ตอนที่ 1163 - นักลักพาตัว

The Divine Nine Dragon Cauldron

จะอย่างไรนางก็เป็นวิญญาณของลูกหลานเทพกระเรียนประมาทแม้แต่ครั้งเดียว นางจะหนีไปได้
  “เจ้าคิดจะแลกข้ากับเทพกิเลนสินะ?”
  เหอเสี่ยวหลานรู้เท่าทันซือหยู
  เขาไม่เคยคิดหนีตั้งแต่แรกเขาเพียงแสร้งทำเป็นหนีเอาชีวิตเพื่อวางกับดักที่จะจับนางทั้งเป็นเพื่อแลกกับเทพกิเลน
  เหอเสี่ยวหลานจ้องมองสายตาลึกล้ำของซือหยูและรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าคนป่าเถื่อนจากจิวโจวผู้นี้คือคนที่นางต้องจัดการด้วยความใจเย็นและใช้ปัญญามากกว่าทั่วไป
  ทันทีที่นางถูกจับได้เซียนทั้งสองร้อยคนก็เริ่มกลัวและหยุดเคลื่อนไหว
  ซือหยูไม่คิดจะตอบนางเขาขังวิญญาณนางสู่มิติวิญญาณต่อหน้าต่อตา
  “กลับไปหาคนที่จะเจรจาแลกตัวเทพกิเลนกับข้า…ข้าว่าพวกเจ้าคงรู้จักคนที่ห่วงใยนาง”
  แม้สีหน้าจะขมขื่นเซียนทั้งสองร้อยคนก็รู้ดีว่าซือหยูหมายถึงใคร
  เทพกระเรียนนั้นมีลูกหลานหลายคนถ้าหากเหอเสี่ยวหลานที่นางชื่นชมตายไป ลูกหลานคนอื่นจะได้โอกาส
  ดังนั้นถ้าหากลูกหลานเหล่านั้นเป็นคนมาเจรจาแลกเทพกิเลนแทนเหอเสี่ยวหลานจะเป็นอันตรายยิ่งกว่า
  “เราจะติดต่อเจ้าได้ยังไง?”
  เซียนคนหนึ่งถาม
  ซือหยูโยนสร้อยหยกออกไป
  “สิ่งนี้รับข้อความได้เท่านั้นมิอาจตอบกลับได้ ข้าจะเป็คนเดียวที่ให้ข้อมูลกับเจ้า”
  “ส่วนสถานที่เวลา และจำนวนคนที่เจ้านำมาได้ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับข้า…นอกจากเจ้าจะอยากให้เหอเสี่ยวหลานตาย!”
  “แล้วก็…ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเทพกิเลนเหอเสี่ยวหลานจะต้องชดใช้เป็นสองเท่า อย่าแม้แต่จะคิดค้นดูควาทรงทำในวิญญาณของข้า!”
  เซียนหลานคนหายใจเข้าลึกผู้ลักพาตัวผู้นี้ใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ
  ถ้าหากพวกเขาต้องการช่วยเหอเสี่ยวหลานอย่างไร้รอยข่วนพวกเขาก็มิอาจคิดถึงการทำร้ายเทพกิเลนได้เลย พวกเขายังต้องหากำลังเสริมเพิ่มเพื่อให้มั่นใจว่าเทพกิเลนจะไม่แอบถูกลูกหลานของเทพกระเรียนทำร้าย
  เซียนทั้งสองร้อยคนรีบกลับไป
  เมื่อผู้คนกระจายออกไปแล้วจ้าวผาบั่นภูติจ้องซือหยู
  “การตกลงครั้งนี้เจ้าจะเป็นฝ่ายสูญเสียอย่างหนัก”
  แม้เทพกิเลนจะถูกช่วยเอาไว้ได้การลักพาตัวลูกหลานเทพในดินแดนที่มีเทพกว่าร้อยคนก็เป็นการท้าทายเทพเหล่านั้น มันคือเรื่องต้องห้ามสูงสุด
  นอกจากเทพกระเรียนจะล้างแค้นเทพที่เหลือก็จะไม่ยอมรับซือหยูอีกต่อไป
  เขาจะเสียเปรียบตั้งแต่ก่อนที่ได้ตั้งถิ่นฐานในพันธมิตรบูรพา
  ไม่ผิดแน่นี่เป็นข้อตกลงที่เขาขาดทุนตั้งแต่แรก
  ซือหยูหัวเราะ
  “บางอย่างก็ตวงชั่งไม่ได้ด้วยกำไรขาดทุนหากไร้ซึ่งเทพกิเลน ข้าจะถือว่าเป็นคนที่มาจากจิวโจวหรือ?”
