ภาพลักษณ์ที่เป็นระเบียบมลายหายไปทันที ต่างวิ่งมาด้านหน้าเปาชิงเหอทันที ในบรรดานั้นกุนซือวิ่งเร็วที่สุด แทบจะพุ่งเข้ามาหาเปาชิงเหอ กล่าวถามด้วยสายตาที่เป็นประกายว่า “นายท่าน เรื่องอะไรหรือขอรับ”

 

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ล้อมเข้ามาทันที มองเขาด้วยสายตาที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

 

 

กวาดสายตามองลูกน้องของตนหนึ่งรอบ เปาชิงเหอยื่นมือขวาออกมา ลูบเคราของตัวเองไปมา ยิ้มแล้วบอกเรื่องราวที่เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนจะทำให้ทุกคนฟัง

 

 

ทุกคนต่างไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ตาเบิกโพลงกันทุกคน

 

 

ส่วนกุนซือนั้นตบขาตัวเองทันที “นายท่าน สิ้นแล้วขอรับ”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเปาชิงเหอหยุดชะงักไป สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “กุนซือ ข้ายังดีๆ อยู่ สิ้นแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

 

 

กุนซือรู้ทันทีว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว รีบอธิบายทันทีว่า “นายท่าน ข้าไม่ได้หมายความว่าท่านสิ้นแล้ว ข้าว่าข้าต่างหากที่สิ้นแล้ว”

 

 

เปาชิงเหอขมวดคิ้ว “เจ้าสิ้นอะไร”

 

 

“หลังจากภรรยาที่อายุสั้นของข้าเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้เดือนสามข้าเพิ่งจะแต่งงานใหม่ หากข้ารู้ว่าไท่จื่อจะมาจัดงานรับสมัครหาคู่ด้วยตน ข้า ข้า ข้าจะไม่สู่ขอภรรยาคนนี้แน่นอน”

 

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนหัวเราะออกมาทันที เปาชิงเหอก็หัวเราะแล้วกล่าวว่าเขาว่า “เจ้าอายุปูนนี้แล้ว ยังจะไปวุ่นวายอีก เจ้านี่แก่แล้วยังไม่รู้จักอายจริงๆ ”

 

 

ทุกคนหัวเราะออกมาอีกครั้ง

 

 

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่อายุยังน้อยยกมือขึ้นจนถึงหน้าอกตน ยิ้มแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ข้าไม่ใช่คนแก่แล้วหน้าไม่อาย สามารถเข้าร่วมได้หรือไม่ขอรับ”

 

 

กุนซือยิ้มแล้วถีบไปหนึ่งที “ไปให้พ้น เจ้ามาวุ่นวายอะไร”

 

 

เจ้าหน้าที่ที่อายุน้อยก็ไม่ได้หลบ หลังจากถูกถีบหนึ่งทีแล้ว ก็ยังคงยิ้มอยู่

 

 

เปาชิงเหอโบกมือ “พอแล้ว ควรทำอะไรก็ไปทำ เจ้าน่ะ เจ้าไปฝนหมึก”

 

 

ทุกคนรับคำสั่ง เจ้าหน้าที่ทุกคนกลับไปที่เดิม ยืนตรง กลับไปเป็นท่าทีที่เป็นระเบียบเหมือนเดิม

 

 

ส่วนกุนซือนั้นช่วยเปาชิงเหอฝนหมึกเสร็จแล้ว ก็ยืนอยู่ข้างๆ เขย่งขา แอบมองว่าเขาเขียนอะไร

 

 

เปาชิงเหอร่างประกาศเสร็จแล้ว ก็รีบเอาไปที่ห้องโถงด้านหลังทันที

 

 

หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวดูแล้ว ก็พยักหน้า แล้วกล่าวว่า “เพิ่มกำหนดการรับสมัครลงไปก็พอแล้ว”

 

 

“ซื่อจื่อเฟยคิดว่าจัดวันไหนดีขอรับ” เปาฉิงเหอกล่าวถาม

 

 

“หลังจากห้าวันนี้เถิด เวลาห้าวันนี้พอให้คนในเป่ยเฉิงได้ฟังข่าวนี้ แล้วทำเสื้อผ้าที่สวยงามให้ลูกสาวในครอบครัว”

 

 

