บทที่ 7 บทที่ 13-3 ชั่วชีวิตนี้จะไม่

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ที่ส่งถึงแล้วนั้นไม่ใช่เพียงคำตอบแค่คำตอบหนึ่ง แต่เป็นชีวิตนี้ของเธอ ชีวิตนี้ของสวี่ซิน…ความทรงจำทุกอย่างของเธอ ความรู้สึกทุกอย่างของเธอ ความเจ็บปวดและทรมานทั้งหมดของเธอ

 

 

ความสุขของเธอ

 

 

เซวียเซ่าพบว่าเมื่อตนเองได้สติขึ้นมาอีกครั้งนั้น บนใบหน้ามีน้ำตาสองสายไหลลง หลังจากค้นพบคำตอบแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจโดนมีดแทงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

 

 

เธอพูดว่าเธอเหงา มีดเล่มที่หนึ่งแทงลงไป

 

 

เธอพูดว่าเขาเป็นเด็กดื้อ แทงลงไปอีกเล่ม

 

 

เธอพูดว่าวันนี้เขาไม่มา ไม่มีความสุข แทงลงไปอีกเล่ม

 

 

เธอพูดว่า ได้พบนายอีกครั้งแล้ว แทงลงไปอีกเล่ม

 

 

เซวียเซ่ารู้สึกเหมือนว่าหัวใจของตนเองเป็นตะแกรงร่อนที่มีรูอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเต้นยังไงก็ไม่สามารถส่งมอบสายเลือดที่อบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกายได้

 

 

มีคนคนหนึ่ง…แม้จะไม่ใช่คน เป็นจิตวิญญาณต้นไม้

 

 

จิตวิญญาณต้นไม้แบบนั้นเฝ้าคุ้มครองอยู่ข้างกายเงียบๆ มาโดยตลอด อยู่เป็นเพื่อนเขาจนเติบโต ผ่านความทุกข์และความสุขเป็นเพื่อนเขา

 

 

 “เธอโง่จริงๆ…เพื่อฉันแล้ว มันคุ้มค่างั้นเหรอ”

 

 

ดวงตาของเขาแดงก่ำ น้ำเสียงแหบพร่า “คุ้มค่างั้นเหรอ…ฉันยอม ยอมให้ตัวเองหายไปจากชีวิตของเธอดีกว่าให้เธอตาย…”

 

 

ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดทำให้ความคิดของเขาแตกสลาย ทำให้เขาลืมทุกอย่างที่สำคัญสำหรับตนเอง เขามองเจ้าของสมาคมสวมหน้ากากคนนั้นอย่างเจ็บปวดและสิ้นหวัง พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า “บอกผมมาว่าผมสามารถทำให้สวี่ซินกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนได้ บอกผมมา คุณอยากจะเอาอะไรของผม…อะไรก็ได้ อะไรก็ได้ อะไรก็ได้ ผมไม่อยาก…ไม่อยากให้เธอตาย”

 

 

เขาคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาหยดลงมา “ผมวางไม่ลงมาสิบเอ็ดปีแล้ว สิบเอ็ดปี…แต่ผมกลับไม่รู้ว่าเธอคือสวี่ซิน…ไม่รู้ว่าเธอทำสิ่งเหล่านี้ให้ผมลับหลัง…ทำไมไม่บอกฉัน อะไรคือมนุษย์และปีศาจอยู่คนละเส้นทาง ผมรู้เพียงว่าผมทำร้ายเธอ ทำร้ายเธอที่เฝ้าคุ้มครองผมเงียบๆ และเสียสละเพื่อผมมาโดยตลอด…ชีวิตของผม วิญญาณของผม อะไรก็ได้ อะไรก็ได้”

 

 

 “อืม…” ทันใดนั้นลั่วชิวก็พูดขึ้นว่า “คุณลูกค้า คุณไม่สนใจคู่หมั้นของคุณแล้วงั้นหรือ”

 

 

