สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ดีขึ้นมาทันที มองเมิ่งฉี แล้วมองแก้วชาในมือของตัวเอง ตุ้บ วางแก้วชาลงบนโต๊ะทันที ปิดปากแล้ววิ่งพรวดออกไป

 

 

เสียงอาเจียนดังเข้ามาจากข้างนอก

 

 

เมิ่งฉียิ้มไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างภูมิใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา ฝั่งหนึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตน อีกฝั่งหนึ่งก็เป็นสามี นางเข้าข้างฝั่งไหนก็ไม่ดี จึงยกแก้วน้ำข้างหน้าตัวเองขึ้นมา อยากดื่มน้ำ แต่คิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของเมิ่งฉี ท้องไส้ก็ปั่นป่วนขึ้นมาทันที รีบยกแก้วน้ำไปไกลๆ แล้วกล่าวกับเมิ่งฉีว่า “พี่รอง พี่ไปเปลี่ยนแก้วน้ำให้ข้าเดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งฉีรับแก้วน้ำมา แล้วค่อยๆ กระซิบ ด้วยน้ำเสียงเบาๆ ด้วยความภูมิใจกับนางว่า “ข้าหลอกเขา เจ้าก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือ” แต่สุดท้าย ก็ลุกขึ้น เปิดผ้าม่านประตูออก ไม่แม้แต่จะมองหวงฝู่อี้เซวียนที่อาเจียนไม่หยุด เทน้ำทิ้งอีกทางหนึ่ง แล้วกลับมา เทน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ยื่นให้ถึงมือเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดื่มไปหลายคำ หวงฝู่อี้เซวียนจึงจะเดินเข้ามาด้วยท่าทางเอนไปมา แล้วนั่งเอนลงไปบนเก้าอี้ทันที เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นแก้วน้ำของตัวเองไปด้านหน้าเขาทันที “บ้วนปากเถิด พี่รองแค่แกล้งเจ้าน่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรับมา ยกน้ำเปล่าแล้วเดินออกไป จนถึงตอนที่กลับมา น้ำในแก้วนั้นหมดไปแล้ว วางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ ไม่พูดจา ค่อยๆ จับมือเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกไปกับเขาอย่างเชื่อฟัง

 

 

คำพูดที่เมิ่งฉีอยากพูดออกมาขัดขวางนั้นติดอยู่ตรงลำคอ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจับมือเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นรถม้า สั่งโจวอันให้กลับจวนทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเตือนเขา “ยังไม่ได้แจ้งข่าวให้ไท่จื่อเลย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสั่งออกไปข้างนอกว่า “ไปรายงานไท่จื่อ งานรับสมัครหาคู่จัดหลังจากห้าวันที่จะถึงนี้”

 

 

โจวอันรับคำสั่ง

 

 

องครักษ์ลับคนหนึ่งรีบรุดไปที่ตงกงทันที

 

 

“เรื่องนี้เราควรแจ้งท่านน้าทรงทราบก่อนดีหรือไม่ อย่างไรคนเหล่านี้ก็เคยเป็นลูกน้องของท่านน้ามาก่อน เห็นพวกเขาแต่งงาน ท่านก็ต้องดีใจมาก อีกอย่าง ไท่จื่อมาเอง นอกจากการป้องการที่ต้องมี เราก็ควรให้ท่านน้าส่งคนมาเพิ่มบางส่วนหรือไม่ หากเกิดอะไรขึ้นกับไท่จื่อ เรื่องดีก็จะกลายเป็นเรื่องไม่ดีทันที”

 

 

“คนผู้นั้นมีเก้าชีวิต ไม่ตายง่ายๆ หรอก” แม้ว่าเอ่ยเยี่ยงนี้ แต่ก็เปิดผ้าม่านประตูออก แล้วสั่งโจวอันว่า “เจ้าไปจวนแม่ทัพด้วยตัวเอง บอกเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน”

 

 

โจวอันรับคำสั่ง ยื่นบังเ**ยนให้องครักษ์ลับอีกคน แล้วก็วิ่งไปทันที

 

 

เห็นหลังที่ไปไกลของโจวอันแล้ว ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงกล่าวถามออกมาว่า “เหล่าทหารที่พิการก็เตรียมการหมั้นหมายแล้ว องครักษ์ลับเหล่านี้ของเจ้าล่ะ”

 

 

 

 

