อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสัตว์เทพกิเลนจะทำเช่นไร ท่าทางของซูจิ่นซีก็ยังคงสับสนและจำอันใดไม่ได้แม้แต่น้อย
จนกระทั่งช่วงบ่าย จิ่วหรงเดินเข้าประตูมาอีกครั้ง เขานำสัตว์เทพกิเลนใส่ไว้ในอาคมกำไลปี่อั้น ทำให้บรรยากาศรอบตัวซูจิ่นซีเงียบสงบลง
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่นาน นางยังคงถามจิ่วหรง “อาจารย์ ข้ามีเรื่องหนึ่งจะถามท่าน”
“หืม? ”
“ก่อนหน้านี้เกิดอันใดขึ้นกับข้ากันแน่? เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าจำเรื่องราวบางอย่างไม่ได้ ทั้งความทรงจำบางส่วนที่อยู่ในใจก็ว่างเปล่า
ยังมี จู่ๆ เหตุใดในหัวของข้าจึงมีมิติเวลา? อาคมกำไลปี่อั้นนี้มาจากที่ใด? ”
ไม่ว่าจิ่วหรงจะทำสิ่งใดกับซูจิ่นซี ทว่าสิ่งของเหล่านี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบออกไปได้
ระบบถอนพิษเป็นเทคโนโลยีในยุคสมัยสามพันปีข้างหน้า จิ่วหรงไม่รู้ว่าจะกำจัดมันอย่างไร
ทั้งอาคมกำไลปี่อั้นยังเชื่อมโยงกับชีวิตของซูจิ่นซี
นอกจากว่าซูจิ่นซีจะตาย จึงจะสามารถถอดอาคมกำไลปี่อั้นออกจากข้อมือของนางได้
จิ่วหรงมีท่าทางสงบนิ่งอย่างมาก จนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ เจ้าได้สังเวยวิญญาณหยินจนดวงวิญญาณแตกสลาย แม้จะขัดต่อสวรรค์ ทว่าเพื่อช่วยเจ้า อาจารย์จึงขอให้ท่านเซียนหนานไห่ เทพเป่ยไห่ และซีหวังมู่ช่วยรวบรวมดวงวิญญาณให้เจ้าอีกครั้ง ตอนนี้เจ้ายังฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์ ความผิดปกติในร่างกายนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกไม่นานก็จะดีขึ้นเอง”
หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ซูจิ่นซีจึงรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล และไม่สงสัยอันใดอีก
ซูจิ่นซีลืมเรื่องราวนับพันปี ลืมเยี่ยโยวเหยา ลืมแคว้นจงหนิง และลืมแคว้นหนานหลี ในใจของนางมีเพียงจิ่วหรงและความปรารถนาของเทพธิดาเท่านั้น
เพียงได้อยู่กับจิ่วหรง สำหรับซูจิ่นซีแล้ว นับเป็นความปรารถนาและความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ตอนกลางคืน จิ่วหรงบรรเลงพิณบนหน้าผาชมดาว ขณะที่ซูจิ่นซีนั่งอยู่ด้านข้าง ใช้มือทั้งสองเท้าแก้มฟังเสียงพิณ
ตำหนักเซียนหลินเป็นสถานที่ใกล้กับสวรรค์ชั้นเก้ามากที่สุด ทั้งดวงดาวที่อยู่บนผาชมดาวในค่ำคืนนั้นยังสวยงามที่สุดในสามโลกเจ็ดดินแดน
แสงจันทร์ที่เจิดจ้าส่องกระทบร่างของซูจิ่นซีและจิ่วหรง ราวกับพวกเขาถูกชุบด้วยชั้นสีทอง
ไม่รู้ว่าสัตว์เทพกิเลนออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นตั้งแต่เมื่อใด มันนั่งยองๆ ลงข้างกายซูจิ่นซี และแหงนมองดวงดาวบนท้องฟ้า