เซวียเซ่าเงยหน้าขึ้นและถามกลับว่า “หากเปลี่ยนเป็นผม คุณจะเลือกยังไง คนหนึ่งที่รักคุณมากเสียสละทุกอย่างให้คุณ…คนหนึ่งที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต หากเปลี่ยนคุณเป็นผม คุณจะเลือกยังไง คุณบอกผมที”

 

 

 “ต้องขอโทษด้วย สำหรับเรื่องนี้ผมไม่สามารถเข้าใจได้” ลั่วชิวส่ายหน้า

 

 

เซวียเซ่าพูดอย่างโศกเศร้าว่า “ผมไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ได้ ผมไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไปชั่วชีวิตได้…ความเจ็บปวดและทรมานนี้สลักลึกอยู่ในใจ และจะกลืนกินผมทีละนิดตามกาลเวลา แบบนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับจื่อซาน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยุติธรรมสำหรับเธออยู่ดี…ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรตามหาความฝันในอดีต…ไม่ ไม่ ถ้าหากผมไม่ตามหามัน ผมก็จะไม่รู้ทุกอย่างนี้ ผมคงไม่รู้ว่าสวี่ซินทำทุกอย่างนี้ให้ผม”

 

 

เขามองลั่วชิว ร้องไห้และพูดว่า “สำหรับเธอแล้วสิ่งนี้ถึงจะโหดเหี้ยมที่สุด โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเรื่องใดๆ ดังนั้น…ผมจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองหากไม่ทำอะไรเลย ยิ่งจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองหากทำเป็นไม่รู้เรื่องและใช้ชีวิตต่อไป…ผมไม่สามารถทำร้ายคนที่ผมรักทั้งสองคนพร้อมกันได้”

 

 

 “ผมเข้าใจแล้ว”

 

 

ลั่วชิวพยักหน้า “งั้นก็พูดถึงรายละเอียดเถอะ…คุณลูกค้า สวี่ซินเป็นจิตวิญญาณต้นไม้ที่เกิดจากธรรมชาติ คุณค่าที่มีไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถเปรียบเทียบได้ ดังนั้นเกรงว่าแม้คุณจะยอมเสียทุกอย่างก็ต่อชีวิตเธอได้ไม่นาน”

 

 

 “นานแค่ไหน”

 

 

 “สามสิบปี”

 

 

 “สามสิบปี…สามสิบปี…” เซวียเซ่าพยายามควบคุมขาให้ยืนขึ้น “มีเวลาสามสิบปี บางทีเธออาจหาใต้เท้าหลงคนนั้นพบก็ได้ บางทีอาจจะทำให้เธอมีโอกาสมากขึ้น…สามสิบปี เธออยู่กับฉันมาสามสิบปี ฉันก็จะชดใช้ให้เธอสามสิบปี สวี่ซิน ฉันจะไม่ยอมให้เธอตายไปแบบนี้ เจ้าของสมาคม การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ผม…”

 

 

อย่านะ

 

 

 

 

 “อย่านะ!”

 

 

มีคนพุ่งเข้ามาทางด้านหลังเขา กอดเขาจากข้างหลังแน่น “อย่านะ เซวียเซ่า…อย่า ฉันไม่ต้องการ”

 

 

 “สวี่ซิน เป็นเธอ”

 

 

เซวียเซ่าพยายามหันตัวไป เขามองเห็นแค่เพียงสองมือที่อยู่บนหน้าอกเขา…จางๆ แสงกระจายออกเหมือนสามารถหายไปได้ตลอดเวลา

 

 

 “อย่าหันมา ฉันขอร้องล่ะ อย่าหันมา”

 

 

 “ทำไม หรือเธอยังไม่ยอมให้ฉันมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของเธออีก”

 

 

 “ไม่ ไม่เอา นายรู้ว่าฉันเอาแต่ใจ ถ้านายหันกลับมา ฉันจะไม่ออกมาอีก”

 

 