เปาชิงเหอกล่าวในใจว่า ไม่ต้องถึงห้าวัน เกรงว่าทันทีที่ติดประกาศนี้ พวกคนที่มีลูกสาวในครอบครัว จะต้องทำเสื้อผ้าให้เสร็จภายในคืนเดียวแน่นอน ในใจคิดเยี่ยงนี้ แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา แล้วรับคำสั่ง

 

 

“ถ้าให้ดีที่สุดเมื่อถึงเวลาท่านเปาควรบอกพวกเขาว่าขอแค่ทั้งสองฝั่งถูกใจกัน จะให้พวกเขาแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”

 

 

เปาชิงเหอรับคำสั่งอีกครั้ง

 

 

เตรียมงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนจึงออกจากที่ว่าการ แล้วมาที่โรงงาน

 

 

ส่วนเปาชิงเหอก็ไปเขียนประกาศอีกหลายใบ แล้วสั่งคนไปติดที่จุดประจำที่ติดประกาศ

 

 

มันฝรั่งยังเก็บเกี่ยวไม่ได้ หญิงสาวและชายหนุ่มในเป่ยเฉิง ทั้งคนแก่และเด็กแทบจะทุกคนต่างว่างอยู่บ้านเพื่อรอเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ใช้แรงงาน ยืนอยู่บนถนน เหมือนเมื่อก่อนที่ยืนรอทำงาน เห็นว่ามีประกาศออกมา จึงล้อมวงกันไปดูด้วยความแปลกใจ กล่าวถามกับเจ้าหน้าที่ว่าบนประกาศนั้นเขียนว่าอะไร หลังจากได้ยินแล้ว ก็ระเบิดลงทันที พระเจ้า อายุมากขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่ามีงานรับสมัครหาคู่ อีกสิ่งหนึ่งที่ยิ่งทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้นที่สุดคือ งานรับสมัครหาคู่นี้ไท่จื่อเป็นคนจัดการด้วยตนเอง

 

 

ไท่จื่อ ฮ่องเต้คนต่อไปของรัฐอู่ จะมาเป่ยเฉิงที่กันดารนี้จริงๆ นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดที่จะได้พบกับมังกรคนต่อไปด้วยตาของตน อย่าว่าแต่คนที่มีลูกสาวในครอบครัวเลย คนที่ไม่มีลูกสาว แทบจะทนไม่ไหวอยากกลับไปคลอดลูกสาวที่บ้านออกมาหนึ่งคนทันที เพื่อมาร่วมงานรับสมัครหาคู่นี้

 

 

เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป ข่าวนี้แทบจะกระจายไปทั่วเป่ยเฉิง คนในเป่ยเฉิงคึกคักขึ้นมาทันที เป็นเหมือนกับที่เปาชิงเหอคิดไว้เยี่ยงนั้นเลย ครอบครัวของคนที่ตรงตามเงื่อนไขทั้งคนแก่ไปจนหญิงสาวทั้งสามรุ่นต่างลงมือ ทำเสื้อผ้าใหม่ให้หญิงสาวในบ้านทันที ส่วนคนที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขนั้น แทบจะใช้สมองทั้งหมด เพื่อคิดว่ามีวิธีใดบ้าง ที่สามารถทำให้ลูกสาวของตนสามารถร่วมงานได้

 

 

คนในเป่ยเฉิงทุกบ้านนั้นเหมือนมีงานมงคลทุกบ้าน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

 

 

ส่วนเหล่าทหารที่พิการในโรงงานนั้น ได้ยินข่าวดีที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกกับพวกเขา ต่างหยุดชะงักไปทันที ต่างมองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยสายตาเหลือเชื่อ

 

 

“เป็นเยี่ยงไร หรือพวกเจ้าไม่ยอม” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวถาม

 

 

ทหารคนหนึ่งที่เสียขาซ้ายไปข้างหนึ่ง ที่ยังถือกุนเชียงที่ใส่ได้ครึ่งเดียวด้วยมือที่สั่น กล่าวถามด้วยน้ำเสียงติดอ่างว่า “นายหญิง ท่าน ท่านพูดจริงหรือ”

 

 

“ข้าเคยพูดล้อเล่นกับพวกเจ้าหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวถาม

 

 

