GGS:บทที่ 861 ความเคลื่อนไหวในวงการดอกไม้ไฟ

 

เย็นวันนั้นเผิงเหวินซู่ที่กำลังนั่งอยู่ภายในสำนักงานของบริษัทดอกไม้ไฟหลิวหยางนั้นได้พยายามทำการสงบจิตในให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่ใจเขาเองก็ยังคงจำภาพของดอกไม้ไฟเวทมนต์ที่เขาเห็นได้แบบจำฝังใจ ตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงเรียกจะเลขานุการสาวสวยของเขาได้พูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าคะ อาเฉียงได้นำเอาดอกไม้ไฟเวทย์มนต์กลับมาตามคำสั่งได้แล้วค่ะ”

“เยี่ยม” เผิงเหวินซู่ได้เดินออกไปอย่างรวดเร็ว เขานั้นได้ตรงไปยังพื้นที่ผลิตดอกไม้ไฟในทันทีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องของเขาสักเท่าไหร่นัก

ในตอนนี้เหล่ากรรมการของบริษัทเองก็ได้เข้ามายืนรอกันอยู่ก่อนแล้ว จากตรงนี้เขาได้เห็นชายหนุ่มหลายๆคนเดินออกมาจากรถบรรทุก

มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่อุ้มลังดอกไม้ไฟทรงแปลกตาเอาไว้ในอกของตัวเองเท่านั้น เผิงเหวินซู่เห็นแล้วถึงกับขมวดคิ้วก่อนที่จะถามออกไปว่า “ไม่ใช่ว่าฉันให้เงินพวกนายไปหนึ่งแสนหยวนเพื่อซื้อดอกไม้ไฟมาหรอกเหรอ แล้วทำไมถึงได้กลับมาแค่นี้ล่ะ หรือว่ามันขายดีจนหมดสต็อคไปแล้ว”

“เอ่อ หัวหน้าครับ เงินหนึ่งแสนหยวนนั่น พวกผมเอาไปซื้อดอกไม้ไฟเวทมนต์จนหมดนั่นแหล่ะ แต่พวกผมได้มาแค่นี้เอง นี่ครับใบเสร็จ” ชายวัยกลางคนที่เดินตามทีหลังพูดออกมาก่อนที่จะยื่นใบเสร็จให้

เมื่อเผิงเหวินซู่ได้ยินดังนั้น เขารีบคว้าใบเสร็จไปดูในทันทีพร้อมทั้งสายตาที่ไม่เชื่ออย่างแรงกล้า แต่ทันทีที่เห็นราคาของดอกไม้ไฟเวทย์มนต์แล้ว ตาของเขาเองก็แทบจะถลนออกมา

นั่นก็เพราะดอกไม้ไฟเวทย์มนต์พวกนี้นั้นแพงมาก แค่มังกรไฟนั่นตัวเดียวก็มีราคาปาเข้าไปถึงห้าพันหยวนเข้าไปแล้ว ราคาขนาดนี้ทำไมซูจิ้งไม่ปล้นพวกเขาไปซะเลยกัน

 

ถ้าพูดกันตรงๆแล้ว ดอกไม้ไฟที่มีราคาแพงขนาดนี้ ความจริงแล้วไม่สมควรจะขายได้แม้แต่ชิ้นเดียว และลูกค้าเองก็ไม่สมควรบ้าจี้ซื้อไปแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เจ้ามังกรไฟตัวนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากจนเรียกได้ว่าออร์เดอร์ล้นยันปีหน้า ต่อให้มีการขยายกำลังการผลิตแล้วก็ไม่มีทางที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เลย

บางคนถึงกับยกเลิกการแต่งงานจนกว่าจะได้ดอกไม้ไฟมังกรตัวนี้ เพราะคนทั้งคู่ยากสร้างความครื้นเครงและสร้างความประหลาดใจให้กับแขกเหลื่อในงาน

ถึงแม้บางคนจะไม่ได้วางแผนแต่งงาน หรือแม้แต่การจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง แต่หลายๆคนก็อยากจะสัมผัสคามรู้สึกที่ได้เห็นมังกรไฟบินโฉบหัวสักครั้งในชีวิตเหมือนกัน ราคา ห้าพันหยวนนี้ สำหรับคนรวยแล้วไม่ได้มีค่าอะไรเลย

 

แน่นอนว่าดอกไม้ไฟเวทย์มนต์รุปแบบก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน อย่างเช่นดอกไม้ไฟรูปผีเสื้อ ดอกไม้ไฟฝนดาวตก มีกระทั่งดอกไม้ไฟชนิดอื่นที่ทรงพลังและอลังการยิ่งกว่า

