้ไปที่ต้นไม้แห่งความปรารถนา “เชิญวางมือของคุณลงบนมัน ผมจะทำให้คุณรู้คำตอบ”
เซวียเซ่าไม่สามารถทำให้ตนเองไม่เชื่อในคำพูดของเจ้าของสมาคมผู้นี้ได้ เขาค่อยๆ วางมือลงไปบนต้นไม้ที่เต็มไปด้วยรอยแตก
โปรดมอบคำตอบให้ฉันด้วย