เซวียเซ่าจับมือที่อยู่หน้าอกของเขาเบาๆ และพยักหน้า เขาพบว่าเจ้าของสมาคมคนนั้นหายไปแล้ว…ดูเหมือนเขาจะให้เวลาเล็กน้อยแก่เขาและเธอ

 

 

กอดกันนานมาก…เหมือนกับไม่มีคนบนถนนสายยาวนี้

 

 

แต่เขาก็ไม่สนใจ หวังเพียงแค่เวลาสามารถยืดยาวออกไปได้อีก

 

 

 “สวี่ซิน…ในที่สุดฉันก็ได้รู้จักชื่อของเธอ”

 

 

 “ใช่ ชื่อของฉัน”

 

 

 “อีกไม่นาน เธอก็จะฟื้นฟูกลับมา อีกไม่นาน”

 

 

ทันใดนั้นมือคู่นั้นก็ปล่อยมือของเขา สุดท้ายก็ปิดปากของเขาไว้

 

 

เขารู้สึกว่าเธอกอดเขาแน่นขึ้นและได้ยินเสียงอันเจ็บปวดของเธอ

 

 

 “ฉันจะฆ่าตัวตาย ฉันจะทำ”

 

 

เซวียเซ่าตัวแข็งทื่อ

 

 

 “ฉันจะทำจริงๆ นะ”

 

 

เซวียเซ่าห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

 

 

ทำไมยังสามารถพูดอย่างผ่อนคลายแบบนั้นได้อีก…

 

 

 “ตอนนี้คิดดูแล้วก็ไม่ยุติธรรมเลย ฉันทำอะไรให้นายตั้งเยอะ ดูเหมือนนายจะไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเลย น่าเกลียดจริงๆ”

 

 

ทำไม…ทำไมยังสามารถพูดอย่างผ่อนคลายแบบนั้นได้อีก…ทำไม

 

 

 “เซวียเซ่า ทำอะไรบางอย่างให้ฉันจะได้ไหม”

 

 

เขาดึงมือของเธอที่ปิดปากเขาอยู่ออก รู้ดีกว่าใครว่าเธอต้องการให้เขาทำอะไร

 

 

 “ไม่เอา ฉันไม่ยอม”

 

 

 “เธออยากให้ฉัน…จากไปพร้อมกับความเสียใจงั้นเหรอ”

 

 

 “ฉันไม่ต้องการ…ฉันไม่ต้องการ เจ้าของสมาคม ตอนนี้คุณ…”

 

 

มือนั้นปิดปากของเขาเบาๆ อีกครั้ง

 

 

 “เซวียเซ่า ฉันร้องไห้แล้ว ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่…นายรู้ไหม ตอนนี้ฉันสามารถฆ่าตัวตายได้…นาย…จะไม่ยอมจริงๆ งั้นเหรอ”

 

 

ทำไม ถึงสุดท้ายแล้ว ยังต้องทำให้ฉัน…หมดทางเลือกและสิ้นไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้อีก เธอโหดเหี้ยมกับฉันจริงๆ รู้ไหม สวี่ซิน

 

 

 “นายยอมตกลงกับฉันหรือยัง”

 

 

เซวียเซ่าสะอื้นส่งเสียงตกลงเบาๆ

 

 

 “เหมือนไม่มีความจริงใจเลยนะ”

 

 

เซวียเซ่าพยักหน้าและตอบเสียงหนักแน่น

 

 

 “งั้น…” เธอวางมือลง โอบแขนรอบหน้าอกของเขาอย่างอ่อนโยน แนบใบหน้าบนบ่าของเขาและพูดเบาๆ ว่า “หยุดคิดถึงฉัน กลับไปใช้ชีวิตเดิมของนาย”

 

 

เซวียเซ่ากำหมัด ร่างกายสั่นสะท้าน “นี่…คือความปรารถนาสุดท้ายของเธองั้นเหรอ”

 

 

 “ใช่แล้ว”

 

 

