เวลา 5 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

 

พอถึงวันจัดหาคู่ หวงฝู่อี้เซวียนตื่นตั้งแต่รุ่งสาง ต้มข้าวต้มสุดโปรดของเมิ่งเชี่ยนโยว และทำกับข้าวสองอย่าง ยกไปยังเรือนของตน

 

 

พอเขาตื่น เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกตัวแล้ว แต่ขี้เกียจขยับเขยื้อน จึงนอนอยู่บนเตียง จวบจนได้กลิ่นอันหอมหวนของอาหารถึงจะลุกจากเตียงด้วยอย่างเกียจคร้าน หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเสร็จ ก็สั่งให้ชิงหลวนยกน้ำล้างหน้าเข้ามา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเข้าเรือนไป และวางสิ่งของที่อยู่ในมือไว้บนโต๊ะ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินยิ้มร่าไปหา จับมือของเขาเดินไปข้างๆ อ่างทองแดง หยิบผ้าเช็ดตัวที่สะอาด และเช็ดหน้าให้เขาก่อน กล่าวอย่างอ้อนวอนและซุกซน “อี้เซวียน ลำบากเจ้าแล้ว”

 

 

ได้ยินคำเรียกขานเช่นนี้ตั้งแต่เช้า และได้รับการดูแลเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนหัวใจเบิกบาน หลังจากที่นางเช็ดหน้าให้ตนเสร็จแล้ว เขาก้มศีรษะลงแล้วเอื้อมมือจับคางของนางไว้ เขาละเลียดรสริมฝีปากแล้วจึงจะปล่อยนางไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง และใช้ผ้าเช็ดตัวที่เปียกชุ่ม เช็ดไปที่หน้าของตัวเองที่ร้อนกรุ่นเล็กน้อย แล้วกลับไปที่ข้างโต๊ะ

 

 

หลังจากที่กินอาหารเช้าแสนเอร็ดอร่อยอย่างอบอุ่นแล้ว ทั้งสองก็เก็บข้าวของ เตรียมตัวออกเดินทางไปยังเป่ยเฉิง พระชายาฉีก็มาหาอย่างเร่งรีบ “โยวเอ๋อร์ อี้เซวียน ข้าคิดดูแล้วว่างานที่ใหญ่โตเช่นนี้ คงจะมีประชาชนแทบทั้งเมืองไปดู คนเยอะเกินไป โยวเอ๋อร์อย่าไปเลยดีกว่านะ อย่าให้เกิดเหตุไม่คาดคิดอันใดเลย”

 

 

พวกเขาวางแผนมาหลายวันอย่างดิบดีเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ ถ้าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ไปจะวางใจได้อย่างไร นางก้าวไปข้างหน้าและจับแขนของพระชายาฉีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสด็จแม่ ท่านวางใจเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี อีกอย่าง ข้ายังมีอี้เซวียนอยู่เคียงข้าง”

 

 

พระชายาฉีก็ยังไม่วางใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับประกัน “ท่านน้าจะพากองทัพทหารชั้นยอดหลายร้อยนายมาปกป้องไท่จื่อ อี้เซวียนก็เตรียมการอย่างรอบคอบ ได้ส่งองครักษ์ลับหลายร้อยนายไปแล้ว เสด็จแม่อย่าได้เป็นกังวล ข้าขอรับประกันว่า ข้าจะอยู่ห่างไกลจากฝูงชนอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ช่วยพูดเสริม “เสด็จแม่ ข้าจะดูแลนางอย่างดี ท่านไม่ต้องเป็นกังวลนะขอรับ”

 

 

เช่นนี้พระชายาฉีถึงจะยอมตอบตกลง แต่ก็ยังเรียกชิงหลวนและจูหลีเข้ามาในเรือน มอบหมายให้ทั้งสองต้องติดตามเมิ่งเชี่ยนโยวทุกฝีก้าว ถ้านางได้รับบาดเจ็บ พวกนางสองคนก็ไม่ควรมีหน้ากลับมาอีก