หูขององครักษ์ลับที่ขี่ม้ากระดิกทันที ขี่รถม้าอย่างมั่นคงไปด้วย กลั้นลมหายใจไปด้วย แล้วตั้งใจฟังเสียงในรถม้า

 

 

“พวกเขาข้าจะจัดการเอง เจ้าอย่าคิดมากเลย” เสียงมั่นคงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นมา

 

 

องครักษ์ลับท้อแท้ทันที เหมือนดั่งมะเขือยาวที่มีน้ำแข็งหุ้มอยู่ไม่มีชีวิตชีวา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก

 

 

ทั้งสองกลับมาที่จวนอ๋อง

 

 

องครักษ์ลับที่ถูกส่งตัวไปสืบเรื่องของหญิงสาวทั้งสี่ยืนรออยู่นอกลานทั้งหมด เห็นทั้งสองกลับมา หลังจากทำความเคารพ ก็หยิบสมุดเล็กๆ ขึ้นมาคนละหนึ่งเล่ม หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “นายท่าน ทุกอย่างที่พวกข้าสืบได้ถูกจดไว้ในสมุดนี้ทั้งหมดขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า

 

 

ชิงหลวนเดินออกไปแล้วรับมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว ทุกคนไปรับตั๋วเงินคนละยี่สิบตำลึงที่ห้องเก็บตั๋วเงินเถิด”

 

 

องครักษ์ลับทุกคนรับคำสั่ง แล้วเดินถอยออกไป

 

 

หลังจากทั้งสองนั่งลงในห้องแล้ว ชิงหลวนวางสมุดเล็กๆ ทั้งสี่ไว้ข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเล่มบนสุดขึ้นมา แล้วเปิดดู “คนพวกนี้สืบได้ละเอียดมาก แม้แต่วันเดือนปีเกิดก็สืบมาจนได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้อย่างไร”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็หยิบขึ้นมาดูหนึ่งเล่ม “องครักษ์ลับเหล่านี้เป็นกำลังกายและกำลังสมองของเสด็จปู่ของข้า แน่นอนว่าต้องเก่งกาจกว่าผู้อื่น”

 

 

“เราเอาไปให้เสด็จแม่ดูเถิด ถือโอกาสไปปรึกษาด้วยว่า พยายามกำหนดงานหมั้นของอวี้เอ๋อร์ก่อนปีใหม่ พอถึงปีใหม่ จวนของเราจะได้จัดงานฉลองมงคล”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่คัดค้านใดๆ ทั้งสองมาถึงในห้องของพระชายาฉี

 

 

หลังจากพระชายาฉีดูของแต่ละคนแล้ว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แม่ไม่ได้ดูผิดไปจริงๆ หญิงสาวทั้งสี่นี้ดีจริงๆ พวกเจ้าถูกใจผู้ใด”

 

 

“พวกข้าถูกใจไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ ต้องถูกใจอวี้เอ๋อร์ เพราะคนที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตกับนางคือเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว

 

 

พระชายาฉีพยักหน้า “พอดีเลย วันนี้อวี้เอ๋อร์อยู่ที่จวน เราเรียกเขามาถามเถิด”

 

 

พูดจบ ก็สั่งหลินหลงว่า “เจ้าไปเรียกคุณชายรองมา บอกว่าข้ามีเรื่องคุยกับเขา”

 

 

หลินหลงรับคำสั่งแล้วเดินออกไป

 

 

ไม่นานหวงฝู่อวี้ก็มา เปิดผ้าม่านประตูออก เห็นหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่ จึงทำความเคารพพระชายาฉีก่อน แล้วค่อยยิ้มแล้วกล่าวกับทั้งสองว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่เจอกันนานหลายวัน ดูพี่สะใภ้อวบอั๋นขึ้นมากนะขอรับ”

 

 

สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนทันที

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนส่งสายตาให้เขาอย่างสุดความสามารถ แต่หวงฝู่อวี้กลับลืมสมองของตนไว้ที่เรือนไม่ได้เอาออกมาด้วย กล่าวอีกประโยคว่า “สีหน้าก็ดูทรุดโทรมไปไม่น้อย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจับหน้าตัวเองทันทีอย่างไม่รู้ตัว แล้วมองใบหน้าที่งดงามจนผู้คนมากมายอิจฉาของหวงฝู่อี้เซวียน กล่าวถามอย่างพึมพำว่า “จริงหรือ”

 