  จ้าวผาบั่นภูติมองซือหยูอย่างลึกล้ำและยิ้มออกมา
  “เจ้ามิใช่พ่อค้าที่มีคุณสมบัติแต่เจ้าเป็นชายที่มีความรับผิดชอบ ยอดเยี่ยมนัก!”
  “หวูซื่อแววตาเฉียบแหลมหากเจ้าได้มีบุตรเมื่อใด ข้าจะไม่สั่งสอนหลานข้าเลย ถ้าหากมีเหลน ข้าก็จะส่งเหลนเหล่านั้นให้เจ้าสอนสั่ง และถ้าหากข้ามี…”   “เอิ่ม…ท่านจ้าวผาวันนี้ท่านได้กินยามาหรือไม่?”
  จ้าวผาบั่นภูติไม่ตอบ
  หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยพวกเขาลบล้างกลิ่นอายของตัวเองและเดินทางไปถึงเทือกเขาแห่งหนึ่ง
  “ลักพาตัวลูกหลานเทพเป็นเรื่องใหญ่เจ้าต้องเตรียมตัวให้เต็มที่”
  จ้าวผาบั่นภูติกล่าวกงซุนหวูซื่อยืนข้างเขา นางเบ้ปากด้วยความโมโห นางถูกผนึกร่างอยู่ นางรับฟังและมองเห็น แต่มิอาจพูดหรือขยับตัวได้
  นางจ้องมองผู้เป็นพ่อที่ไม่ปล่อยให้นางพูดหรือขยับแม้แต่น้อยจากนั้นนางจ้องมองซือหยูที่ไม่ช่วยนาง สุดท้ายก็มองฉินเซี่ยนเอ๋อที่ยิ้มแย้มอยู่ใกล้ซือหยู
  ท่าทางอ่อนหวานเขินอายของเซี่ยนเอ๋อทำให้กงซุนหวูซื่อกระวนกระวายจนกระทืบเท้าหลายครั้งปอดนางแทบจะระเบิดด้วยความแค้น แต่พ่อนางก็จงใจปล่อยนางให้ถูกผนึกอยู่แบบนั้น
  จ้าวผาบั่นภูติหัวเราะอย่างขมขื่นถ้าหากเขาไม่ผนึกนางเอาไว้ นางก็คงจะเปลี่ยนทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือแน่เมื่อรู้เรื่องฉินเซี่ยนเอ๋อ
  ถ้าหากไม่ผนึกนางเอาไว้เขากลัวว่านางจะปฏิเสธที่จะจากซือหยูไป
  “ข้ามีแผนขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือ”
  ซือหยูประสานหมัดให้จ้าวผาบั่นภูติ
  จ้าวผาบั่นภูตินั้นไม่ใช่คนที่เกิดในจิวโจวเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหนต่อไหนกับซือหยูเพื่อเทพกิเลน
  ซือหยูเป็นฝ่ายแนะนำให้เขากับกงซุนหวูซื่อเลือกที่จะจากไป
  “เฮ้อ…”
  จ้าวผาบั่นภูติแค้นเคือง
  “ข้ายังมีความปรารถนาที่ต้องทำให้สำเร็จแล้วข้าก็ไม่คิดอะไรหากจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเจ้า”
  ซือหยูตอบด้วยความเศร้า
  “ท่านอย่ารู้สึกผิดไปเลยข้ามีแผนที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังการต่อสู้ ท่านไปทำตามความปรารถนาเถิด”
  ซือหยูนึกย้อนกลับไปถึงความชิงชังในแววตาจ้าวผาบั่นภูติเมื่อวันก่อน
  เขาไม่แน่ใจว่ามันคือความชิงชังต่อพันธมิตรบูรพาหรือไม่
  “น่าเสียดายนัก”
  จ้าวผาบั่นภูติถอนหายใจเขาก้าวไปในรอยแยกมิติพร้อมกับกงซุนหวูซื่อ
  “หากมีโอกาสหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก”
  “แน่นอน”
  หลังจากส่งจ้าวผาบั่นภูติสีหน้าซือหยูหม่นหมองลง
  เขาพูดให้อีกฝ่ายเบาใจแต่การลักพาตัวลูกหลานเทพไม่ใช่เรื่องเล็ก สถานการณ์สุดท้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ซือหยูจะรับมือไหว
  “เจ้าคิดอะไรอยู่?”