 

 

ชิงหลวนและจูหลีรับปาก พร้อมสาบานว่าต่อให้ตายก็จะปกป้องเมิ่งเชี่ยนโยวให้ปลอดภัย

 

 

เช่นนี้พระชายาฉีจึงจะวางใจได้อย่างแท้จริง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวออกจากจวนอ๋อง นั่งรถม้าไปยังเป่ยเฉิง ตลอดทางมีผู้คนที่พูดถึงเรื่องงานในวันนี้ตลอด เป็นเพื่อนเดินทางไปยังเป่ยเฉิงด้วยกัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งให้รถม้าเดินช้าหน่อย อย่าไปชนคนข้ามถนนเข้า

 

 

พิธีจัดหาคู่ถูกจัดขึ้นที่ประตูศาลาว่าการในเป่ยเฉิง ขณะที่ทั้งสองมาถึง ฉู่เหวินเจี๋ยได้นำทัพทหารชั้นยอดมาเฝ้าพื้นที่ทางเข้าศาลาว่าการไว้แล้ว มีการป้องกันที่แน่นหนา และองครักษ์ลับเหล่านั้นยังแต่งตัวเหมือนคนธรรมดา ยืนอยู่ด้านหลังทหารชั้นยอดเหล่านี้

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยสวมชุดเกราะทั้งตัว ยืนท่ามกลางลานด้วยความสง่าผ่าเผย แววตาที่แหลมคมสอดส่องผู้คนที่มากันอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า เมื่อพบเจอคนที่น่าสงสัย ก็จะส่งสัญญาณมือไปให้องครักษ์ลับ องครักษ์ลับจะไปตามติดด้านหลังคนๆ นั้นอย่างเงียบๆ และพาออกไปโดยไม่ให้คนนอกสังเกตเห็น

 

 

หลังจากที่จับพวกโจรกระจอกไปได้แล้วหลายคน ฉู่เหวินเจี๋ยถึงจะโล่งใจ หายใจได้คล่องขึ้น แม้ว่าจุดประสงค์ของคนเหล่านั้นในวันนี้คือเพื่อเงิน ไม่ใช่ไท่จื่อก็ตาม เขาก็ไม่อนุญาตให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้าหากว่าพวกเขาก่อเหตุจลาจลขึ้น ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับผิดชอบได้

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า สายตาทั้งสองเห็นฉู่เหวินเจี๋ยที่ยืนอยู่กลางสนาม พวกเขาเดินเข้าไป ทักทายด้วยรอยยิ้ม “ท่านน้า”

 

 

ใบหน้าของฉู่เหวินเจี๋ยที่จริงจังมาตลอดกลับเผยรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงก็อบอุ่นขึ้น “พวกเจ้ามาแล้วหรือ ไปพักด้านในครู่หนึ่งก่อนเถอะ รอไท่จื่อเสด็จแล้ว ข้าจะส่งคนไปบอกพวกเจ้าเอง”

 

 

มีทหารชั้นยอดคอยปกป้อง แน่นอนว่าพวกเจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการไม่มีอะไรให้ช่วย พวกเขาจึงมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดโต๊ะเก้าอี้ บางคนก็ไปรดน้ำ ไม่ว่าทั้งในและนอกศาลาว่าการล้วนแต่สะอาดยิ่งกว่าตอนตรุษจีนเสียอีก

 

 

บรรดาเจ้าหน้าที่เห็นหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ในขณะที่กำลังตื่นเต้น พวกเขาก็ต่างทยอยคำนับทักทาย “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย”

 

 

เปาชิงเหอก็ออกมาต้อนรับจากด้านใน “ข้าน้อยขอคาราวะซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย”

 

 

