Ch.70 – มิเชเลีย อัลเคเดีย

Translator : Reheikichi / Author

มิเซ่เบิกตากว้างเมื่อเห็นผมถอดเสื้อคลุมสีดำออกและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

เธออาจเป็นคนที่เข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด ว่าผมคุ้มกันและฆ่าศัตรูไปมากมายแล้ว

 

[ รู้ดีว่ามีเรื่องจะถามมากมาย แต่เปลี่ยนสถานที่คุยกันก่อนดีไหม? ]

 

ที่เท้าของผมมีศพของชายสองคนที่พยายามลักพาตัวมิเซ่นอนแน่นิ่ง

การจะคุยกันได้แบบสงบจิตสงบใจโดยมีศพอยู่ใกล้ๆ มันเป็นไปไม่ได้เลย

มิเซ่พยักหน้าอย่างช้าๆ จากนั้นเราจึงออกจากตรอกซอยแห่งนั้น

 

[ คุณเป็นใครกันคะ? ]

 

ขอบเมืองปราสาท เรามายืนอยู่ที่ในซอยที่ไม่มีคนเดินผ่านไปมาเพื่อคุยเรื่องความลับของกันและกัน พวกเรานั่งลงอย่างช้าๆ แต่กลับไม่รู้สึกว่าเป็นการนั่งคุยเรื่องสบายๆ กัน

 

[ …ผมไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ ]

[ งั้นฉันขอคาดเดาว่าคุณคือสมาชิกหน่วยพิเศษของราชอาณาจักรเทอร์ราเรียค่ะ ]

 

เมื่อฟังคำพูดคาดการณ์ของมิเซ่ โดยไม่ขยับแม้แต่ปลายคิ้ว

และเธอยังคงพูดต่อ ขณะที่ผมยังคงเงียบ

 

[ ฉันไม่รู้รายละเอียดหรอกนะคะ แต่ได้ยินว่าที่นี่มีหน่วยข่าวกรองอยู่… แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่ก็รู้ว่ามีองค์กรที่บริหารจัดการโดยราชอาณาจักรเทอร์ราเรียที่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะชนอยู่และองค์กรนี้ยังส่งคนเข้าไปร่วมสงครามครั้งก่อนด้วย

 

หากลองคิดดูถึงความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ของคุณ โดยเฉพาะการบีบอัดของ《กระสุนเวท》ที่คุณถนัด… และยังการเชี่ยวชาญในการฆ่าคน ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่ใช่ทักษะที่เรียนรู้ได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นคุณจะต้องฝึกฝนมาเป็นเวลานานในสภาพแวดล้อมที่เหมือนนรกแน่ค่ะ ]

 

[ ….สำหรับนักเรียนคนหนึ่งถือว่าเป็นการคาดเดาที่เก่งดีนะ ]

[ ไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนอีกแล้วค่ะ ซึ่งคุณเองก็น่าจะรู้ตัวจริงของฉันเช่นกัน ]

 

เพราะเหตุนี้ถึงได้คุ้มกันล่ะนะ

ผมก้มหัวให้มิเซ่จนสุดตัว

 

[ เจ้าหญิงมิเชเลีย ขออภัยด้วยที่กระผมสร้างปัญหาให้ ]

[ …พอแล้ว พูดแบบปกติเถอะค่ะ ]

 

มิเซ่มีท่าทางเศร้าสร้อยและรอยย่นระหว่างคิ้วมากขึ้น

ผมเองก็คาดเดาไว้แล้ว ว่าเธอจะไม่ชอบที่โดนปฏิบัติตัวเหมือนกับเจ้าหญิง อาจเพราะเป็นคนของโรงเรียนเดียวกันก็เป็นได้

 

[ เข้าใจล่ะ งั้นตามนั้นแล้วกัน ]

[ …ช่วยได้มากเลยค่ะ ]

 