 “ฉัน…” เซวียเซ่าพูดว่า “ฉัน…ฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อสวี่ซิน ตอนมัธยมฉันแอบรักเพียงสวี่เจียอี้…แต่เธอแต่งงานมีลูกแล้ว ฉันอกหัก…ฉัน…ฉันไม่รู้จักสวี่ซิน…ดีไหม”

 

 

 “ดี”

 

 

 “ฉันไม่รู้จักสวี่ซิน ตอนนี้ฉันรักคนเพียงคนเดียว เธอก็คือคู่หมั้นของฉัน พวกเราใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ดี…ดีไหม”

 

 

 “ดี…แล้ว”

 

 

 “ฉันไม่รู้จักสวี่ซิน…ต่อไป…ต่อไปฉันจะพูดถึงเรื่องราวความรักของฉันกับแม่ของเขาให้ลูกฟัง…ดี ดี…ดีไหม…”

 

 

 “ดี…ดี ดีแล้ว”

 

 

 “ฉันไม่รู้จักสวี่ซิน…ต่อไป…ต่อไปฉันจะไม่…ไม่เดินผ่านที่นี่อีก…ไม่อีกแล้ว…ดีไหม”

 

 

 “ดีแล้ว…”

 

 

มือค่อยๆ จางลง แรงกอดนั้นก็เบาลงเรื่อยๆ และหายไป

 

 

คำว่า…ดีแล้วยังก้องในหู

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบเซวียเซ่าไม่ได้เห็นเด็กสาวจริงๆ เลยสักแวบเดียว…เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม้เขาจะรู้ว่าไม่มีใครกอดเขาอีกแล้วก็ตาม

 

 

เขาขุดกระเบื้องใต้ต้นไม้อีกครั้ง ฝังกล่องในมือในใต้ดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นั่งลงใต้ต้นไม้และพิงมัน

 

 

 “สัญญานี้ ฉันจะจดจำไปชั่วชีวิต…สวี่ซิน”

 

 

เขานั่งพิงต้นไม้อยู่แบบนั้นและหลับไป

 

 

แสงสว่างเรืองรองเริ่มแผ่กระจายไปบนต้นไม้แห่งความปรารถนาขยายออกจากตัวเซวียเซ่า ทันใดนั้นสีเหลืองที่เหลือบนต้นไม้ก็กระจายไปพร้อมกัน

 

 

แต่ละกลีบของพวกมันเป็นเหมือนกับมือของเด็กสาว ปกคลุมเบาๆ บนตัวของผู้ชายที่กำลังหลับใหล

 

 

คลุมทีละชั้น ทีละชั้น เหมือนผ้าห่ม

 

 

จนกระทั่งใบสีเหลืองใบสุดท้าย

 

 

เมื่อแสงเรืองรองหายไปก็เป็นเหมือนกับหิ่งห้อยฤดูร้อนที่สลัดลงมาจากบนต้นไม้ ค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นเงาร่างร่างหนึ่ง

 

 

เงาร่างของเด็กสาว

 

 

 “เจ้าของสมาคม ออกมาได้ไหม” เธอร้องเรียกเบาๆ

 

 

 

 

 “มีเรื่องอะไรให้ช่วยไหมครับ คุณสวี่ซิน”

 

 

 “ลึกลับจริงๆ แค่เรียกก็มาแล้ว” เธอที่เป็นจิตวิญญาณต้นไม้ลืมตากว้างขึ้นและพูดว่า “โธ่เอ๊ย ถ้าฉันพบนายก่อน อาจจะไม่แย่ขนาดนี้”

 

 

ลั่วชิวพบว่าคุณหนูจิตวิญญาณต้นไม้ช่างอ่อนโยนจริงๆ…อ่อนโยนจนค่อนข้างโหดร้ายทารุณ

 

 