 

หวงฝู่อวี้กลับพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์

 

 

สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งไม่ดีขึ้นไปอีก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยกเท้าขึ้นเขย่าไปมา จึงจะยับยั้งตนไม่ให้เตะไปที่ตัวของหวงฝู่อวี้

 

 

พระชายาฉีสนใจแต่สมุดเล็กในมือของตน ไม่ได้สังเกตท่าทางของทุกคน ได้ยินหวงฝู่อวี้พูดจบ จึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว “สีหน้าของโยวเอ๋อร์ถือว่าดีแล้ว ตอนนั้นที่แม่ตั้งครรภ์เซวียนเอ๋อร์ สีหน้าเหลืองซีด ถึงขั้นพบเจอผู้คนไม่ได้เลย”

 

 

ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกดีขึ้นมาทันที กล่าวถามว่า “สีหน้าของเสด็จแม่ดูไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ”

 

 

พระชายาฉีพยักหน้า “แน่นอน หญิงสาวตั้งครรภ์ การตอบสนองของทุกคนไม่เหมือนกัน เจ้าเนี่ยถือว่าดีมากแล้ว บางคนอาเจียนตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด แบบนั้นสีหน้าจะดีได้อย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงสีหน้าตกใจออกมา

 

 

ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนกลับขมวดคิ้ว มองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วก็ไปที่ท้องของเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่รู้ว่าคิดอะไรออก แสดงสีหน้ารอยยิ้มที่ได้อย่างที่หวังออกมา

 

 

พระชายาฉีกวักมือเรียกหวงฝู่อวี้ “อวี้เอ๋อร์ เจ้ามานี่”

 

 

หวงฝู่อวี้เดินมาข้างหน้าพระชายาฉี

 

 

พระชายาฉีส่งสายตาให้เขานั่งลงบนเก้าอี้นุ่มตรงข้ามตน แล้วยื่นสมุดเล็กในมือให้เขา “นี่เป็นหญิงสาวทั้งหมดที่แม่เลือกไว้ให้เจ้าครั้งก่อน พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าส่งคนไปตรวจสอบ นิสัย ความชอบ มารยาททุกอย่างของพวกเขาแล้วจดไว้ในนั้นทั้งหมด เจ้าดูสิว่า ถูกใจผู้ใด”

 

 

หวงฝู่อวี้หยิบขึ้นมา โดยที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ดูอย่างละเอียด สุดท้ายชี้ไปที่คุณหนูของจวนอู่โหวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลูกถูกใจคุณหนูของจวนอู่โหวขอรับ”

 

 

คุณหนูของจวนอู่โหวเป็นลูกสาวอนุภรรยา แต่เพราะถูกฮูหยินอู่โหวเลี้ยงดูข้างกายตั้งแต่เด็ก มีชีวิตที่คล้ายกับหวงฝู่อวี้ ทันทีที่เขาเลือก พระชายาฉี เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนก็เข้าใจความสัมพันธ์ในนั้นทันที

 

 

พระชายาฉีเพ่งมองหวงฝู่อวี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความนัยแอบแฝงว่า “อวี้เอ๋อร์ บอกแม่ได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงเลือกคุณหนูจวนอู่โหว”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อวี้ไม่เปลี่ยน แสดงรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา “เสด็จแม่ ข้าแค่มองคุณหนูจวนอู่โหวแล้วรู้สึกเจริญตาเท่านั้นเองขอรับ”

 

 

ตอนที่พระชายาฉีกล่าวถาม เมิ่งเชี่ยนโยวก็เพ่งมองสีหน้าของหวงฝู่อวี้ แต่ก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเขาแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเปลี่ยนแปลงในใจ หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของเขา จึงกัดริมฝีปาก

 

 

พระชายาฉียังคงเพ่งมอง แล้วกล่าวต่อว่า “อวี้เอ๋อร์ คำพูดเศร้าๆ แม่จะไม่พูดมาก หาหญิงสาวที่มีใจตรงกันแล้วใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป ทั้งชีวิตของเจ้าก็จะมีความสุข แต่ถ้าหากเจ้าแค่อยากหาที่พอใช้ได้ ไม่เพียงแต่ทำร้ายเจ้า ยังทำร้ายคุณหนูจวนอู่โหวด้วย”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อวี้ก็ยังคงมีรอยยิ้มเหมือนเดิม แล้วกล่าวว่า “เสด็จแม่ ท่านเป็นอะไรหรือ หากท่านไม่ต้องการให้ข้าเลือกคุณหนูจวนอู่โหว ข้าเปลี่ยนอีกคนก็ได้ขอรับ”