ผมกลับมาใช้น้ำเสียงแบบเดิม มิเซ่เองก็ดูจะโล่งใจ

 

[ คำตอบของคำถามก่อนหน้านี้… ถ้ามิเซ่มั่นใจในการคาดการณ์ของตัวเองก็อาจจะไม่ต้องการคำตอบจากผมแล้วก็ได้ ตีความได้สบายเลย ]

 

ทำให้หวั่นไหวซะ

แม้เรื่องมันจะพาไปจนกลายเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนขององค์กรหรืออะไรทั้งนั้น แต่ยังไงองค์กรก็เป็นหน่วยข่าวกองที่ใหญ่ที่สุดของราชอาณาจักรทำทั้งเรื่องถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย คนจากประเทศอื่น―― แม้ว่าจะเป็นมีเชื้อพระวงศ์และมีอิทธิพลทางการเมืองหรือการทหารที่แข็งแกร่งยังไง สุดท้ายก็นำไปสู่ปัญหาทางการทูตระหว่างประเทศได้ทั้งนั้น

 

[ คำถามต่อไป… ผู้จ้างวานของคุณคือใครกันคะ? ]

[ …ผมไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ ]

[ หมายความว่าไม่รู้จักกระทั่งผู้จ้างวานเหรอคะ? ]

[ ขอฝากไว้ให้ตีความเอง ]

 

อย่างที่มิเซ่พูด ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร

จากนั้นมิเซ่ก็อธิบายราวกับอ่านใจผมได้

 

[ บางทีผู้จ้างวานอาจเป็นพ่อของฉันก็ได้ ]

 

มิเซ่พูดออกมาโดยไม่มองผมด้วยซ้ำ ทำให้ผมได้แต่กลอกตาไปมา

 

[ เรื่องจริงเหรอ? ]

[ ค่ะ… ส่วนใหญ่ฉันคิดว่าคงคิดจะแอบเฝ้าดูลูกสาวที่หนีออกจากบ้านในเงามืดโดยไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่พอรู้ว่ามีคนปองร้ายฉันก็เลยสั่งให้คนมาคุ้มกัน ]

 

การคาดการณ์ของมิเซ่เกือบจะเหมือนกับในความคิดผม

ผมไม่รู้ข้อมูลของผู้จ้างวาน แต่จำนวนคนที่ส่งคำขอมายังประเทศอื่นได้มีจำกัด นอกจากนี้หากจำกัดผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการช่วยเหลือมิเซ่แล้วล่ะก็สิ่งที่นึกถึงอย่างแรกก็ต้องเป็นครอบครัวของมิเซ่―― เหล่าเชื้อพระวงศ์

อย่างไรก็ตามก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่คาดคิด

นั่นคือ… ทำไมมิเซ่ถึงมาอยู่ในประเทศนี้

 

[ มิเซ่ เมื่อกี้บอกว่าหนีออกจากบ้านสินะ? ]

[ ค่ะ ฉันพูดออกไป …ดูเหมือนเรื่องของฉันไม่ได้ถูกบอกกล่าวหาใครมากนัก แต่ฉันไม่ชอบการถูกผูกมัดค่ะ ดังนั้นถึงได้หนีออกจากบ้าน ]

 

มันเป็นคำพูดที่หนักแน่นที่ทำเอาบรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่ปลิวหายไปเลย

ผมคิดว่าการหนีออกจากบ้านเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อปิดบังสถานการณ์ที่แท้จริง… แต่ตกลงหนีออกจากบ้านจริงๆ สินะ

 

[ …เจ้าหญิงหนีออกจากบ้านแถมยังทำได้ราบรื่นเลยนี่นะ ]