เหล่าทหารทุกคนต่างได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตน หันหลัง เจ้าสบตาข้า ข้าสบตาเจ้า แล้วรู้สึกตัวขึ้นทันที ตื่นเต้นขึ้นมา คนที่หั่นเนื้อหมูก็หั่นไม่เป็นแล้ว ใส่กุนเชียงก็ใส่ไม่เป็นแล้ว ยกมือขึ้นโห่ร้องเหมือนกับชนะสงครามมา “พวกเราจะได้แต่งเมียแล้ว”

 

 

เสียงก้องกังวานนั้นทำให้หลังคาบ้านแทบสั่น และดังจนทำให้สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนขรึมลงทันที

 

 

ในขณะที่เหล่าทหารทุกคนกำลังโห่ร้อง ไม่มีคนสังเกตเห็นสีหน้าของเขาสักคน แต่เมิ่งเชี่ยนโยวที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากลับรู้สึกได้ ยื่นมือขวาของตนออกมา กุมมือซ้ายของเขาไว้ ยิ้มแล้วกระซิบว่า “ข้าไม่เป็นไร ไม่ได้ตกใจ”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนจึงอ่อนลงเล็กน้อย กุมมือนางไว้แน่น

 

 

เสียงโห่ร้องของเหล่าทหารทำให้คนงานในโรงงานอื่นตื่นตกใจ ต่างยื่นหูฟังด้วยความแปลกใจว่าฝั่งนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วมองมาที่ทุกคน จนอารมณ์ของเหล่าทหารทุกคนสงบลง จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉะนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้พวกเจ้าเริ่มหยุดงาน พวกเจ้าที่ควรเตรียมตัวก็ไปเตรียมตัว ควรซื้อเสื้อผ้าก็ไปซื้อเสื้อผ้า ควรแต่งตัวก็ไปแต่งตัว…”

 

 

ทหารคนหนึ่งดีใจมากเกินไป ขัดจังหวะคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว “พวกข้าไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย แต่งตัวอะไรกัน”

 

 

“ไม่แต่งตัวก็ได้ รอให้คนอื่นหาคู่สำเร็จ เหลือแค่เจ้า เจ้าก็เตรียมร้องไห้ได้เลย” เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้โมโห ยิ้มแล้วหยอกล้อแกล้งเขา

 

 

ทุกคนหัวเราะออกมาทันที

 

 

ทหารคนนี้จับท้ายทอยของตน แล้วหัวเราะตามออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวเรื่องเมื่อครู่ต่อว่า “ภายในห้าวันนี้ ทุกวันทุกคนจะได้รับเงินค่าจ้างครึ่งหนึ่ง มั่นใจได้เลยว่าพวกเจ้าจะไม่อดตาย พวกเจ้าไปเตรียมตัวให้เต็มที่เถิด”

 

 

เสียงโห่ร้องที่ทำให้หลังคาบ้านแทบปลิวดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกวาดสายตามองทุกคนหนึ่งรอบ “แต่ว่า ถ้าหากข้ารู้ว่าในห้าวันนี้มีคนทำเรื่องที่เกินเหตุ จุดจบจะเป็นเยี่ยงไรให้พวกเจ้านึกภาพด้วยตัวเองเถิด”

 

 

ส่วนเรื่องเกินเหตุที่ว่านั้น ก็คือพวกเขาใช้เวลาว่างในช่วงนี้ เอาตั๋วเงินที่ตนหามาได้อย่างยากลำบาก ไปใช้ในที่สถานรื่นเริงต่างๆ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างชัดเจน เหล่าทหารทุกคนก็ฟังอย่างเข้าใจ ทหารคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ออกเสียงรับประกันว่า “นายหญิง ท่านวางใจเถิด ถ้าหากผู้ใดกล้าทำเรื่องแบบนั้น ข้าคนแรกที่จะไม่ปล่อยเขาไป”

 

 

ทหารที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นด้วยทันที “นายหญิง ท่านวางใจเถิด พวกข้าเป็นคนที่กำลังจะมีภรรยา ใครก็ไม่โง่โยนเงินไปในที่แบบนั้น”

 

 

“ใช่ๆ มีเงินนี้ เก็บไว้ให้ภรรยาของตัวเองจะดีกว่า อย่างน้อยนางจะได้เป็นห่วงเป็นใยพวกข้าบ้าง” ทหารคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

 

ทุกคนหัวเราะออกมาอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มแล้วพยักหน้า “ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ก็ดีที่สุด สงบใจลงแล้วทำงานวันนี้ให้เสร็จ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว”