 “ล้อเล่นน่ะ” เธอหัวเราะเบาๆ “เข้าประเด็นหลักเถอะ พวกเรามาคุยกันหน่อยดีไหม นายจะต้องตกลงนะ เพราะฉันมีความสามารถในการทรมานคนเก่งมากนะ นายกลัวไหม”

 

 

 “ขอเพียงแค่เป็นคำขอของลูกค้า” ลั่วชิวพูดเบาๆ

 

 

 “ต้องขอบคุณแสงดาวเมื่อครั้งก่อนที่ทำให้ฉันฟื้นฟูขึ้นมาได้หน่อย” เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งและพูดว่า “เดิมทีฉันคิดจะเหลือชีวิตเอาไว้หน่อย ทำให้ตัวเองไม่หายไปเร็วขนาดนี้ แต่ดูตอนนี้แล้ว ฉันที่เป็นวิญญาณอันอ่อนแอของจิตวิญญาณต้นไม้สามารถซื้ออะไรได้ไหม”

 

 

 “อืม…ก่อนหน้ามีลูกค้าที่ผมเคารพท่านหนึ่งขอให้ตัวเองหายไป” ทันใดนั้นลั่วชิวก็พูดขึ้น “ตัวเองกระจายไปแต่ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าในเมืองของตัวเองได้รับพลังชีวิตเพิ่มขึ้นมา”

 

 

 “จริงเหรอ…มิน่าล่ะ” เธอส่ายหน้า “แต่กลับมาพูดเรื่องของพวกเราดีกว่า”

 

 

 “คุณลูกค้าเชิญพูด”

 

 

ทันใดนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียง เหลือเพียงน้ำตาจากหยดน้ำตาขนาดใหญ่ บ่นว่า “เกลียดจัง…ฉันร้องไห้อีกแล้ว…เกลียดจริงๆ เกลียด เกลียดมาก…เจ้าของสมาคม สามารถเอาความสุขในวัยเด็กของเซวียเซ่ากลับมาได้ไหม”

 

 

 “ได้”

 

 

 “สามารถ…สามารถทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาของเขาอย่างมีความสุขได้ไหม” เธอร้องไห้

 

 

 “ได้”

 

 

เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตนเอง เช็ดไปเช็ดมาแต่น้ำตาก็ไม่หมดสักที “สามารถ…สามารถ…สามารถทำให้เขาลืม…ลืมเรื่องที่เกี่ยวกับฉันทั้งหมดไปได้ไหม”

 

 

 “คุณแน่ใจเหรอครับ” เจ้าของสมาคมลั่วถามเบาๆ

 

 

 “อย่า…อย่าให้เขา…อย่าให้เขา…ได้ไหม”

 

 

เธอร้องจนพูดไม่เป็นเสียงแล้ว

 

 

 “ผมเข้าใจแล้ว” เจ้าของสมาคมลั่วพยักหน้า “ทุกอย่างนี้จะเป็นไปตามที่คุณต้องการ คุณลูกค้าที่เคารพ”

 

 

 

 

เธอมายังข้างกายของเซวียเซ่า เช็ดน้ำตาทั้งหมดของตนเอง ทำให้ตนเองดูเรียบร้อยที่สุด จากนั้นก็ก้มลงไปจูบบนริมฝีปากของเซวียเซ่าอีกครั้ง

 

 

นี่เป็นจูบที่คล้ายกับสามารถหยุดเวลาได้

 

 

 “เซวียเซ่า ขอบคุณนาย…ที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน ทำให้ฉันไม่หงุดหงิดในฤดูร้อน ทำให้ฉันไม่เหงาในฤดูหนาว ทำให้ฉันใจเต้นตลอด ขอบคุณนาย…” เธอพูดอย่างอ่อนโยน “อย่าจดจำฉัน อย่าได้จำฉันเด็ดขาด…จำไว้ว่าตอนที่นายไม่อยู่ข้างฉันนั้น ฉันถึงรักนายมากที่สุด”

 

 