 

 

“ไม่ต้อง” พระชายาฉีโบกมือ “ถ้าหากเจ้าถูกใจ แม่ก็จะเลือกวันแล้วเชิญแม่สื่อไปสู่ขอที่จวนอู่โหว”

 

 

หวงฝู่อวี้ยิ้มแล้วกล่าวขอบพระทัย “ขอบพระคุณเสด็จแม่ขอรับ”

 

 

“คุณหนูจวนอู่โหวอายุก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าหากพวกเขาตกลงหมั้นหมาย แม่ก็คิดว่าจะจัดงานหมั้นหมายของพวกเจ้าให้เสร็จก่อนปีใหม่”

 

 

หวงฝู่อวี้หยุดชะงักไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าจะเร็วเยี่ยงนี้ แต่ก็กล่าวทันทีว่า “ทุกอย่างแล้วแต่เสด็จแม่เลยขอรับ ลูกไม่มีความคิดเห็นใดๆ ”

 

 

พระชายาฉีพยักหน้า หยิบสมุดที่บันทึกหญิงสาวอีกสามคนขึ้นมา แล้วสั่งหลินหลง “เอาไปเผาเถิด”

 

 

หลินหลงรับมา แล้วเอาไปที่ห้องครัวเล็ก ฉีกสมุดเล็กอย่างละเอียดด้วยตัวเอง แล้วมองพวกเขากลายเป็นขี้เถ้าในเตาไฟ

 

 

“เป็นเวลานานแล้วที่ครอบครัวเราไม่ได้กินอาหารร่วมกัน วันนี้เสด็จพ่อของพวกเจ้าก็อยู่ในจวน พอดีเลยที่ครอบครัวเราจะได้กินอาหารร่วมกัน. ข้าไปดูห้องครัวให้พวกเขาทำอาหารดีๆ ออกมาหลายอย่างด้วยตัวเอง”

 

 

หวงฝู่อวี้ลุกขึ้น “แม้ว่าลูกจะทำอาหารไม่เป็น แต่ว่าสั่งอาหาร ชิมอาหารเป็น อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้ออกแรงเอง ก็ให้ข้าไปเถิดขอรับ”

 

 

พระชายาฉีจะปฏิเสธ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ดี เจ้าไปเถิด วันนี้ข้าอยากกินเนื้อต้มกับผัดเผ็ดเต้าหู้ เจ้าสั่งห้องครัวทำเถิด ถ้าหากไม่มีวัตถุดิบ ก็ไปซื้อกับผู้จัดการร้านเหลาจวี้เสีย บอกว่าพี่ใหญ่เจ้าสั่งมา เขาก็จะเห็นแก่หน้าของพี่เจ้ายอมขายให้”

 

 

หลังจากหวงฝู่อวี้รับคำสั่ง จึงยิ้มแล้วเดินออกไป ทันทีที่ออกจากประตู รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที กัดริมฝีปากแน่น

 

 

ชิงหลวนเห็นอารมณ์ทั้งหมดของเขา แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงไป

 

 

หวงฝู่อวี้สูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับอารมณ์ของตน แล้วเดินก้าวขาออกไปทันที

 

 

ในห้อง พระชายาฉียิ้มดีใจ “เปรี้ยวคือชาย เผ็ดคือหญิง โยวเอ๋อร์ตั้งครรภ์ ต้องเป็นเด็กผู้หญิงแน่ๆ โอย ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องทำเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงเพิ่มอีกหลายตัว”

 

 

พระชายาฉีและเมิ่งซื่อว่างไม่มีอะไรทำ ทำเสื้อผ้าเด็กได้หลายสิบตัวแล้ว ถ้าหากยังทำต่อไป รอจนถึงตอนที่คลอดลูกออกมาคิดว่าน่าจะใส่ได้หลายปี เมิ่งเชี่ยนโยวรีบห้ามไว้ “เสด็จแม่ ข้าแค่อยากทานเป็นบางครั้ง อย่างนี้นับไม่ได้ เสื้อผ้าเด็กก็มากพอแล้ว ท่านจัดการเรื่องหมั้นหมายของอวี้เอ๋อร์เถิดเจ้าค่ะ”

