Ch.61 – หนีได้แบบเฉียดฉิว

Translator : Reheikichi / Author

[ ก็อบลิน? ]

ผมที่ส่งเสียงพึมพำเมื่อเห็นเงาที่กำลังเข้ามาใกล้

ก็อบลิน มอนสเตอร์ผิวสีเขียว รูปร่างคล้ายเด็กมนุษย์ เมื่อมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์เข้ามาใกล้ก็เริ่มเห็นรูปร่างของมันชัดขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะมีรูปร่างเหมือนเด็กมนุษย์แต่พลังผิดกันลิบลับ แม้จะตัวเป็นเด็กแต่มีพลังเหนือกว่ามนุษย์ผู้ใหญ่ซะอีก

[ ไม่ได้มีแค่ก็อบลิน… มีฮ็อบก็อบลินรวมอยู่ด้วย ]

กุเร็นมีน้ำเสียงเครียด

เมื่อเห็นก็อบลินตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหลังพวกก็อบลิน

ฮ็อบก็อบลิน ――ก็อบลินที่โตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นก็อบลินมิเซ่ก็จัดการได้สบาย แต่หากเป็นฮ็อบก็อบลินจะอันตราย

ผมพลางเหลือบไปมองกุเร็น มิเซ่ และเอลิเซีย

ก็อบลินมีสี่ตัว ฮ็อบก็อบลินหนึ่งตัว การต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูกลุ่มมากๆ เข้าในสถานการณ์นี้ถือว่าโชคร้าย เอลิเซียท่าทีสงบและพร้อมต่อสู้ ส่วนทางมิเซ่และกุเร็นยังคงสับสนกันอยู่

 

――แถมบางทีตอนนี้พวกโจรอาจจะตามพวกเราอยู่ก็ได้

 

ถ้ามาตกอยู่ในอันตรายในตอนนี้ พวกโจรอาจจะโผล่มาก็เป็นได้

เป็นไปได้ผมก็อยากจะเข้าไปในเขาวงกตให้ลึกกว่านี้แล้วค่อยลงมือปราบพวกโจร

 

[ …ออสจัดการให้ทีได้ไหม? ]

ผมกระซิบออสที่อยู่ข้างๆ

[ อือ ต้องคำนึงถึงวิธีต่อสู้ให้แตกต่างกันระหว่างคุ้มกันกับไปสู้กับพวกโจรด้วยสินะ… แต่ให้สู้ได้ประมาณไหนดีล่ะ? ]

[ ….ให้ใช้เวทขนานกับการต่อสู้ใช้หลายๆ แบบแล้วกัน… แต่ห้ามใช้สังเคราะห์ระเบิดล่ะ ]

[ รับทราบ ]

ออสพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็กระโดดไปด้านหน้าของพวกเรา

[ ขอให้เราจัดการเองได้ไหม? ]

[ ต แต่คุณออสคนเดียว… ]

[ อะฮา ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จบแล้ว ]

ออสพูดขณะที่ยื่นแขนไปข้างหน้า

ดวงไฟสีเขียวสว่างขึ้นที่แขนด้านซ้าย ดวงไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่แขนด้านขวา เกิดเสียงแหลมสะท้อนและพลังเวทก็มาบรรจบกันที่แขนทั้งสองข้างของออส

ก็อบลินรีบกระโดดเข้าหาออส อาจจะเพราะพวกมันสังหรณ์ได้ถึงอันตราย จากนั้นพลังเวทก็มาบรรจบกัน ออสเร็วกว่าที่พวกมอนสเตอร์จะหยุดไว้ได้ทัน――

[ บึ้ม! ]

ในเวลาเดียวกับที่ออสตะโกน เวทก็ถูกปล่อยออกมาจากทั้งสองมือของออส

กระสุนลมและกระสุนน้ำพุ่งเข้าใส่เหล่ามอนสเตอร์

 

โดยเข้าไปกลางฝูงมอนสเตอร์

เสียงคำรามดังก้องไปทั่วเขาวงกต พวกเราจ้องมองเสียงอึกทึกทำลายล้างอันกึกก้อง

 

[ จ้า จบแล้วล่ะ! ]

 

ออสหันหน้ากลับมาพร้อมรอยยิ้ม

ฝูงก็อบลินหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย

[ เมื่อกี้ใช้เวท《กระสุนลม》กับ 《กระสุนน้ำ》ที่เป็นเวทระดับ C พร้อมกันเหรอ…? ]