ในที่สุดเธอก็เงยหน้ามองท้องฟ้าและสูดหายใจเข้าลึกๆ กางมือทั้งสองของเธอ “อา…ครั้งนี้จะไปจริงๆ แล้ว อาลัยอาวรณ์จริงๆ คิกๆๆ”

 

 

เสียงหัวเราะนี้มีความสุขและมีความทุกข์เท่าไหร่กัน

 

 

เมื่อลั่วชิวมองเห็นฉากนี้แล้วก็บีบหน้าผากของตนเองในทันใด จากนั้นก็สะบัดหัว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

 

เขาเดินไปตรงหน้าเซวียเซ่าและแบมือออก จี้รูปหัวใจปรากฏบนฝ่ามือของเขา

 

 

จิตวิญญาณต้นไม้สวี่ซินมองการกระทำของเจ้าของสมาคมผู้นี้อย่างมึนงง…เห็นเขายื่นมือออกมา และสร้อยก็ถูกส่งออกไปห้อยบนร่างกายของเซวียเซ่าอีกครั้ง

 

 

 “สร้อยนี้ไม่ใช่ว่า…”

 

 

 “ถือว่าเป็น…” ลั่วชิวพูดเบาๆ ว่า “ของกำนัลก็แล้วกัน”

 

 

จิตวิญญาณต้นไม้เผชิญหน้ากับลั่วชิว ประสานมือตนเองไว้ด้านหน้า โค้งให้เจ้าของสมาคมผู้ลึกลับคนนี้อย่างดงาม “ขอ…ขอบ…ขอบคุณ ขอบคุณมากจริงๆ สุดท้าย…สุดท้าย…ขอบคุณนาย”

 

 

ขอบคุณนาย…ที่อ่อนโยนขนาดนี้

 

 

 

 

ต่อมาบนถนนก็กลับคืนสู่ความสงบ

 

 

เวลาสี่ทุ่มยังมีคนเดินอยู่

 

 

แต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้ที่ใบไม้จนตกหมด…ดูเหมือนจะหลับสนิทมาก อมยิ้มเหมือนกำลังฝันหวาน

 

 

แต่ทำไมถึงมีรอยน้ำตาด้วยล่ะ

 

 

 

 

 

 

อา…รู้สึกอยากตาย

 

 

เซวียเซ่ารู้สึกหนักหัว…เขาฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล

 

 

หมอพูดว่าเขากอดต้นไม้ต้นหนึ่งหลับบนถนนคนเดียว ตอนดึกยังเปียกฝนอีก ดีที่ถูกส่งมาทัน ไม่อย่างนั้นอาจจะหนักกว่านี้

 

 

ดังนั้นตอนนี้เพียงเป็นไข้เท่านั้น ถือว่าโชคดีแล้ว

 

 

หัวยังคงหนักอยู่…ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ไปกอดต้นไม้แห่งความปรารถนาหลับไปหนึ่งคืนล่ะ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก…รู้สึกเหมือน ลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมากไป

 

 

เขาเล่นกับสร้อยจี้จันทร์เสี้ยวโดยไม่รู้ตัว จะว่าไปสร้อยนี้มาได้ยังไงนะ

 

 

เอาเถอะ น่าจะใส่มานานแล้ว งั้นก็ใส่ต่อไปเถอะ…มีความรู้สึกว่าเมื่อใส่มันแล้วเย็นสบายดี

 

 

เวลานี้ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดเข้ามา เป็นวั่นจื่อซาน

 

 

 “รู้สึกเป็นยังไงบ้าง” วั่นจื่อซานถือถุงขนาดใหญ่มาวางไว้ข้างเตียงและถามเบาๆ

 

 

 “ยังดี ผ่านอีกสองวันน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้” เซวียเซ่ายิ้มและพูดว่า “ไม่กระทบต่องานแต่งงานของพวกเราแน่นอน นี่อะไรน่ะ ถุงใหญ่ขนาดนี้”

 

 

วั่นจื่อซานยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็เอาของในถุงออกมา…เป็นกระถาง กลางดินในกระถางมีรากเล็กๆ เสียบอยู่