 

 

หลังจากพระชายาฉีสั่งหลินหลงไปหาผ้าสวยๆ ให้ห้องเก็บของมา จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “งานหมั้นหมายของพวกเขาง่าย แค่เชิญแม่สื่อไปสู่ขอก็ได้แล้ว ส่วนที่เหลือ รอเจ้ายุ่งเรื่องช่วงนี้เสร็จแล้ว เราค่อยมาปรึกษาหารือกัน”

 

 

พระชายาฉีมีแผนการแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ห้ามปรามอีก คิดไปสักพัก ก็เอ่ยเรื่องที่หวงฝู่ซวิ่นจะไปเป่ยเฉิงเพื่อจัดงานรับสมัครหาคู่ให้เหล่าทหารที่พิการออกมา

 

 

หลังจากที่พระชายาฉีได้ฟัง ก็แปลกใจ แล้วยิ้มออกมากล่าวว่า “เป็นคำแนะนำของเจ้าใช่หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไป ยิ้มแล้วกล่าวถามว่า “เสด็จแม่ทราบได้อย่างไรเจ้าคะ”

 

 

“ก็มีแค่เจ้าที่ห่วงใยเรื่องแต่งงานของเหล่าทหารที่พิการนี้ ไท่จื่อไม่มีความคิดแบบนี้แน่นอน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม “เสด็จแม่พูดถูกแล้ว เป็นคำแนะนำของข้ากับอี้เซวียนเอง แต่ถ้าหากไท่จื่อไม่เห็นด้วย พวกข้าก็ทำอะไรไม่ได้”

 

 

“นี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างชื่อเสียง เป็นถึงไท่จื่อ เขาเข้าใจเหตุผลในนั้นอย่างลึกซึ้ง เขายินดีทำเป็นอย่างยิ่ง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแปลกใจเล็กน้อย ที่พระชายาฉีเข้าใจถ่องแท้เยี่ยงนี้

 

 

อาหารเที่ยงมีเนื้อต้มและผัดเผ็ดเต้าหู้จริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจจนกินข้าวเพิ่มไปครึ่งถ้วย

 

 

พระชายาฉีเห็นเยี่ยงนี้ ก็ดีใจมาก นอกจากตักอาหารให้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุดแล้ว ยังแอบคิดเงียบๆ ว่า เวลานี้ควรถึงเวลาที่ลูกดิ้นแล้ว อยากเอ่ยปากถาม แต่ก็คิดได้ว่าท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อวี้ก็อยู่ด้วย ถามเรื่องอย่างนี้ต่อหน้าพวกเขาไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จึงทิ้งความคิดนี้ไปเสีย คิดว่ารอเวลาหลังจากกินอาหารเสร็จแล้วค่อยถาม

 

 

หลังจากกินอาหารเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนกลับนำเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่เรือนตัวเองทันที พระชายาฉีก็เลยไม่ได้เอ่ยถาม จึงผิดหวังเล็กน้อย

 

 

องครักษ์ลับและโจวอันที่ไปส่งข่าวที่ตงกงและจวนแม่ทัพกลับมานานแล้ว ได้ยินว่าทั้งสองไปที่ห้องของพระชายาฉี จึงไม่กล้าไปรบกวน จนหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาที่เรือนของตน ทั้งสองจึงยืนรายงานในเรือน

 

 

องครักษ์ลับกล่าวว่า “ซื่อจื่อ ไท่จื่อบอกว่าทราบแล้ว เขาจะเตรียมตัวให้ดี หลังจากห้าวันนี้เขาจะไปร่วมงานอย่างตรงเวลา”

 

 

โจวอันกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพไม่อยู่ที่จวน ข้าจึงไปที่ค่ายทหาร เวลาจึงล่าช้าเล็กน้อยขอรับ หลังจากท่านแม่ทัพได้ยินก็ดีใจมาก บอกว่าอีกห้าวันจะนำทหารหลายร้อยนายมาถึงที่ว่าการอย่างตรงเวลาแน่นอน”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าไปเถิด”

 

 

ทั้งสองถอยออกไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนบอกกับเมิ่งเชี่ยนโยวที่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเตรียมตัวนอนพักชั่วครู่ว่า “จัดเตรียมไว้หมดแล้ว เราก็แค่รอวันรับสมัครหาคู่ที่จะจัดขึ้นหลังห้าวันนี้เถิด”