  ม่อเทียนฉวนถามเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาไม่มีทางให้ถอยกลับ
  ซือหยูมองม่อเทียนฉวนเขาเองก็อยากจะให้นางหนีไป แต่นางก็ยืนกรานที่จะช่วยเทพกิเลนก่อน
  “ใช่!มีสิ่งที่ข้าหวังว่าท่านจะทำได้ แต่มันอันตราย แม้แต่ข้าก็คาดเดาผลลัพธ์ไม่ออก”
  ซือหยูเรียกจดหมายและสร้อยแยกออกมา
  ม่อเทียนฉวนถาม
  “อันตรายรึ?อธิบายข้าสิ”
  “ข้าอยากให้ท่านส่งจดหมายและหยกสื่อสารชิ้นนี้กับ…”
  ซือหยูบอกคำที่เหลือกับนางผ่านกระแสจิต  ม่อเทียนฉวนตัวแข็งทื่อ
  “เจ้ามั่นใจแล้วหรือ?มันเสี่ยงเกินไป!”
  “เราลักพาตัวนางมาแล้วเรื่องเสี่ยงไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดอีกแล้ว เราต้องหาโอกาสรอดชีวิตไม่ใช่หรือ?”
  ม่อเทียนฉวนพยักหน้าช้าๆ
  “ก็ได้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”
  ฉั่วะ!
  นางฉีกมิติและจากไปทันที
  “ฮ่าๆๆเดินทางกับเจ้ามีแต่เรื่องให้ตกใจ เจ้ายังอยู่ในพันธมิตรได้ไม่นานแต่ก็ทำเรื่องใหญ่เสียแล้ว…”
  ในฐานะที่เป็นบุตรคนที่สามของเทพผีจักรพรรดิผีเข้าใจความหมายของการลักพาตัวลูกหลานเทพกว่าใคร
  เรื่องใหญ่นี้จะทำให้ทั่วดินแดนเทพแตกตื่นมันคือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณแล้ว!   เพราะอย่างนี้มันก็ทำให้เรื่องคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่!
  “ข้ามีเรื่องที่มีแค่เจ้าจะทำได้”
  ซือหยูพูดเขาเรียกไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์อายุพันปีออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยก
  “ไผ่เทวะแห่งจิวโจวคือสมบัติที่ไม่ได้พบเห็นทั่วไปแม้แต่ในดินแดนเทพแห่งนี้มันมีราคาสูงแน่นอน”
  “ด้วยสถานะของข้าการขายมันจะนำพาปัญหาให้ไม่รู้จบ ดังนั้นเจ้าต้องขายมันโดยใช้ตัวตนของลูกหลานเทพผี”
  หลังจากผ่านไปเกินครึ่งปีไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ได้เติบโตเต็มที่ในอายุพันปี
  “เจ้าต้องการเงินหรือ?”
  จักรพรรดิผีถามด้วยความแปลกใจซือหยูยังไม่ทันได้ตั้งรกราก แต่เขาก็คิดถึงเรื่องการทำเงินแล้วหรือ?
  “ใช่ข้าต้องการเงินมหาศาล ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เป็นแค่การทดลอง ข้าจะหาสิ่งที่มีค่ากว่านี้มาขายต่อไปอีก”
  จักรพรรดิผีไม่ลังเลนานนักแม้ว่าพ่อของเขาจะรู้เมื่อเขาแสดงตัวตนลูกหลานเทพผี แต่มันจะอย่างไรเล่า?
  เขาอาจจะต้องเดินทางร่วมกับซือหยูเพราะเขาไม่ได้รับการยอมรับจากผู้เป็นพ่อ
  ถ้าหากมีลูกหลานเทพผีมาช่วยประมูลสินค้าปัญหาของซือหยูจดลดลงไปมาก ซือหยูคาดหวังสูงกับจักรพรรดิผี
  เขาส่งหยกสื่อสารให้จักรพรรดิผีจากนั้นเขาหันไปพูดกับเจี๋ยนอู๋เชิง
  “ต่อไปคือสิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านทำ”
  เจี๋ยนอู่เชิงพยักหน้านางนับถือเทพกิเลนมาโดยตลอดและไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเขา
  ซือหยูแอบพูดกับนางผ่านกระแสจิตหลังจากได้ฟัง เจี๋ยนอู๋เชิงมองเขาอย่างชื่นชมด้วยใบหน้าอ่อนโยน
  “แผนเจ้าคิดอ่านมาอย่างดีปล่อยให้ข้าจัดการเอง”   เจี๋ยนอู๋เชิงหันหลังจากไปแต่เดินได้สองก้าว นางก็หันกลับมามองเขาอย่างลึกซึ้ง
  “ข้ามีคำถามและเรื่องที่ต้องบอกเจ้า”
  “ท่ามกลางซากตำหนักโลหิตคนผู้นั้นคือเจ้าใช่หรือไม่…ผู้ที่กลายเป็นเทพน่ะ?”