เอลิเซียเบิกตากว้าง

[ ร่ายเวทขนานอย่างนั้นเหรอ? ]

เสียงพึมพำของมิเซ่ขณะที่เธอเบิกตากว้างเช่นกัน

[ รู้จักด้วยเหรอ? ]

[ ค่ะ ฉันเคยอ่านเจอจากหนังสือในห้องสมุดนะคะ การใช้เวทมนตร์หลายอย่างพร้อมกัน… ต้องใช้ความอึดของพลังเวทเพื่อให้สามารถใช้เวทมนตร์ให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้นและเมื่อเปิดใช้งานแล้วก็ยังต้องใช้เทคนิคเข้าช่วยอีก ]

มิเซ่ตอบคำถามได้ดี ดูท่าทางเธอจะศึกษามาดีนะ

การใช้เวทมนตร์แบบขนานไม่จำเป็นต้องพึ่งการควบคุมเวทมากนัก เนื่องจากการสร้างเวทมนตร์ไม่ได้ซับซ้อน อย่างไรก็ตามด้วยเทคนิคนี้จะกินพลังเวทในร่างกายไปอย่างรวดเร็ว จึงต้องมีความอึดของเวทด้วยเพื่อลดปริมาณการใช้พลังเวทให้น้อยที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความอึดของพลังเวทนี่ล่ะ

กรณีของออสเพราะมีทั้งพลังเวทและความอึดของพลังเวทจึงสามารถร่ายเวทแบบขนานได้

ใช้เวลาในการร่ายน้อยนิดแต่พลังทำลายสูง ――นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอมาเป็นผู้ช่วยในภารกิจนี้ของผม

[ แม้ว่าจะพลังทำลายล้างสูง แต่บ้าพลัง.. ไปหน่อยมั้ง ]

[ ฮิฮิ ]

ออสยืดอกแบนๆ ขึ้นด้วยท่าทางอารมณ์ดี ขณะที่กุเร็นกำลังหวาดๆ

แม้จะทำเกินไป แต่พลังทำลายของเธอก็มากที่สุดในหมู่พวกเราในตอนนี้แล้ว

[ เพราะมันเป็นเหตุฉุกละหุกเลยลืมไปเลย แต่วัตถุดิบของมอนสเตอร์ล่ะ? ]

เอลิเซียที่นึกถึงขึ้นได้ถามทุกคน

ออสมีพลังทำลายสูงเกินไปจนร่างของมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ปลิวหายไปหมด แต่ก็พอมีบางส่วนที่พอจะใช้ได้อยู่บ้าง

[ ไม่ต้องเก็บกันตอนนี้ก็ได้นะ ถ้าเป็นก็อบลินก็ต้องเก็บลูกตา ถ้าเป็นฮ็อบก็อบลินก็อวัยวะด้านในสักส่วนที่ไม่ใช่ลูกตา ถ้าต้องมาชำแหละตอนนี้มีหวังต้องถือของที่มีกลิ่นคาวเลือดสำรวจไปจนสุดทางแน่เลย ]

[ แบบนั้น… ไม่เอานะ ]

คนอื่นๆ เองก็มีใบหน้าแขยงและพยักหน้าเห็นด้วยกับเอลิเซีย

พวกอวัยวะข้างในสายพันธ์ของก็อบลินนั้น ลูกอัณฑะจะมีราคาค่อนข้างสูง เพราะสามารถนำมาสร้างยาชูกำลังได้อย่างดี

 

 

 

 

การสำรวจเขาวงกต ‘วงวนสุสานกษัตริย์’ เป็นไปอย่างราบรื่นจนถึงชั้นสี่

เพราะเขาวงกตแห่งนี้ทางเดินต่อไปเป็นเกลียว จึงคาดเดาตำแหน่งของบันไดเพื่อไปชั้นต่อไปได้ง่าย ยิ่งกว่าที่นั้นที่เราไม่หลงทางก็เพราะแผนที่ซึ่งซื้อมาจากกิลด์

[ ระวังด้วย มันไม่มีกำแพงแล้ว ข้างล่างก็ดูจะลึกมาก ถ้าตกลงไปต้องแย่แน่ ]

เอลิเซียแนะนำ

กำแพงทั้งสองด้านหายไปและมีทางเดินเหมือนสะพานแขวน จากนี้ไปการสำรวจจะอันตรายขึ้นแล้ว

[ มองไม่เห็นอะไรข้างล่างเลย… ]

[ น น่ากลัวจัง… ]