มีคนจับตาดูเป็นนับหมื่นนับพันคนในวันนี้ มารยาทที่ควรมีมิอาจละเว้นได้ หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เหมือนเช่นเคย แม้ปากจะบอกว่าไม่ต้องคำนับ แต่ก็พยักหน้าเล็กน้อย ดูท่าทางเป็นทางการ “ใต้เท้าเปา จัดเตรียมเสร็จแล้วหรือ”

 

 

เปาชิงเหอโค้งคำนับ ตอบกลับด้วยความนอบน้อม “รายงานซื่อจื่อ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว รอแค่ไท่จื่อมาเป็นประธานพิธีขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้ารับ แล้วพาเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปด้านใน

 

 

ทั้งสองฝั่งในมีเก้าอี้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ตรงกลางของเก้าอี้แต่ละตัวมีโต๊ะสูงขนาดครึ่งคนวางอยู่ ดูเหมือนว่าจะเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับพวกเขาที่มียศถาบรรดาศักดิ์

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงบนที่นั่งด้านบนสุดของทิศตะวันออก

 

 

เปาชิงเหอเดินมาพร้อมกับบัญชีรายชื่อ วางลงบนโต๊ะของทั้งคู่ “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย นี่คือรายชื่อเด็กสาวที่มาสมัครในห้าวันนี้ มีทั้งหมดห้าร้อยสิบสองนาง ในนั้นมีคนที่อายุมากกว่าสิบแปดปีอยู่ห้าสิบนาง สิบเจ็ดปีหนึ่งร้อยนาง สิบหกปีอีกหนึ่งร้อยนาง จำนวนคนที่มากสุดจะเป็นหญิงสาวอายุสิบห้า มีทั้งหมดสองร้อยหกสิบสองนาง และยังมีอีกหลายสิบคนที่มาสมัคร บอกว่าอายุสิบห้า แต่ข้าน้อยดูแล้วก็น่าจะอายุเพียงแค่สิบสามปี จึงปฏิเสธพวกนางไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ในโรงงานของนางมีทหารเพียงร้อยกว่านาย แต่ตอนนี้กลับมีหญิงสาวมาสมัครห้าร้อยกว่านาง ดูแล้ววันนี้ทหารทั้งหมดคงหาภรรยาที่เหมาะสมได้

 

 

เปาชิงเหอเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนสมัครมากขนาดนี้ หลังจากที่ติดใบประกาศเสร็จ เขาคาดการณ์ไว้ว่าจะมีคนมาสมัครหนึ่งถึงสองร้อยคน คิดไม่ถึงว่าจะมีมากเช่นนี้ เขาในตอนนั้นก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าเมิ่งเชี่ยนโยว เขายังได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจ ว่าทำไมพวกนางถึงได้มาสมัครหาคู่ ต้องรู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่มีความพิการ คำตอบที่ได้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย “ความพิการอะไรกัน พวกเขาหาเงินได้มากกว่าคนที่มีร่างกายปกติสมบูรณ์เสียอีก เท่านี้ก็เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว นี่ก็ดีกว่าครอบครัวยากจนที่ขายลูกสาวกินมากแล้ว”

 

 

คำพูดนี้เป็นคำพูดแทนใจของคนส่วนมาก หลังจากที่เปาชิงเหอฟังจบ ในใจก็พูดไม่ออกว่ายินดีหรือเป็นกังวล ที่ทำให้ยินดีคือสองปีมานี้ที่เป่ยเฉิงผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่มีเหตุการณ์ขายลูกสาวเกิดขึ้นอีก แต่ที่เป็นกังวลคือไม่รู้ชีวิตที่มีกินมีใช้แบบนี้ คนเป่ยเฉิงจะสามารถรักษาไว้ได้นานขนาดไหน จากนั้น ก็รู้สึกว่าตนคิดมากไปแล้ว มีเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ มีที่ดินหนึ่งพันห้าร้อยหมู่นั้นอยู่ ตราบใดที่คนเป่ยเฉิงมีช่องทางทำมาทำกิน ชีวิตจะไม่กลับไปเหมือนก่อนอย่างแน่นอน