ด้วยรูปลักษณ์ที่ชวนหลงใหล และความโศกเศร้าเล็กน้อย ทำให้มันหันศีรษะไปทางซูจิ่นซีเป็นครั้งคราว ราวกับต้องการพูดอันใดบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันคิดว่าจิ่วหรงอยู่ที่นั่นด้วย และไม่ว่ามันจะพูดอันใด นายท่านก็ไม่เข้าใจ ทำให้มันรู้สึกท้อแท้
มันจึงไม่มีอันใดจะพูด
ทว่าผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีก็ค้นพบบางสิ่ง
“อาจารย์ ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้พิณเฟิ่งหวง ทว่าเหตุใด วันนี้ท่านจึงใช้พิณเปยหมิงเล่า? ก่อนหน้านี้ อาจารย์ได้ผนึกพิณเปยหมิงไว้ที่ด้านหลังภูเขามิใช่หรือ? ทั้งท่านยังบอกอีกว่า จะไม่ใช้มันอีก ท่านนำมันออกมาตั้งแต่เมื่อใด? ”
“พิณเฟิ่งหวงนั้น รัชทายาทเยี่ยหัวยืมไปแล้ว”
“โอ้! ”
“ได้ยินมาว่า รัชทายาทเยี่ยหัวแห่งเหยาฉือได้หมั้นหมายกับอวิ๋นเฉี่ยนจวิ้นจู่แห่งเทียนตู พวกเขาจะจัดงานอภิเษกสมรสอย่างยิ่งใหญ่ในไม่ช้า อาจารย์เป็นคนเผ่าอวิ๋น ทั้งยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเผ่าเทียนตู งานอภิเษกสมรสของรัชทายาทเยี่ยหัวกับอวิ๋นเฉี่ยนจวิ้นจู่ อย่างไรเสีย ท่านควรจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่กระมัง?
ข้าเห็นผลไม้อมตะที่อยู่ด้านหลังภูเขากำลังสุกเต็มที่ คงสุกทันงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทเยี่ยหัวกับอวิ๋นเฉี่ยนจวิ้นจู่ มิสู้มอบผลไม้อมตะเป็นของขวัญดีหรือไม่? ”
“ตกลง เจ้าไปจัดเตรียมเถิด! ”
สัตว์เทพกิเลนทอดสายตาออกไปมองสวรรค์ชั้นเก้า ดวงตาของมันว่างเปล่าราวกับถูกทอดทิ้ง
นายท่าน ท่านลืมทุกอย่างไปแล้วจริงหรือ?
งานอภิเษกสมรสของรัชทายาทเยี่ยหัวและอวิ๋นเฉี่ยนจวิ้นจู่ได้จัดขึ้นไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น ในวันอภิเษกสมรส อวิ๋นเฉี่ยนจวิ้นจู่ถูกรัชทายาทเยี่ยหัวทำร้ายและขับไล่สู่แท่นวิหารวิญญาณ
ตอนนี้ รัชทายาทเยี่ยหัวได้อภิเษกสมรสกับคุณหนูเหมยเจียง บุตรีของผู้อาวุโสแห่งสกุลอวิ๋น ทั้งเทียนจวินเหยาฉือยังแต่งตั้งนางเป็นจวิ้นจู่ ซึ่งมีฐานะทัดเทียมกับอวิ๋นเฉี่ยนจวิ้นจู่อีกด้วย
สัตว์เทพกิเลนมองซูจิ่นซีด้วยความจริงจัง เห็นได้ชัดว่านายท่านจำสิ่งใดไม่ได้แม้แต่น้อย ทั้งนางยังไม่ทราบเรื่องนี้
ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีฟังเสียงพิณจนผล็อยหลับไปยามใด เมื่อตื่นขึ้นก็เป็นรุ่งเช้าของอีกวัน จิ้งจอกตัวน้อยและสัตว์เทพกิเลนนอนหลับอย่างน่ารักอยู่บนเตียงของนาง
ทันทีที่นางลุกจากเตียง เด็กสาวสองคนก็ยกถาดล้างหน้าเดินเข้าประตูมา
พวกนางนำสิ่งของวางไว้บนโต๊ะ และเดินออกประตูไปโดยไม่พูดอันใด
ซูจิ่นซีเห็นว่าเด็กสาวทั้งสองมีท่าทางเป็นมิตร และดูไม่เหมือนบ่าวรับใช้ของตำหนักเซียนหลิน
จึงถามว่า “เจ้าเพิ่งมาใหม่หรือ? ”
เด็กสาวหยุดฝีเท้าและเหลือบมองซูจิ่นซีด้วยความสงสัย “ตอบอาจารย์อา พวกเราอยู่ที่นี่มาห้าร้อยปีแล้ว”
“ห้าร้อยปี… ”
เด็กสาวผู้นี้อยู่มานานแล้ว ทว่าเหตุใดนางจึงไม่รู้จัก!