 

 

 “นี่คือ…” เซวียเซ่ารู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาในทันใด

 

 

วั่นจื่อซานหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “นายดูตัวเองสิ ไปกอดต้นไม้แห่งความปรารถนานอนหลับมาทั้งคืนแล้ว ไม่รู้ว่านายเป็นบ้าอะไร แต่ต้นไม้ต้นนั้นถูกตัดแล้ววันนี้ ฉันแวะไปดูหน่อยแล้วเห็นว่ามีรากนี้ยังไม่ตายเลยแอบเอามา ในเมื่อยังอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น นายก็ปลูกมันขึ้นใหม่ จะว่าไป ยังดีที่ฉันลงมือได้เร็ว ตอนนั้นมีคนคนหนึ่งก็ดูเหมือนอยากเก็บเอามันไปเหมือนกัน จำได้ว่าเคยเจอที่ไหนนะ…ร้านขายชุดแต่งงานงั้นเหรอ คิดไม่ออกแล้วแฮะ”

 

 

เซวียเซ่าไม่ได้ฟังคำพูดในตอนหลังของวั่นจื่อซาน เพียงแต่มองรากเล็กๆ อย่างตะลึง

 

 

 “เป็นอะไรไป” วั่นจื่อซานจับที่บ่าของเซวียเซ่าและถาม

 

 

เซวียเซ่าจับมือของวั่นจื่อซาน ส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ “ไม่มีอะไร ฉันกำลังคิดว่าต่อไปจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับฉันและต้นไม้แห่งความปรารถนาให้เธอฟังเยอะๆ”

 

 

 “อืม งั้นก็รีบปลูกมันเถอะ”

 

 

 “อืม พวกเราไปปลูกมันด้วยกันนะ”

 

 

เซวียเซ่าถอดสร้อยจี้จันทร์เสี้ยวออกจากคอและวางลงบนรากเล็กๆ นั่นอย่างระมัดระวัง

 

 

รู้สึกว่าพวกมันเข้ากันดี

 

 

 

 

 

 

 “อืม เร็วกว่าได้ก่อน”

 

 

ลั่วชิวยืนอยู่บริเวณที่คนงานเทศบาลเมืองกำลังตัดต้นไม้ มันถูกตัดแยกออกวางบนพื้นเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยๆ ส่ายหน้า

 

 

คุณหนูสาวใช้ยืนเป็นเพื่อนเขา ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “ยังมีเศษเสี้ยวชีวิตหลงเหลืออยู่ พลังชีวิตของต้นไม้นี่แข็งแกร่งจริงๆ”

 

 

 “อืม เอาเถอะ” ลั่วชิวหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถึงยังไงก็ยังมีของที่ดีกว่าเหลืออยู่”

 

 

ลั่วชิวข้ามรั้วและดูเหมือนคนงานทั้งหมดจะไม่เห็นเขา ลั่วชิวเดินไปถึงด้านหน้าลำต้นที่ยังสมบูรณ์ ยื่นมือออกไปเคาะบนมัน

 

 

ลำต้นที่ยังสดและเปียกแบ่งออกเป็นสองซีก…บริเวณที่แตกมีป้ายขอพรเล็กๆ อันหนึ่งฝังตัวอยู่ในนั้น

 

 

เจ้าของสมาคมเอามันออกมาและสั่นเบาๆ

 

 

เธอที่สูญเสียหัวใจต้นไม้ใช้มันมาเติมเต็มหัวใจของตัวเอง

 

 

เมื่อเปิดป้ายขอพรออกก็จะเห็นว่ามีคนเขียนอักษรโย้เย้ไว้ว่า

 

 

‘ต้นไม้แห่งความปรารถนา ขอให้เธอแข็งแรงตลอดไป เซวียเซ่าขอพร’

 

 

 

 

นี่คือจุดเริ่มต้นของความรักที่เธอมีต่อเขา