ตอนที่ 648 รู้สึกไม่ดีเลยใช่ไหมล่ะ
หลินเป่ยเฉินรับแผ่นกระดาษมาดูก่อนจะหันไปมองหน้าหวังจงและพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข “เจ้าเห็นหรือไม่? มีแต่ใช้วิธีนี้เท่านั้นถึงได้ผล จงเรียนรู้และจดจำเอาไปใช้งานในภายหลังซะ จะได้ไม่ต้องให้เจ้านายของเจ้าเหนื่อยแรงออกหน้าเช่นนี้อีก หรือถ้าเจ้าคิดจะกินแรงนายน้อยคนนี้ตลอดไปล่ะก็ ฝันไปเถอะ”
หวังจงปากกระตุก
ได้แต่รับคำว่า
“เข้าใจแล้วขอรับ นายน้อย”
พ่อบ้านชรายังคงพูดด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบต่อไป
“ข้าน้อยก็ได้เรียนรู้เหมือนกันเจ้าค่ะ นายท่าน”
เฉียนเหมยพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“เจ้าได้เรียนรู้อะไรไม่ทราบ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นบีบแก้มทีเต่งตึงของเฉียนเหมยจนใบหน้าของสาวรับใช้บู้บี้เหมือนใบหน้าของปลาทองอีกครั้ง
“หึ่ย”
เฉียนเจินเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงครางในลำคอด้วยความอิจฉาริษยา
“เอาล่ะ พวกเราไปกันดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวกลับและทำท่าจะเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่
เฉียนซานเซิ่งสูดหายใจลึก ยกมือนวดแก้มของตนเอง ในหัวใจรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว รอให้เขามีอำนาจมากกว่านี้ก่อนเถอะ แล้วเขาจะทวงคืนเด็กหนุ่มผู้บ้าคลั่งคนนี้ให้เจ็บแสบมากกว่าที่มันทำกับเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่า
แน่นอนว่าต้องรวมถึงพ่อบ้านชราที่อยู่ข้างกายของเจ้านั่นด้วยเช่นกัน…
แล้วก็สองสาวรับใช้คู่นั้น…
เขาจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าความอำมหิตที่แท้จริงเป็นเช่นไร!
เจ้าหน้าที่หนุ่มกำลังคิดถึงตรงนี้ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
“เจ้าน่ะ มานี่หน่อยสิ”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมากวักมือเรียกเฉียนซานเซิ่ง
เฉียนซานเซิ่งตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
หรือว่าหลินเป่ยเฉินอยากจะฆ่าเขา?
“ไม่ทราบว่าคุณชาย… มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?”
เฉียนซานเซิ่งพูดด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
“บอกให้มาก็มาเถอะ เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะเลยนี่”
หลินเป่ยเฉินพูดอย่างหงุดหงิดใจ
เฉียนซานเซิ่งตื่นกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่เดินไปหาหลินเป่ยเฉินตามคำสั่ง
หลินเป่ยเฉินยื่นมือออกมาแล้วขยำหน้าอกของเฉียนซานเซิ่งอย่างแรง
มิหนำซ้ำ เด็กหนุ่มยังหยิกหัวนมของเขาอีกด้วย!