 

 

ทุกคนรับคำสั่งพร้อมกัน แล้วกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเอง ก้มศีรษะแล้วเริ่มทำงานของตน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนเดินออกมาจากโรงงาน เมิ่งฉียิ้มแล้วเดินเข้ามา กล่าวถามว่า “ได้ยินข่าวดีนี้ พวกเขาดีใจจนบ้าไปแล้วใช่หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวตอบว่า “ดีใจจนบ้าไม่มี ดีใจจนโง่นั้นมีจริงเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งฉีหัวเราะออกมา

 

 

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ข้าให้พวกเขาหยุดห้าวัน ผู้จัดการอันก็จะได้เตรียมงานหมั้นหมายด้วยพอดี” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว

 

 

เมิ่งฉีรับรู้ “เมื่อครู่ผู้จัดการอันเห็นพวกเจ้ามา ก็อยากถามเรื่องหมั้นหมาย” พูดไปด้วย ก็ชี้ไปที่ประตูห้องพักชั่วคราว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ไง ตอนนี้ยังรออย่างใจจดใจจ่ออยู่”

 

 

ทั้งสามยังไม่ทันเดินไปถึงหน้าประตู ผู้จัดการอันก็ออกมาต้อนรับทันที มองสีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “นายหญิง เรื่องหมั้นหมายของข้ากับคุณหนูเหวิน…”

 

 

“ไปเตรียมตัวเถิด รอข้าเลือกวันมงคลได้แล้ว จะจัดงานหมั้นหมายให้พวกเจ้าทันที”

 

 

ผู้จัดการอันก้มตัวลงต่ำทำความเคารพทันที กล่าวซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจว่า “ขอบพระคุณขอรับนายหญิง ขอบพระคุณขอรับ”

 

 

ทั้งสามเดินเข้ามาในห้องพักชั่วคราว ผู้จัดการอันสายตาดีรีบยกน้ำชาสองแก้วและน้ำเปล่าหนึ่งแก้วมาทันที วางตรงหน้าทั้งสาม “นายหญิง ข้าเข้าไปดูในโรงงานก่อนนะขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ผู้จัดการอันเดินถอยออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ผู้จัดการทุกคนต่างกลับไปหาที่เปิดร้านแล้ว ในเมืองหลวงนี้จะเปิดเมื่อไหร่” เมิ่งฉีกล่าวถาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เมื่อใดก็ได้เจ้าค่ะ ตอนนี้ที่ข้าคิดคือหลังจากพี่เมิ่งอี้ไปช่วยทุกที่เปิดร้านบะหมี่มันฝรั่งแล้ว ใครจะมาดูแลร้านในเมืองหลวง อีกไม่กี่เดือนข้าก็จะคลอดแล้ว พี่ก็ยุ่งกับโรงงาน”

 

 

เมิ่งฉียิ้มแล้วส่ายหัวไปมา “มีแต่คนบอกว่าหลังจากผู้หญิงตั้งครรภ์แล้วจะกลายเป็นคนโง่ ดูท่าแล้วแม้แต่เจ้าก็ไม่เว้น เจ้าลืมไปแล้วหรือ พี่สะใภ้รองกับพี่สะใภ้อิ๋งจื่อก็ว่างอยู่ ยังมีพี่สะใภ้โจวอิ๋ง นางก็สามารถช่วยได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตบหน้าผากตัวเองแรงๆ หนึ่งที “ข้าโง่จริงๆ ลืมได้อย่างไรว่าพี่สะใภ้ที่ฉลาดทั้งหลายนี้ของข้ายังอยู่เมืองหลวง”

 

 

นางใช้แรงมากไป ไม่เพียงแต่เสียงดัง เพียะ บนหน้าผากมีรอยแดงเหลืออยู่ หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้น แล้วเดินมาข้างหน้านางทันที ยื่นมือออกมาค่อยๆ ช่วยนางลูบหน้าผาก แล้วเขม่นมองเมิ่งฉีด้วยสายตาไม่พอใจ

 

 

เมิ่งฉีไอออกมาด้วยความมึนงง รีบยกน้ำชาขึ้นดื่มหลายคำทันที เพื่อปกปิดรอยยิ้มในใจของตน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “อี้เซวียน ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ใช้แรง ไม่เจ็บ”