กุเร็นและมิเซ่มองไปยังปลายเท้าเห็นความเห็นที่ลึกลงไปจึงรู้สึกกลัว

พวกเราเดินผ่านทางเดินนี้ไปอย่างช้าๆ

[ …อ๊? ]

เอลิเซียเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาในหัวพร้อมกับมองแผนที่

อาจเพราะมีอะไรบางอย่าง ผมกับกุเร็นจึงหันกลับไปมองเธอ

[ นี่มันต่างจากข้อมูลในแผนที่นิดหน่อยนะ ดูสิ ]

[ ….จริงด้วย เป็นไปได้ว่าทางเดินจะถล่มไปเพราะแผ่นดินไหวก็ได้ค่ะ ]

มิเซ่พูดขณะที่มองไปยังแผนที่ที่เอลิเซียถืออยู่

ทางที่เรากำลังจะเดินไปมันหายไปและมีหลุดขนาดใหญ่และดูจะเป็นทางที่ไม่น่าไปต่อได้ แต่ถ้าใช้《เสริมพลัง》กระโดดข้ามก็น่าจะพอไหว

[ เราอยู่ตรงจุดนี้และข้างหน้าก็จะถึงบันไดแล้ว… แต่มันดูอันตราย อ้อมกันดีกว่านะ ]

 

เอลิเซียพูดพลางถอนหายใจ

เราจึงตัดสินใจย้อนกลับไปนิดหน่อยและใช้ทางอื่นเพื่อไปยังบันได

 

แม้การสำรวจจะราบรื่นดีแต่ก็เหนื่อยกว่าที่คาด เราจึงปรึกษากันว่าจะพักสักนิด

แต่ละคนก็รู้สึกเหนื่อยล้ากันแล้ว แต่ในตอนที่ผมกำลังก้าวไปข้างหน้านั่นเอง

ลางสังหรณ์มันก็บอก――

 

[ ――หยุดก่อน ]

 

ผมบอกทุกคนข้างหลังด้วยเสียงเบาๆ

โดยเผยใบหน้าแค่เพียงส่วนเดียว ขณะที่แอบมองทางเดินข้างหน้าที่กำลังจะเดินไปและเห็นเงาขนาดใหญ่ยืนอยู่ในห้องที่ห่างออกไป

[ นั่นมันคิเมร่า… สำหรับพวกเราตอนนี้มันยังยากที่จะรับมือไหว ]

หัวเป็นสิงโต ลำตัวเป็นแพะ หางเป็นงู

มอนสเตอร์ที่เป็นการรวมกันของสัตว์สามอย่าง―― คิเมร่านั้นมองเห็นได้เกือบรอบทิศ ร่างกายแข็งแกร่งและสามารถพ่นไฟได้ นอกจากหัวสิงโตแล้วมันยังมีหัวแพะอยู่ข้างหลังและหัวงูอยู่ที่ปลายหางด้วย

เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าฮ็อบก็อบลินแบบลิบลับ

ถ้าเป็นผมกับออสร่วมมือกันก็น่าจะรับมือได้ แต่ปัญหาคือการที่มันจะพ่นไฟในทางเดินแคบๆ

[ แต่บันไดอยู่ตรงนั้นแล้วนะ ถ้าไม่ผ่านทางนี้เราก็ไปที่อีกชั้นไม่ได้สิ… ]

เอลิเซียพูด

ในตอนนั้นเองหัวงูของคิเมร่าก็จ้องมองมายังพวกเรา

[ แย่ล่ะสิ มันเห็นเราแล้ว ]

คิเมร่าร้องคำราม

จนรู้สึกถึงแรงกดดันและแรงสั่นสะเทือนได้ จนผิวกายภายนอกสะเทือนไปหมด

 

คิเมร่าหันหน้ามาและเปิดปากกว้าง

จากนั้นก็มีเกิดเปลวเพลิงไหมที่ลำคอของมัน

[ หนีเร็ว! ]

ในเวลาเดียวกับที่บอกให้ทุกคนหนี คิเมร่าก็พ่นไฟออกมาจากปาก

บริเวณหัวมุมทางเดินเกิดลมร้อนตามหลังพวกเราที่กำลังหนี

 

[ ท ทำยังไงดี!? ]

[ เราสู้กับมันไมไ่หวแน่! หนีกันเถอะ! ]

 

กุเร็นตอบมิเซ่ขณะที่กำลังวิ่งหนี

ผมเห็นด้วยกับความเห็นของกุเร็น

แต่ว่าต้องมีคนจัดการเจ้านั้นก่อน――

[ ทรูเอท เดี๋ยว! ]