 

 

ในสมุดบัญชีรายชื่อมีการบันทึกเพียงแค่ชื่อและอายุของเด็กสาว เรียบง่ายยิ่งนัก เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบมันขึ้นมากวาดสายตามองดูคร่าวๆ นางหัวเราะพลางกล่าว “นี่มันเกินความคาดหมายของข้าจริงๆ ดูท่าแล้ววันนี้คงจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นไม่น้อย”

 

 

เปาชิงเหอก็มีความปีติอย่างที่สุด ไม่ต้องเอ่ยถึงเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหก แต่เด็กสาวที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดนั้นก็ถือเป็นสาวแก่แล้ว บางคนเป็นเพราะถูกครอบครัวห้ามไว้ บางคนพ่อแม่ไม่ยินยอม จึงต้องอยู่โสดต่อ อยู่จนถึงอายุที่ไม่สามารถแต่งงานแล้ว ถ้าหากว่าหญิงแก่พวกนี้สามารถพบเจอคนที่เหมาะสมอย่างแท้จริง ไม่นานก็จะสามารถแก้ไขปัญหาครอบครัวได้ไม่น้อย

 

 

“ใต้เท้าเปา ทหารพิการเหล่านี้ล้วนไม่มีญาติมิตร อีกสักครู่ให้ท่านเพิ่มไปอีกข้อหนึ่ง ถ้าบ้านฝ่ายหญิงขาดคน อยากให้พวกเขาไปอาศัยด้วยก็ย่อมได้ ไม่จำเป็นว่าต้องให้บุตรสาวแต่งออกเรือนมาเท่านั้น”

 

 

เปาชิงเหอรับคำสั่ง

 

 

ในช่วงสาย หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงของไท่จื่อและกองทหารเกียรติยศ ขณะเดียวกันก็ยืนขึ้น และเดินออกไปนอกที่ว่าการ เปาชิงเหอก็เดินตามหลังพวกเขาไป

 

 

เป็นไปดังคาด ในระยะไกลรถม้าหรูแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ มีนางกำนัลและขันทีอยู่สองข้างทาง ข้างหน้าเป็นกองทหารเกียรติยศของไท่จื่อข้างหลังเป็นองครักษ์ของตงกง

 

 

ฝูงชนที่ล้อมรอบเห็นรถม้าที่หรูหรานี้เป็นครั้งแรก ภาพตรงหน้าที่อลังการ ภายในใจทั้งตื่นเต้นและซาบซึ้ง ค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้น ยื่นคอยาวขึ้น หวังอยากให้ตนเองสูงขึ้นกว่านี้อีกสักสองคืบ และสายตาจ้องไปที่รถม้า

 

 

สายตาของฉู่เหวินเจี๋ยจริงจังขึ้น ส่งสัญญาณมือไปให้เหล่าทหารชั้นยอดที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน สั่งให้พวกเขารักษาท่าทีองอาจของทหารไว้

 

 

กองทหารเกียรติยศเดินตรงมายังที่ว่าการ ฝูงชนและเหล่าทหารชั้นยอดต่างหลีกทางให้

 

 

หลังจากเดินขบวนถึงที่ว่าการ กองทหารเกียรติยศก็หยุดลง รถม้าก็ค่อยๆ หยุดลงตาม ฉู่เหวินเจี๋ยเดินไปข้างหน้าด้วยความนอบน้อม กล่าวเสียงดังต่อรถม้า “ข้าน้อยฉู่เหวินเจี๋ยขอต้อนรับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เปาชิงเหอนำบรรดากุนซือและเจ้าหน้าที่คุกเข่าต่อหน้ารถม้า “ข้าน้อยเปาชิงเหอนำผู้ใต้บังคับบัญชามารับเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ฝูงชนและทหารชั้นยอด รวมถึงเหล่าองครักษ์ลับทั้งหมดคุกเข่าลง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวยังคงยืนอยู่โดยไม่ขยับ