 

 

มองหน้าผากที่แดงก่ำของนาง หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า “แดงเยี่ยงนี้แล้ว จะไม่เจ็บได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเหลือบตาทั้งสองขึ้นด้านบนในใจ กล่าวในใจว่า บนหน้าผากของข้านั้นแม้ว่าจะไม่ใช่เพราะตัวเองตีจนแดง ก็แทบจะถูกเจ้าลูบจนแดงแล้ว แต่ประโยคนี้นางไม่กล้าเอ่ยออกมา ทำได้แค่เอ่ยออกมาว่า “ข้ากระหายน้ำ อยากดื่มน้ำ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจึงจะหยุดลง แล้วกลับไปนั่งบนเก้าอี้เมื่อครู่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ค่อยชอบน้ำชา หลังจากตั้งครรภ์ ก็ถูกทุกคนสั่งห้ามดื่มน้ำชาแม้แต่คำเดียว นางเชื่อฟังมาก ดื่มน้ำเปล่ามาโดยตลอด แต่วันนี้ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด เห็นน้ำชาตรงหน้าหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว ได้กลิ่นหอมกรุ่นที่มาจากน้ำชา นางกระหายมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา จึงค่อยๆ ยื่นมือออกมา ทำเป็นเหมือนเคาะโต๊ะ ค่อยๆ ขยับไปทางแก้วชาที่อยู่ข้างๆ มือของหวงฝู่อี้เซวียน รอจนใกล้ถึงแล้ว ก็ยกขึ้นมาทันที จะดื่มหนึ่งคำ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนางตลอดเวลา เห็นท่าทางที่เหมือนเด็กน้อยของนาง ที่อยากแอบดื่มน้ำชาของเขา ทั้งโมโหและทั้งขำ เห็นนางใกล้ดื่มแล้ว จึงตั้งใจกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำทันทีว่า “หากเจ้ากล้าดื่มลงไป รอดูว่าหลังจากกลับจวนแล้วข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ รีบวางแก้วชาในมือกลับไปด้านหน้าเขาทันที ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ข้าอยากดื่ม ลูกชายเจ้าต่างหากที่อยากดื่ม แล้วให้ข้าช่วยชิมแทนเขาก่อน”

 

 

พรวด น้ำชาในปากของเมิ่งฉีพุ่งออกมาทันที เต็มตัวหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

“พี่รอง” เมิ่งเชี่ยนโยวสะบัดน้ำชาบนตัวของตน แล้วเรียกด้วยความไม่พอใจ

 

 

เมิ่งฉีไอค่อกแค่กไปด้วย โบกมือไปด้วย “นี่…นี่…โทษข้า…ไม่ได้ ใคร…ให้เจ้า…พูด…เยี่ยง…นี้…กัน”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ใส่ใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วยความใจเย็น ลุกขึ้นแล้วเดินมาข้างๆ เมิ่งเชี่ยนโยว เช็ดน้ำชาบนตัวของนางให้สะอาดก่อน จึงจะค่อยๆ เช็ดของตน ได้ยินเสียงไอของเมิ่งฉีหยุดลงแล้ว จึงกล่าวถามอย่างช้าๆ ว่า “พี่สะใภ้รองไม่เคยพูดเยี่ยงนี้กับพี่รองหรือ”

 

 

ครั้งนี้เมิ่งฉีสำลักน้ำลายของตัวเอง ไอค่อกแค่กออกมาแทบเป็นแทบตาย

 

 

จนเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกสงสารเขา ยกน้ำเปล่าของตนยื่นให้เขา “พี่รอง พี่ดื่มน้ำเปล่าก่อนเถิด”

 

 

เมิ่งฉีโบกมือไปมา

 

 

ผ่านไปสักพัก เมิ่งฉีจึงจะหน้าแดงแล้วหยุดไอ เขม่นมองหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ใส่ใจ ทำเหมือนกับว่าไม่เห็นสายตาที่ไม่พอใจของเขา ยกน้ำชาขึ้น แล้วดื่มอย่างสบายใจหลายคำ

 

 

เมิ่งฉีแสดงรอยยิ้มเลศนัยออกมา เห็นเขากลืนลงไปแล้ว จึงตั้งใจกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าน้ำชาของข้าก็พุ่งเข้าไปในแก้วชาของเจ้าเช่นกัน”