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ความทรงอันว่างเปล่าที่หายไปจากจิตใจของนางคือสิ่งใด?
หรือเป็นดั่งที่อาจารย์บอก เพราะร่างกายของนางยังฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์?
ซูจิ่นซีพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้นอีกครั้ง ทว่ายิ่งคิดยิ่งปวดหัว
ในที่สุด ซูจิ่นซีก็ไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดนั้นได้ นางพิงร่างกับโต๊ะ พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดจนเล็บของนางเจาะลงไปในเนื้อโต๊ะ
เมื่อเห็นท่าทางของซูจิ่นซี เด็กสาวก็อดสงสัยไม่ได้
“อาจารย์อา ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? ”
สุดท้าย ซูจิ่นซีก็ล้มลงบนพื้นอย่างเจ็บปวด สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องด้วยความเป็นห่วง ทว่าพวกมันไม่อาจช่วยอันใดได้
ทันใดนั้น เงาร่างสีขาวก็เหาะลงมาข้างกายซูจิ่นซี เขารีบพยุงซูจิ่นซีวางลงบนเตียง จากนั้นจึงใช้พลังภายในรักษาอาการปวดหัวของนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงกลับมาเป็นปกติ นางมองจิ่วหรงด้วยสายตาพร่ามัว
“อาจารย์… ”
“ไม่ต้องคิดสิ่งใด ร่างกายของเจ้ายังไม่ฟื้นตัว ตอนนี้อย่าคิดมาก”
“อืม” ซูจิ่นซีพยักหน้า ก่อนจะหลับตาลงและไม่คิดสิ่งใดอีก
แววตาของจิ่วหรงที่มองซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยน พลันหันไปมองบ่าวรับใช้ทั้งสองอย่างดุร้าย เด็กสาวรู้ตัวดีว่าตนเองทำผิด จึงรีบก้มศีรษะและเดินออกจากประตูไป
สัตว์เทพกิเลนรับรู้ว่าคุณชายกำลังโมโหจึงหดตัวลง ก่อนจะหายเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซี ส่วนจิ้งจอกเก้าสีก็กลับเข้าไปในแขนเสื้อของจิ่วหรง
“เป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง? ” จิ่วหรงถามซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้น “อืม ดีขึ้นมากแล้ว! ”
“เช่นนั้นก็ดี! ”
“อาจารย์ เป็นเพราะร่างกายของข้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ความทรงจำบางส่วนของข้าว่างเปล่าจริงหรือ? ”
“ใช่! ”
“แต่อาคมกำไลปี่อั้นและมิติเวลาในร่างของข้าคือสิ่งใด”
“อาจารย์เป็นผู้มอบอาคมกำไลปี่อั้นให้เจ้า ส่วนมิติเวลานั้น… อาจารย์ก็ไม่รู้เช่นกัน”
คำว่าไม่รู้นั้น สามารถหลบเลี่ยงได้ทุกสิ่ง
ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ ทว่าสุดท้าย นางก็ไม่พูดอันใด จิ่วหรงดึงมือของซูจิ่นซีลงจากเตียง และพานางเดินออกไป
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “อาจารย์ พวกเราจะไปที่ใด? ”
“ดอกไห่ถังด้านหลังภูเขาบานแล้ว พวกเราจะออกไปดูดอกไห่ถัง”
“ดอกไห่ถังด้านหลังภูเขากำลังเบ่งบานหรือ? ”
ดอกไห่ถังด้านหลังภูเขาเบ่งบานตลอดเวลา! มันเคยเหี่ยวเฉาเมื่อใดกัน?
เหตุใดอาจารย์ต้องยืนยันจะพานางไปดูดอกไห่ถังในวันนี้ด้วย?
อย่างไรก็ตาม ภายในใจของซูจิ่นซีมีความสุขอย่างมาก นางเม้มริมฝีปากพลางแย้มยิ้ม และเดินตามจิ่วหรงไปด้านหลังภูเขา