บอกได้เลยว่าต่อให้ดอกไม้ไฟของซูจิ้งนั้นไม่มียี่ห้อ แต่เขาก็ยังได้รับออร์เดอร์จากลูกค้ามหาศาลอยู่ดี

 

ตอนนี้กลายเป็นว่าดอกไม้ไฟเวทย์มนต์ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามแทบจะในชั่วข้ามคืน

หากงานแสดงดอกไม้ไฟที่ไหนไม่มีดอกไม้ไฟของซูจิ้งอยู่ในงาน งานดอกไม้ไฟนั้นแทบจะบอกได้ว่าไม่มีคนอยากเข้าร่วมเลยแม้เพียงสักคนเดียว

ความจริงแล้วสาเหตุหลักๆก็ไม่ได้มาจากดอกไม้ไฟของซูจิ้งเพียงอย่างเดียว แต่มาจากเรื่องที่เผิงเหวินซู่ได้ออกตัวแรงในวีดิโอก่อนหน้านี้จนทำให้หลายๆคนมองคนในวงการดอกไม้ไฟเหล่านี้ไม่ดีเลยสักนิด

ถึงแม้ว่าเผิงเหวินซู่จะรีบออกมาแก้ตัวแล้วก็ตาม แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องที่เขาก่อไว้ไม่สามารถก้าวถอยหลังกลับได้อีกต่อไปแล้ว

เขาจึงเลือกที่จะให้คนของตัวเองไปซื้อดอกไม้ไฟเวทย์มนต์กลับมา เพื่อที่จะได้ตีแผ่วิธีการให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยว่าดอกไม้ไฟที่สุดแสนจะอลังการของซูจิ้งนั้นมีเคล็ดลับที่ตรงไหนกันแน่

“เหอะ เริ่มวิเคราะห์จากเจ้ามังกรไฟนี่ก่อนเลยแล้วกัน แล้วก็เอาดอกไม้ไฟอันอื่นแยกไว้ห้องอื่นไปก่อน” เผิงเหวินซู่สั่งออกมา

“ครับหัวหน้า” เมื่อได้ยินชื่อเสียงของดอกไม้เวทย์มนต์พวกนี้ หญิงสาวเลขาฯหน้าห้องที่อยู่ข้างๆกับคนอื่นๆก็ถึงกับตาเป็นประกายในทันที

พวกเขาเองก็ล้วนแล้วตาได้เห็นวีดิโอดอกไม้ไฟนี้กันมาหมดครบทุกคนแล้ว แต่พวกเขานั้นยังไม่เคยเห็นดอกไม้ไฟนี้ด้วยตาของตัวเองเลยสักครั้ง แต่ด้วยการที่ดอกไม้นี้เป็นคู่แข่งของพวกเขาผลิตจึงไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีอะไรออกมา

 

เมื่อทุกคนได้ไปถึงลานทดสอบดอกไม้ไฟ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ทำการจุดดอกไม้ไฟมังกรขึ้นในทันที หลังจากชนวนได้ลุกไหม้และลุกลามอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นดอกไม้ไฟก็ได้พุ่งขึ้นไปบนฟ้า กลายร่างเป็นมังกรไฟและดำดิ่งลงมาให้ทุกคนตื่นเต้นเล่น ก่อนที่จะพุ่งทะยานจนหายไป

ทุกคนที่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองกันไปหมดแล้ว ในตอนนี้พวกเขาตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตอนที่ดูวีดิโอก่อนหน้านี้เสียอีก

มีชายหนุ่มคนหนึ่งตื่นเต้นมากจนแสดงท่าทางโห่ร้องออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่เขาก็ต้องเงียบปากลงในทันทีที่เห็นว่าเผิงเหวินซู่จ้องมองที่เขาอย่างตาเขม็ง แต่คนอื่นๆนั้นกลับหันไปมองยังฮัวหลงราวกับเฝ้ารอคำตอบเอาไว้ในใจ

“ฉันบอกได้เพียงว่าช่างเป็นดอกไม้ไฟที่ท้าทายสวรรค์เสียจริง” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดออกมาพลางถอนหายใจ

“ขอพูดตรงๆนะ ดอกไม้ไฟแบบนี้ต่อให้เป็นฉันเองต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ยังอยากจะทำได้” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง

 

เมื่อเห็นกับตาตัวเองในตอนนี้ เหล่านักวิจัยทั้งหลายของเผิงเหวินซู่ต่างก็หมดอาลัยตายอยากกันไปหมด

ไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นไม่ต้องการเทียบเคียง หรือไม่อิจฉาจนไม่ยอมหาหนทางสู้แต่อย่างใด

แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาสัมผัสได้ในทันทีที่เห็นดอกไม้ไฟพวกนี้ว่าเกินกว่าความรู้ความสามารถของพวกตนที่จะเรียนรู้และอธิบายได้อย่างแน่นอน

เพียงแค่เห็นดอกไม้ไฟของซูจิ้งพวกเขาก็รู้ในทันทีว่าดอกไม้ไฟที่เขามีช่างเกรดต่ำตมเรี่ยดินจริงๆ

“พวกเราต้องทำมันให้ได้ ถ้าคนอื่นทำดอกไม้ไฟแบบนี้ได้ พวกเราเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน” เผิงเหวินซู่พยายามปลุกใจลูกน้อยของเขา และออกคำสั่งให้นักวิจัยทุกคนทำการวิจัยดอกไม้ไฟของซูจิ้งในทันที โดยใช้กำลังคนทั้งหมด

เพียงไม่นานหลังจากเริ่มหาคำตอบ พวกเขาก็เริ่มหาเบาะแสได้ จนในที่สุดเมื่อรู้คำตอบแล้ว นักวิจัยทุกคนต่างก็ตกใจจนได้แต่มองหน้ากัน ก่อนที่มีหนึ่งในนั้นพูดออกมาว่า “พระเจ้า กลายเป็นว่าลวดลายเหล่านั้นมาจากตัวจุดชนวนภายใน ทำไมฉันถึงนึกไม่ถึงกันนะ”

“แล้ววว…พวกเราพอจะทำมันได้รึเปล่า” เผิงเหวินซู่ได้ถามออกมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย

“ก็น่าจะเป็นไปได้นะ แต่ปัญหาคือพวกเรานั้นทำแบบนั้นได้ด้วยหรอ” นักวิจัยถามออกมา

“เอาน่า ยังฉันก็ไม่ถึงกับจะก็อบออกมาเป๊ะๆสักหน่อย ของแบบนี้ก็แค่ทำวิธีคล้ายๆกัน

แต่ใช้หลักการเดียวกัน เปลี่ยนตรงลวดลายเอาก็พอถูพอไถได้ล่ะน่า แค่นั้นเราก็บอกไปว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แล้ว” เผิงเหวินซู่พูดออกมา

“งั้นพวกเราจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” เหล่านักวิจัยต่างพากันพยักหน้ารับ และตอนนี้พวกเขาเองก็ต่างเพ้อและตื่นเต้นจนคิดไปไกลเรียบร้อยแล้ว

พวกเขาจินตนาการออกมาได้ในทันทีเลยว่ารูปร่างที่ออกมาของดอกไม้ไฟจะตะลึงพรึงเพลิดขนาดไหน

 

อย่างไรก็ตามกว่าพวกเขาจะรู้ตัวว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นง่ายกว่าทำ

ตอนนี้พวกเขานั้นเปรียบได้ดั่งนักคณิตศาสตร์ที่ต้องไปแก้โจทย์วิทยาศาสตร์กายภาพยังไงอย่างนั้น

เอาจริงๆเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ แต่ประเด็นคือต้องใช้วิธีการไหนมากกว่า

หากจะทำความเข้าใจในวิธีการสร้างดอกไม้ไฟนี้จำเป็นต้องย้อนกลับไปยังผู้คิดค้น นั่นก็คือแกนดลอฟ

 

ใครคือแกนดลอฟกันล่ะ แกนดลอฟมีชีวิตอยู่ในห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริง เขานั้นมีตัวตนมิดเดิ้ลเอิร์ธในช่วงที่สามแห่งยุคสมัย หากนับเป็นปีก็คือปีที่ 1000 และเขาได้จากไปในปี 3021 ของช่วงสามแห่งยุคสมัยเช่นเดียวกัน

ความจริงเขานั้นไม่ได้ถูกยึดติดอยู่กับที่มิดเดิ้ลเอิร์ธด้วยกาลเวลา นั่นทำให้เขานั้นเป็นบุคคลที่อยู่เหนือกาลเวลา

บางครั้งก็มีคนเรียกเขาในนามว่าครึ่งเทพ เขาสามารถสร้างสรรค์ดอกไม้ไฟเวทย์มนต์ได้ตามแต่ใจของเขาปรารถนา ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เขาเรียนรู้มานับแรมปี มีหรือที่คนบนโลกนี้จะสามารถเทียบกับเขาได้

มนุษย์นั้นเต็มที่ก็ทำได้เพียงแค่ลอกเลียนแบบเท่านั้น ต้องขอบคุณเรื่องนี้จริงๆที่ทำให้ซูจิ้งไม่จำเป็นต้องเก็บงำความลับการผลิตดอกไม้ไฟสุดวิเศษของเขาเอาไว้

