แสงสว่างไสว พลังชี่เต็มไปทั่วทุกทิศ

ในห้องโถงขนาดใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีของที่เป็นของจริงเลยสักชิ้น ล้วนเป็นของที่ก่อตัวมาจากพลังชี่ทั้งหมด

พลังธาตุดินก่อตัวเป็นพื้นดิน พลังธาตุลมก่อตัวเป็นกำแพง พลังธาตุไฟกลายเป็นแสงสว่าง พลังธาตุน้ำกลายเป็นน้ำพุ

ห้าธาตุกลายวัตถุสะท้อนให้เห็นอย่างเต็มที่ในที่แห่งนี้

มองอักษรยันต์ต่างๆ เคลื่อนไหวในห้องโถงใหญ่ ล้วนก่อตัวมาจากพลังฟ้าดินทั้งหมด

กำแพงและพื้นมีแสงเก้าสีสลับไปมา แสงสะดุดตาเป็นอย่างมาก เหมือนเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง

กลางห้องโถงมีประติมากรรมรูปปั้นยืนอยู่

ผู้อาวุโสคนหนึ่งถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ค่อยๆ เปิดเบาๆ

บนหนังสือมีตัวอักษรเคลื่อนไหวอยู่

“วิถีไร้ที่สิ้นสุด!”

ไม่ต่างกัน ประติมากรรมนี้ก็ก่อตัวมาจากพลังฟ้าดิน แต่สิ่งที่ทำให้ลู่ฝานตกใจคือ พลังฟ้าดินในประติมากรรมนี้ มีระบบในตัวมันเอง ราวกับตัวเองได้กลายเป็นโลกภายใน

ลู่ฝานเห็นแล้วถึงกับอึ้ง ตัวแข็งทื่อไปหมด ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จู่ๆ ในใจก็ตระหนักขึ้นได้

ผู้ฝึกชี่ที่พาเขาเข้ามา เห็นลู่ฝานยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาเอาแต่จ้องไปที่รูปปั้นข้างหน้า

ผู้ชายหัวเราะแล้วมองใบหน้าตะลึงของลู่ฝาน จากนั้นพูดว่า “นี่คือฉี่หมิง ผู้ฝึกชี่อันดับหนึ่งของโลกที่อยู่ในตำนาน! รูปปั้นของเขา ถูกสร้างโดยสามปรมาจารย์ผู้ฝึกชี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เป็นไง ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ!”

ลู่ฝานไม่ได้ตอบกลับ ตอนนี้ในตัวเขามีคลื่นที่โหมกระหน่ำ

ห้าธาตุเป็นหนึ่ง เกิดเป็นโลกขึ้นมาเอง!

รูปปั้นด้านหน้า เหมือนประตูบานใหญ่ที่เปิดกว้าง ทำให้ลู่ฝานเห็นโลกที่แตกต่างออกไป

ปราณชี่ในตัว เริ่มไหลเวียนตามรูปแบบการไหลเวียนในรูปปั้น

แต่ไหลเวียนยังไม่ถึงรอบ ลู่ฝานพบว่าปราณชี่ของตัวเองไม่สามารถไหลเวียนต่อไปได้

แม้ปราณชี่ของเขาเป็นหนึ่งเดียวในโลก แม้มีคุณสมบัติพิเศษทุกอย่าง แต่ไม่สามารถทำเหมือนในตัวรูปปั้นได้ ที่เกิดเป็นโลกขึ้นมาเอง!

ลู่ฝานขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาเข้าใจแล้ว

ที่แท้เป็นปัญหาของเส้นลมปราณ เส้นลมปราณคนไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนรูปปั้น

เส้นลมปราณคือสิ่งที่แน่นอน การไหลเวียนก็ต้องยึดตามเส้นลมปราณ คิดไปคิดมา ก็หาทางทำให้เส้นลมปราณของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้ มักจะเชื่อมกันไม่ได้ในจุดที่สำคัญที่สุด

ราวกับเส้นลมปราณหายไปเส้นหนึ่ง!

ลู่ฝานถอนหายใจ ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้วสินะ!

ลู่ฝานละสายตาออกมา แล้วมองตัวอักษร “วิถีไร้ที่สิ้นสุด” อีกหนึ่งครั้ง เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นตัวอักษรที่ดุดัน ปรมาจารย์คงเป็นคนสร้างสินะ!”

ผู้ชายพูดว่า “ใช่แล้ว แต่ปรมาจารย์ที่สร้างรูปปั้นไม่ได้เป็นคนเขียนอักษรเหล่านี้ แต่เป็นอริยปราชญ์เทียมฟ้าเจ้าของเจดีย์คนปัจจุบัน หลงเหลือเอาไว้”

ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “อริยปราชญ์เทียมฟ้า นี่เป็นชื่อเขาเหรอ หรือเป็นชื่อเรียกอย่างยกย่อง”

ผู้ชายยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ทั้งหมด!”

พูดจบ ผู้ชายเดินเข้าไปด้านในต่อ

ลู่ฝานก็ทำได้เพียงเดินตามไป

เจดีย์ยาใหญ่มาก ไม่รู้สูงตั้งเท่าไร

ข้างกำแพงมีขั้นบันไดเมฆเก้าสีวนขึ้นไปด้านบน

เมื่อเหยียบลงไปด้านบน ทุกก้าวที่เดิน บันไดเมฆด้านล่างเท้าจะมีแสงสว่างขึ้นมา

และด้วยน้ำหนักเท้าที่ก้าวออกไปแตกต่างกัน แสงที่สว่างขึ้นมาก็ไม่เหมือนกันด้วย

สิบสามเดินตามลู่ฝานขึ้นไป เขาไม่กล้าเหยียบลงไปแรง บันไดเมฆที่ดูบางเหมือนปีกจักจั่น เขากลัวว่าจะเหยียบมันจนพัง โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักเท้าหนักขึ้นเล็กน้อย บันไดเมฆก็จะกลายเป็นสีแดง สิบสามเข้าใจตามสัญชาตญาณว่านี่คือสัญญาณเตือน ช่วยไม่ได้ เขาต้องเขย่งเท้าเดินขึ้นไปข้างบน

เดินวนขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆ จนเดินมาถึงระดับความสูงของตึกชั้นสิบ ในที่สุดผู้ชายก็หยุดลง