 

 

ขันทีคนหนึ่งเอาเก้าอี้ม้ามาวางไว้ข้างรถม้า นางกำนัลที่อยู่ข้างรถม้าเปิดม่านออก หวงฝู่ซวิ่นโค้งคำนับออกมาจากรถม้า และเหยียบเก้าอี้ใต้รถม้า ผู้มีบารมีที่สูงส่งแสร้งกล่าวต่อทุกคนว่า “ทุกท่านยืนขึ้นเถิด”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยขอบพระทัย และยืนขึ้น

 

 

เปาชิงเหอก็ขอบพระทัย และยืนขึ้น กุนซือและเจ้าหน้าที่ล้วนยืนขึ้นตาม ประชาชนก็ยืนขึ้นตาม

 

 

ฝูงชนค่อยๆ เงยหน้ามอง เห็นเพียงไท่จื่อที่สวมมงกุฎทองคำ สวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนคาดด้วยไหมสีทอง สวมใส่รองเท้าคู่หนึ่งที่ประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงิน ทั้งร่างแสดงให้เห็นว่าเป็นวีรบุรุษและมีเกียรติสูงส่ง ไร้ผู้ใดเทียบเคียง

 

 

ฝูงชนตกตะลึง จากที่แอบๆ ชำเลืองมอง เปลี่ยนมาเป็นจ้องมองอย่างไม่ละสายตา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงไปข้างหน้า ส่งเสียงกล่าวทักทาย “ไท่จื่อ”

 

 

หวงฝู่ซวิ่นค่อยๆ พยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย ข้าติดธุระกะทันหันจึงมาช้า ไม่ได้ทำให้งานล่าช้าใช่หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับด้วยความนอบน้อม “ไท่จื่อทรงสละเวลาจากการทรงงานมากมายมาเป็นประธานในพิธีจัดหาคู่ นับเป็นเกียรติของพวกเขา ไม่ได้มาช้าแต่อย่างใดเพคะ”

 

 

หวงฝู่ซวิ่นยิ้มแล้วพยักหน้า “เช่นนั้น พวกเรามาเริ่มพิธีกันเถอะ”

 

 

“ไม่รีบเพคะ ไท่จื่อเพิ่งจะเสด็จถึง พักสักประเดี๋ยวเถิดเพคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวต่อ

 

 

หวงฝู่ซวิ่นเข้าใจว่านางมีสิ่งที่ต้องการพูดกับเขา จึงยิ้มและเดินตรงเข้าไปในที่ว่าการ หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินตามติด

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยยังคงอยู่ข้างนอก และคอยสอดส่องผู้คนรอบๆ

 

 

เปาชิงเหอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินตามเข้าไป โดยปกติ ฐานะของเขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปด้วย แต่ว่าอย่างไรก็ต้องมีใครเข้าไปชงชารินน้ำให้ และถ้าจะสั่งเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ไปก็คงจะไม่ดีนัก ดังนั้นจึงส่งตนเองเข้าไปแทน

 

 

เหล่ากุนซือและเจ้าหน้าที่รออยู่ด้านนอก

 

 

หลังจากที่ทั้งสามนั่งลง เปาชิงเหอก็รินชาและน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้าให้กับทั้งสาม จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ

 

 

สายตาของหวงฝู่ซวิ่นไม่ได้มองเขาแม้แต่น้อย เขายิ้มและถามเมิ่งเชี่ยนโยว “น้องสะใภ้ เจ้ามีเรื่องจะพูดกับข้าใช่หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “ไม่รู้ว่าวันนี้พี่ใหญ่จะพูดอะไรบ้างเจ้าคะ พอจะบอกพวกข้าก่อนได้หรือไม่”

 

 