 

หลังจากศึกษาแทบเป็นแทบตายไปสามวันแล้ว เหล่านักวิจัยก็ยังไม่สามารถหาวิธีที่จะพัฒนาดอกไม้ไฟตัวนี้ให้ดีกว่าของซูจิ้งได้

นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าเป็นคนละชิ้นกับดอกไม้ไฟเหล่านี้ได้

เอาจริงๆต่อให้ลดทอนให้คุณภาพแย่ลงไปพวกเขาเองก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน

นั่นก็เพราะว่าหากพวกเขาทำผิดแบบไปแม้แต่น้อย ดินระเบิดภายในก็จะไม่สมดุล สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือดอกไม้ไฟจะกลายเป็นดอกไม้ไฟธรรมดาแค่นั้นเอง

 

เผิงเหวินซู่และสุดยอดผุ้จัดการของเขาที่ในตอนแรกรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจในวันแรกที่ได้ดอกไม้ไฟพวกนี้มา

ตั้งแต่ผ่านการวิจัยในวันที่สองความรู้สึกของเขาเริ่มอ่อนล้าลง จวบจนในวันที่สามพวกเขายกธงขาวยอมแพ้ในทันที

ความคิดที่ว่าจะพัฒนาดอกไม้ไฟพวกนี้ให้ดีกว่าซูจิ้งตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงความฝันแบบลมๆแล้งๆเท่านั้น

ในขณะเดียวกันเหล่าบริษัทดอกไม้ไฟอื่นๆเองก็มีความคิดไม่ต่างไปจากเผิงเหวินซู่ พวกเขาได้ไปซื้อดอกไม้ไฟมา วิจัย และเลิกล้มโครงการไปในไม่ช้า นี่เป็นการกาฬันตีได้ว่าจะไม่มีดอกไม้ไฟที่ดีกว่านี้ที่ถูกคิดค้นโดยบริษัทอื่นนอกจากพวกซูจิ้งออกมาในท้องตลอดได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงยี่สิบ-สามสิบปีนี้

 

ซูจิ้งเองในตอนนี้มีความสุขแบบหน้าชื่นตาบาน นั่นก็เพราะว่าค่าการใช้ประโยชน์ที่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศของเขาหรือก็คือฉิงหยุนนั้นได้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วและยังไม่มีท่าทีจะหยุดยั้ง

“ค่าการใช้ประโยชน์อยู่ที่ หนึ่งหมื่นหน่วย และยังคงเพิ่มขึ้นรวดเรื่อยๆ แถมยังพุ่งเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

เหตุผลก็เพราะว่าได้แรงหนุนจากเหตการณ์อย่างอื่นมาช่วยหนุน เหตุการณ์หลักๆที่ช่วยหนุนในครั้งนี้ได้แก่ เพลงหมัดออกกำลังกายยามเช้า เพลงหลงลืมแอ่งน้ำน้อยในบึงใหญ่ ดอกไม้ไฟเวทย์มนต์

ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ทำให้เกิดผลกระทบด้านดีอย่างมหาศาล ด้วยการที่เพลงหมัดออกกำลังกายยามเช้า และเพลงหลงลืมแอ่งน้ำน้อยในบึงใหญ่ได้ถูกทำให้ใช้ในโรงเรียนทั่วทั้งดินแดนนี้

ผลที่เหล่านักเรียนได้รับนั้นถือได้ว่าส่งผลกระทบที่ดีในระยะยาวต่อสภาพแวดล้อมบนโลกมนุษย์

รวมถึงดอกไม้ไฟเวทย์มนต์ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและความคิดสร้างสรรค์ต่อโลกนี้ในอนาคตอย่างดี…” ฉิงหยุนได้ร่ายยาวออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ซูจิ้งเองก็ไม่ได้คิดจะห้ามเพราะเขาถือว่าเป็นการเรียนรู้วิธีการคำนวนค่าการใช้ประโยชน์นี้ไปในตัว

 

ในขณะที่ซูจิ้งกำลังฟังฉิงหยุนเพลินนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้น เหมือนซูจิ้งหันไปมองก็เห็นเป็นหวังจ้าวโทรมาเขาจึงรีบรับในทันที

หวังจ้าวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกมาว่าตื่นเต้นสุดๆว่า “อาจิ้ง ดอกไม้ไฟเวทย์มนต์ของนายโคตรได้รับความนิยมเลย ตอนนี้เกือบทั้งโลกบ้ากันไปหมดแล้ว”