“โอ๊ย…”
เฉียนซานเซิ่งรู้สึกไม่ต่างจากหน้าอกของตนเองกำลังจะถูกฉีกกระชากจนขาดออกจากกัน
เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เมื่อหลินเป่ยเฉินดึงมือของตัวเองกลับไป เด็กหนุ่มก็รีบล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือของตนเอง ก่อนจะโยนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทิ้งไปด้วยความรังเกียจ “เจ้าชอบให้ผู้อื่นมาขยำหน้าอกของตนเองหรือไม่? ลองรับรู้รสชาติของมันดูหน่อยเป็นไร เจ้าสุนัขข้างถนน…”
การกระทำของหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ก็เพื่อแก้แค้นให้แก่นักร้องสาวผู้หากินอยู่ในโรงเตี๊ยมซิงซิงนั่นเอง
“หึหึหึหึ…”
“รู้สึกไม่ดีเลยใช่ไหมล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความสะใจ “ทีนี้ก็ไสหัวของเจ้าไปให้พ้นหน้าข้าได้แล้ว”
หลังจากนั้น พวกของหลินเป่ยเฉินก็เดินกลับออกไปขึ้นรถม้าที่ด้านนอก
เฉียนซานเซิ่งน้ำตาไหลพรากด้วยความอับอาย
เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม
ชายหนุ่มถูกตบหลายสิบครั้ง อับอายแทบมุดแผ่นดินหนี
ผ่านไปนานครึ่งค่อนวัน
ถึงได้มีคนในห้องโถงใหญ่กล้าพูดอะไรออกมาอีกครั้ง
“เด็กคนนี้ต้องวิกลจริตอย่างแน่นอน…”
“มันกล้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ถึงในตึกที่ทำการ ต้องถูกจับตัวไปประหารเป็นแน่แท้”
“เร็วเข้า พวกเรารีบไปแจ้งความกัน”
“คุณชายเฉียนขอรับ คุณชายเฉียนเป็นอะไรหรือไม่ รีบไปหาหมอก่อนดีกว่าไหม…”
“ครั้งนี้เป็นเพราะคุณชายเฉียนสามารถรับมือสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาดและเยือกเย็น ทุกคนถึงอยู่รอดปลอดภัยไม่โดนเด็กหนุ่มผู้นั้นทำร้ายร่างกาย ความดีความชอบทั้งหมดนี้ ต้องยกให้แก่คุณชายเฉียนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น…”
เมื่อได้รับคำเยินยอจากบรรดาลิ่วล้อ เฉียนซานเซิ่งก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
ในดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว
“เด็กหนุ่มผู้นี้มีนามว่าหลินเป่ยเฉินใช่หรือไม่? ข้าจะจดจำมันเอาไว้ให้ขึ้นใจ ข้าขอสาบานเลยว่ามันมีชีวิตอยู่รอดไม่เกินคืนนี้แน่ และข้าจะต้องทำให้มันตายอย่างทุกข์ทรมานที่สุด…”
เฉียนซานเซิ่งกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น
“คุณชายเฉียนบันดาลโทสะแล้ว นับว่าเด็กหนุ่มแซ่หลินผู้นั้น คงต้องถึงแก่ความตายแล้วจริงๆ…”
“ใช่แล้วขอรับคุณชาย เดี๋ยวพวกเราจะช่วยเหลือท่านอีกแรงเอง”
…
หลินเป่ยเฉินนั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถม้า ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้มแจ่มใส
“พวกเจ้ารู้แล้วหรือยังว่านายท่านของตนเองเป็นคนดีขนาดไหน?”