เอลิเซียตะโกนด้วยท่าทางร้อนใจ

――รู้อยู่แล้วน่า

ผมใช้《เสริมพลัง》เพื่อเพิ่มความสามารถทางกาย

ปัดป้องหมัดที่กำลังชกมาจากด้านหน้าและเตรียมตัวต่อสู้

 

――ฮ็อบก็อบลิน

 

อาจเรียกได้ว่าการพบฮ็อบก็อบลินในชั้นหนึ่งเป็นเรื่องโชคไม่ดี แต่ในชั้นที่สี่การพบฮ็อบก็อบลินไม่ใช่เรื่องแปลก

――แต่ที่โชคร้ายคือดันมาเจอในจังหวะที่แย่สุดๆ

[ มาเจอในจังหวะแบบนี้… ]

[ แบบนี้จะไม่แย่แล้วเหรอ…? ]

กุเร็นพูดขณะที่เหงื่อเย็นๆ หยดท่วมหน้าผาก

ตอนนี้เราอยู่กึ่งกล่างระหว่างคิเมร่ากับฮ็อบก็อบลิน สถานการณ์วิกฤตของแท้ จะจัดการมันด้วยเวทของออสก็ทำได้อยู่หรอก แต่เวลาที่ใช้ร่ายมันไม่ทันการแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เราใช่ว่าจะไร้ทางหนีซะทีเดียว

 

ขณะที่มองดูมอนสเตอร์ ผมก็เหลือบไปเห็นทางเดินสะพานแขวนที่เพิ่งเดินผ่านมา

จริงๆ แล้วยังมีชั้นที่ห้าอยู่ใต้ดิน การจะโดดลงไปต้องใช้ความกล้าพอดู หากใช้ 《เสริมพลัง》ก็อาจจะไม่ได้บาดแผลเลยก็เป็นได้

ที่จริงก็ไม่ควรทำล่ะนะ เพราะต้องเผื่อเส้นทางกลับจากชั้น 5 ด้วย จึงต้องเดินลงไปในทางที่ถูกต้อง…. ตอนนี้มันใช่เวลามาเลือกซะที่ไหน

ผมมองไปยังออส

ในตอนที่ผมกำลังพยายามจะบอกว่ามีทางหนีจากมอนสเตอร์ทั้งสองตัวได้นั่นเอง

 

[ ――ข้างล่าง! ]

 

มิเซ่ตะโกน

 

[ หลุมยักษ์ตรงจุดเส้นทางหลักที่เราเพิ่งเดินมา! แม้มันจะมืดและมองข้างล่างไม่เห็น! แต่หากใช้ 《เสริมพลัง》น่าจะลงพื้นได้ปลอดภัยค่ะ! ]

[ ห๊ะ!? จริงเหรอมิเซ่!? ]

[ ค่ะ! ――ตามฉันมาเลยค่ะ!! ]

จากนั้นมิเซ่ก็ใช้ 《เสริมพลัง》และวิ่งไปยังทางเดิน

ขณะที่ไล่ตามไป ผมก็มองไปยังออส

 

――ทำไมมิเซ่ถึงรู้ได้?

 

ข้างล่างมันมืดสนิท อย่างน้อยก็มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไม่น่าจะมองเห็นแล้วรู้ได้ว่าข้างล่างมันกระโดดลงไปได้

มิเซ่บอกว่าเพิ่งเคยมาที่เขาวงกตนี้ครั้งแรก โกหกเหรอ? ….ไม่สิ ท่าทีที่เธอสำรวจเขาวงกตอย่างตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นนั้น ผมไม่คิดว่ามันเป็นการแสดง ไม่มีเหตุผลที่ต้องให้โกหก

 

จากนั้นมิเซ่ก็กระโดดลงไป

ร่างของมิเซ่หายไปในเงามืด แต่หลังจากนั้นมิเซ่ที่ลงพื้นได้อย่างปลอดภัยก็โบกมือให้เราอยู่ข้างล่างเป็นสัญญาณบอกว่าปลอดภัย

[ ด ดูเหมือนจะกระโดดลงไปได้จริงๆ ]

[ อา เราก็ไปกันเถอะ ]

มีหลายเรื่องอยากจะถาม แต่ต้องหนีกันก่อน

ผมใช้ 《เสริมพลัง》และโดดตามมิเซ่ลงไป