[ เพราะฉันขู่ว่าจะเปิดโปงเรื่องร้ายๆ ที่คนในเชื้อพระวงศ์ทำเอาไว้ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันหนีออกจากบ้านนะคะ ตอนที่พ่อของฉันยังเด็กเคยจ้างมือสังหารจากประเทศอื่นเพื่อต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ นอกจากนี้ยังมีราชินีที่มีลูกไม่ได้เลยแอบรับเลี้ยงลูกบุตรธรรมและแสร้งว่าเป็นลูกของตัวเองจริงๆ ยังมีอีกเยอะแยะเลยค่ะ ]

 

ราชวงศ์อัลเคเดียในปัจจบัน เด็กผู้ชายที่เกิดมาจากราชาไม่เป็นผลสำเร็จ… แม่ของมิเซ่หรือก็คือราชินีองค์ปัจจุบันจึงไปรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมเพื่อเตรียมการไว้ล่วงหน้า แต่ว่าดูเหมือนในปัจจุบันในที่สุดราชินีก็ให้กำเนิดลูกชายได้สำเร็จ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับบุตรบุญธรรมล่ะ? …ซึ่งเมื่อคิดดูก็พอจะคาดเดาออกแล้ว (กำจัดทิ้งสินะ?)

 

[ ดำสนิทเลยนะ พวกชนชั้นสูงนี่เป็นแบบนี้เหรอ…. แต่มาบอกผมแบบนี้จะดีเหรอ? ]

[ ค่ะ เพราะฉันเชื่อใจคุณทรูเอทค่ะ ]

 

คำพูดนั้นทำให้ผมเกร็งเล็กน้อย

มิเซ่ยิ้มให้อย่างน่าประหลาดใจ

 

[ ขอโทษนะคะ พูดตามตรง ในตอนแรกฉันคิดว่าควรโทษคุณทรูเอทที่ปกปิดตัวจริงไว้ แต่… ฉันรู้ดีว่าฉันต่างหากที่ควรถูกตำหนิ เหมือนกับตัวฉันที่ปกปิดตัวตนเอาไว้แต่แรก นอกจากนี้คุณทรูเอทยังปกป้องฉันมาตลอดโดยไม่รู้ตัว… ต้องขอโทษจริงๆ ที่สร้างความลำบากให้ค่ะ ทั้งที่ทำให้คุณตกต้องเสี่ยงอันตราย แต่ฉันทำเป็นมองไม่เห็นและอยู่เฉยๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง ]

 

มิเซ่หันกลับมามองและขอโทษจากใจจริง

จนหลงคิดว่าไม่น่าใช่พฤติกรรมของเจ้าหญิง

 

[ หยุดเถอะ ]

 

เมื่อผมพูดเช่นนั้น มิเซ่ก็เงยหน้าขึ้นมา

 

[ ที่ผมต่อสู้ก็เพื่อชีวิตประจำวันอันแสนน่าเบื่อ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมทำภารกิจนี้ ไม่ได้รู้สึกว่าสร้างความลำบากให้หรืออะไรหรอก ]

 

เมื่อได้ยิน มิเซ่ก็ยิ้มอบอุ่นกลับมา

 

[ นึกไว้อยู่แล้วค่ะว่าคุณทรูเอทต้องพูดแบบนี้… เพราะแบบนั้นถึงได้เชื่อใจค่ะ ]

 

ผมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์

 

[ ฉันจะบอกทุกอย่างที่ฉันรู้ค่ะ จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้นได้โปรด ปฏิบัติกับฉันอย่างที่แล้วมาเถอะนะคะ ไม่ใช่เพียงน้ำเสียง แต่รวมถึงมองฉันในแบบเดิมด้วยเถอะค่ะ… ฉันชอบชีวิตประจำวันที่เป็นแบบนี้ค่ะ ]

 

ผมจึงตอบมิเซ่ไปโดยไม่ละสายตา

 

[ ไม่จำเป็นต้องบอกก็คิดจะทำอยู่แล้ว ]

 

เพราะรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำตอบแบบนี้รึเปล่านะ?

มิเซ่ถึงได้น้ำตาคลอและยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น