เขาพูดอย่างมีความสุขในระหว่างที่รับการนวดแขนนวดขาจากสองสาวรับใช้
“นายท่านเป็นคนดีและเป็นบุรุษที่หล่อเหลามากเลยเจ้าค่ะ”
ดวงตาของเฉียนเหมยเป็นประกายระยิบระยับ
“เฮ้อ ไม่ต้องชื่นชมข้าเกินไปนักหรอก ถึงอย่างไรคนอย่างข้ามันก็มีแค่คนเดียวอยู่แล้ว…”
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือออกมาจับมือของเฉียนเหมยและลูบคลำอย่างอ่อนโยน
เฉียนเหมยใบหน้าแดงระเรื่อ ต้องก้มหน้าลงกัดริมฝีปากส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย
นายท่านของนางเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
เสียแต่ว่าชอบกลั่นแกล้งสาวรับใช้
นายท่านชอบยั่วยวนให้อารมณ์ของพวกนางปั่นป่วน แล้วก็หยุดชะงัก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ช่างน่าหงุดหงิดใจจริงๆ
เฉียนเหมยกับเฉียนเจินไม่เหมือนเยว่หงเซียง มี่หรู่หยานหรือเยว่เว่ยหยาง ที่ยังไม่รู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ถึงแม้ว่าสาวรับใช้ทั้งสองคนนี้จะยังคงบริสุทธิ์ แต่พวกนางเคยอาศัยอยู่ในหอนางโลม และมีแม่เล้าคอยฝึกฝนทักษะทุกอย่างตั้งแต่เด็ก ดังนั้น พวกนางจึงรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ทางกายระหว่างชายหญิงมากกว่าเด็กสาวในรุ่นเดียวกัน
ที่สำคัญ พวกนางมีรูปร่างหน้าตาสวยงามชวนหลงใหล
หลายครั้งก็แอบส่งสัญญาณยอมพลีกายให้นายท่านเชยชม
แต่หลินเป่ยเฉินกลับทำไม่รู้ไม่เห็นเสียอย่างนั้น
เฮ้อ
หรือว่านายน้อยจะมีอะไรผิดปกติ
สองสาวรับใช้หันมองหน้ากัน
ด้วยแววตาเป็นกังวลเล็กน้อย
แต่หลินเป่ยเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก
เขาปล่อยให้พวกนางนวดคลึงต่อไปในระหว่างที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเข้าแอปวีแชท
ในที่สุด เทพีกระบี่หิมะไร้นามที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ก็กลับมาออนไลน์อีกครั้ง
‘อู๊ย ตั้งแต่ที่ได้รากชงโหลวมา ข้าก็รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่ทราบว่าทางน้องชายเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ายังสบายดีอยู่หรือไม่?’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความมาทักทายด้วยความร่าเริง
“I¥%…”
หลินเป่ยเฉินอยากจะพิมพ์คำหยาบตอบกลับไป
แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้ทัน
‘ข้ายังไม่ตาย’ หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอีกหนึ่งประโยคว่า ‘คงผิดหวังแล้วล่ะสิ?’
‘พูดอะไรเช่นนั้น พี่สาวคนนี้นึกเป็นห่วงเจ้าจะตายไป’ เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบข้อความกลับมาด้วยความรวดเร็ว ‘เพียงแต่ว่าหลังจากดูดซับพลังจากรากชงโหลวเรียบร้อยแล้ว ข้าก็จำเป็นต้องกักตัวเพื่อให้พลังในร่างกายเกิดความสมดุลก่อนเท่านั้นเอง’
‘แล้วเทพีกระบี่หายดีหรือยัง?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความไปสอบถามด้วยความประหลาดใจ ‘ข้าสั่งรากชงโหลวไปให้ถึงสองต้น อย่าบอกนะว่าท่านเก็บเอาไว้ใช้แต่เพียงผู้เดียว?’
‘แหม แหม แหม… เจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว เทพีกระบี่มีจิตใจดีงามและยังมีนิสัยโอบอ้อมอารี เมื่อเห็นว่าข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส นางจึงมอบรากชงโหลวในส่วนของนางเองให้กับข้าทั้งหมดเลยน่ะสิ อะหุอะหุอะหุ…’
นั่นคือข้อความตอบกลับจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
หลินเป่ยเฉินอดส่งข้อความถามไปไม่ได้ว่า ‘นางคงไม่ได้นึกเสน่หาในตัวท่านหรอกใช่ไหม?’
เท่าที่เขาเคยพบเห็นมา นักบวชในวิหารเทพีกระบี่ล้วนแต่เป็นหญิงสาวหน้าตาดีทั้งสิ้น และตัวของเทพีกระบี่เองก็เป็นสตรีเช่นกัน หลินเป่ยเฉินจึงมีความสงสัยมาตลอดว่า ตัวจริงของเทพีกระบี่อาจจะมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันก็เป็นได้
บัดนี้ ความสงสัยของเด็กหนุ่มยิ่งมีมากกว่าเดิมหลายเท่า!