“หลายวันนี้ข้าให้ผู้สำเร็จราชการช่วยข้าคิดไว้แล้ว วางใจเถอะ ข้าได้จดจำมันไว้ในใจแล้ว ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน”

 

 

ผู้สำเร็จราชการในตำหนักของไท่จื่อล้วนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถของรัฐอู่ มีบทพูดที่กลั่นกรองมาจากความคิดของพวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกวางใจ และไม่ได้ถามต่อในเรื่องนี้ “พี่ใหญ่เพียงระวังอยู่เรื่องเดียว คำพูดของท่านนั้น อย่าให้มันล้ำลึกเกินไป เกรงว่าพวกชาวบ้านจะไม่เข้าใจได้”

 

 

“สิ่งเหล่านี้ผู้สำเร็จราชการคิดไว้แล้ว น้องสะใภ้รอดูเถิด”

 

 

“ข้าเชื่อใจพี่ใหญ่” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

 

เมื่อไม่มีปัญหาใด ทั้งสามเดินออกมาทีละคน

 

 

ตรงปากทางเข้าที่ว่าการ เปาชิงเหอได้สั่งให้คนจัดเตรียมโต๊ะแถวหนึ่งไว้แล้ว

 

 

หวงฝู่ซวิ่นเดินตรงไปที่หลังโต๊ะนั้น

 

 

ฝูงชนที่มีความตื่นเต้นและคึกคักเมื่อครู่ก็สงบลงทันที ทุกคนล้วนแต่มองมาที่เขา

 

 

หวงฝู่ซวิ่นตรัสต่อทุกคน “วันนี้ที่มาที่นี่ก็เพื่อจะจัดพิธีหาคู่ให้กับเหล่าทหาร ตัวข้า หวงฝู่ซวิ่นรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ทหารเหล่านี้ต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญเพื่อราชวงศ์จนตัวต้องพิการ ที่ผ่านมาข้าไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่ง ในที่สุดวันนี้ความเสียใจเหล่านี้ก็ได้รับการทดแทนแล้ว ข้าสามารถเห็นพวกเขาค้นหาหญิงสาวที่ชื่นชอบเหมือนคนทั่วไปด้วยตนเอง และใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป และมีลูกหลานสืบสกุล ไม่เหมือนแต่ก่อน ที่โดดเดี่ยวยากไร้ และไร้คนดูแล วันนี้ ข้าหวงฝู่ซวิ่นขอให้คำมั่นกับทุกท่าน และให้ขอทุกคนเป็นพยาน ภายภาคหน้าหากมีสงครามอีก ราชวงศ์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือทหารพิการทั้งหลาย และจะตอบแทนให้กับครอบครัวของพวกเขา เพื่อให้คนที่มีความใฝ่ฝันที่จะรับใช้ชาติไปรบและสังหารศัตรูอย่างไร้กังวล”

 

 

เขาตรัสจบ ทุกคนต่างพากันเงียบ ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย หลังจากนั้นไม่นานฉู่เหวินเจี๋ยก็ได้สติ และคุกเข่าลงบนพื้นทันที กล่าวเสียงดังด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยฉู่เหวินเจี๋ยขอเป็นตัวแทนเหล่าทหารขอบพระทัยไท่จื่อ”

 

 

ทุกคนถูกปลุกให้ได้สติด้วยคำพูดของเขา ทั้งหมดคุกเข่าลง รวมถึงเปาชิงเหอและบรรดาเจ้าหน้าที่ ต่างโห่ร้องพร้อมเพรียงกัน “ขอไท่จื่อทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองสิ่งเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม นี่ถึงจะเป็นเป้าหมายหลักที่นางเชิญหวงฝู่ซวิ่นมาเป็นประธานในพิธีจัดหาคู่ การซื้อใจผู้คน ให้ฝูงชนเคลิ้มตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งและอำนาจของเขาก็จะมั่นคงขึ้น