  ซือหยูส่ายหน้าหลังจากคิดครู่หนึ่ง
  “ไม่ใช่ข้า”
  มิใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเจี๋ยนอู๋เชิงแต่ซือหยูมิอาจบอกใครได้เลยในเรื่องที่เขาได้กลายเป็นว่าที่เทพ ยิ่งมีคนรู้มากเท่าใด มันก็ง่ายต่อการถูกเปิดเผยมากเท่านั้น
  หากเรื่องมีใครอื่นรู้นั่นจะเป็นวันวิปโยคของคนรอบตัวเขา ผู้ทรงอำนาจและแม้แต่เทพหลายคนจะจับตัวคนใกล้ชิดกับซือหยู พวกเขาจะถูกสืบสวนเรื่องที่อยู่ของซือหยูด้วยการทรมานอันโหดร้าย การขู่ หรือแม้แต่ติดสินบน
  ดีที่สุดหากเขาจะไม่บอกใคร
  เจี๋ยนอู๋เชิงผิดหวังเล็กน้อยนางพูดต่อ  “เรื่องที่ข้าจะบอกก็ถือลูกสาวข้ามาที่พันธมิตรบูรพา…ควรจะเป็นเพราะเจ้า”
  ซือหยูไม่พูดอะไรเขารอให้นางพูดให้จบ
  เจี๋ยนอู๋เชิงลังเลอยู่นานก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน
  “หาเป็นไปได้โปรดอย่าทำร้ายนางเลย”
  นางพูดถึงปิงหวูชิงปิงหวูชิงอีกคน หรือพวกนางทั้งสองคนกัน?
  “เข้าใจแล้ว”
  ซือหยูตอบเขาไม่เคยทำร้ายปิงหวูชิงอีกคนมาก่อนเพราะมันจะทำให้ปิงหวูชิงต้องเจ็บปวด
  เขายืนรอส่งเจี๋ยนอู๋เชิงเซี่ยนเอ๋อเงยหน้าด้วยความสงสัย
  “พี่ซือหยูอยากให้ข้าทำอะไรล่ะ?เรียกข้าออกมาเพราะอยากให้ยั่วให้เด็กสาวคนนั้นโมโหรึ?”
  นางนึกถึงใบหน้ากงซุนหวูซื่อที่แดงก่ำแต่ก็พูดหรือขยับตัวไม่ได้เซี่ยนเอ๋อหัวเราะ  “เอิ่ม…เด็กสาวรึ?นางแก่กว่าเจ้าไม่ใช่หรือยังไงกัน?”
  ซือหยูเหลือบมองร่างบอบบางของเซี่ยนเอ๋อที่ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่ากงซุนหวูซื่อเท่าใดนักและหัวใจในใจเขาไม่รู้ว่าเซี่ยนเอ๋อมั่นใจมาจากไหนที่เรียกกงซุนหวูซื่อว่าเด็กสาว
  “ข้าไม่ได้เรียกเจ้ามาทำอะไรแค่อยู่กับข้า ไปมองดูขุนเขากับแม่น้ำในดินแดนเทพกันเถอะ”
  ซือหยูพูด
  เซี่ยนเอ๋อตกใจเล็กน้อยในเวลาวิกฤติเช่นนี้ ซือหยูแค่คิดจะชมทิวทัศน์กับนางหรือ?
  เมื่อแน่ใจแล้วว่าซือหยูไม่ได้พูดเล่นเซี่ยนเอ๋อรู้สึกดีใจแม้จะกังวล นางกอดแขนของซือหยูและเริ่มออกเดินทางไปด้วยกัน
  ซือหยูมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับนางมีเวลาสองเดือน พวกเขาสองคนเที่ยวเล่นกันไปเกือบครึ่งของดินแดนเทพ
  พวกเขาไม่พลาดจุดของนักเดินทางและเมืองมีชื่อเสียงเลย
  ภายในห้องบ่มเพาะอันเงียบสงบหยางไท่ฟังรายงานของผู้เฒ่าเซียนขั้นสูงสุดคนหนึ่งอยู่
  หยางไท่พลิกตำราวิชาลับและโพล่งขึ้นมา
  “พวกเขาเหล่านั้นตอบรับอย่างไรหรือ?”
  ผู้เฒ่าตอบ
  “ผู้คนแตกตื่นกับข่าวเรื่องการลักพาตัวลูกหลานเทพนี่คือครั้งแรกที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น”