ขาดหนึ่งคน

 

เหออวี้กับจ้าวจิ้นหรานนายพูดหนึ่งประโยค ฉันพูดหนึ่งคำ เสนอความเห็นออกมา โจวม่อเองก็ส่งข้อมูลออกไปหนึ่งอย่างว่า “ใครบอกว่าคู่แข่งเกมหน้าไม่เก่งกัน”

“เอ๊ะ? เก่งเหรอ” คนที่บอกว่าไม่เก่งก่อนหน้านี้ก็คือจ้าวจิ้นหราน เหออวี้ไหนเลยจะรู้ได้ ก็เชื่อจ้าวจิ้วหรานไป ที่จริงแล้วจ้าวจิ้นหรานก็เหมือนกับเหออวี้ตรงที่ไม่เข้าใจแวดวง The Kings มหาวิทยาลัยตงเจียง ความกระตือรือร้นที่เขามีต่อ The Kings of Glory เพิ่งจะลุกโชนขึ้นมายังไม่ถึงสัปดาห์เลย

“บอกว่าเก่งก็ไม่ใช่ ไม่เก่งก็ไม่เชิง สรุปก็คือไม่ใช่ศัตรูที่จะเล่นสี่ต่อห้าจัดการได้ง่าย ๆ” เกาเกอพูดขึ้นมาในตอนนั้น

“แรงค์อะไรกันบ้าง” จ้าวจิ้นหรานถาม

“conqueror สอง star สามปะ” เกาเกอไม่แน่ใจหันไปถามโจวม่อ

“ตอนนี้เป็น conqueror สาม star สองแล้ว” โจวม่อตอบ

“ก็ยากอยู่นี่นา!!!” จ้าวจิ้นหรานพิมพ์เครื่องหมายตกใจมาสามอัน ในฐานะมือใหม่ที่เพิ่งจะขึ้น diamond มา เรื่องแรงค์ก็ยังเป็นเหตุให้เขาชื่นชมนับถืออย่างงมงายได้อยู่ ไม่เหมือนกับเหออวี้ที่ถึงแม้ว่าจะเล่นย่ำแย่แต่ก็ยังมีสายตาสามารถแยกแยะความแข็งแกร่งที่แท้จริงของศัตรูได้

“ดังนั้นพูดว่าสี่ต่อห้าก็ยากไปหน่อยนะ” โจวม่อกล่าว

“ยากไปหน่อย หรือพูดอีกอย่างก็คือไม่ใช่ว่าไม่อาจสู้ได้ใช่ปะครับ” เหออวี้ถาม

โจวม่อไม่พูดไม่จา แต่ไปเมนชั่นเกาเกอ

“พวกเขาไม่ใช่ทีมแบบหวงเฉาที่มีการฝึกซ้อมกันอย่างจริงจังพวกนั้น เป็นเพื่อนห้าคนที่มีเวลาว่างก็มาเล่นด้วยกัน ไม่มีแบบแผน แม้แต่ตำแหน่งกับฮีโร่ก็ไม่ฟิค ดังนั้นสัปดาห์นี้ก็เลยไม่ต้องทำอะไรที่จะแก้ทางพวกเขา แค่ไปดูในสนามแข่งว่าพวกเขาใช้ไลน์อัพแบบไหนแล้วค่อยคิดแผนกันหน้างานก็พอแล้ว แต่ว่าตอนนี้ขาดไปคนหนึ่ง นี่ก็ค่อนข้างลำบากอยู่” เกาเกออธิบายอย่างยืดยาว

“แล้วตอนนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอครับ” เหออวี้ถามอีกรอบ

ในกลุ่มเงียบลงไปสักพัก สุดท้ายก็ยังเป็นเกาเกอที่ส่งข้อความมาประโยคหนึ่ง “ดูเหมือนว่าทำได้แค่นี้แหละ”

“รอดูฉันนะ!” จ้าวจิ้นหรานแสดงออกว่าไม่เกรงกลัวศัตรูกล้าแกร่ง พลังต่อสู้สูงลิบ

“งั้นก็ขอพึ่งนายแล้ว ทุกคนมาสู้ ๆ ไปด้วยกัน” โจวม่อกล่าว

“สู้ ๆ สู้ ๆ!” เหออวี้ร้องตาม จากนั้นในแชทก็มีเกาเกอส่งอิโมติค่อน “สู้ ๆ” ออกมาอันหนึ่งเป็นอันจบบทสนทนา

ค่ำคืนไร้คำพูด เช้าตรู่ของวันถัดมาเหออวี้ก็ตื่นขึ้นมาอย่างคึกคักแจ่มใสรีบเร่งไปที่โรงยิม การแข่งขันตอนนี้ก็ยังคงจัดขึ้นในโรงยิม ถึงแม้ว่ารอบแรกรอบเดียวจะคัดทีมออกไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ว่าดูจากจำนวนคนตอนนี้แล้วก็ไม่เหมือนว่ามีคนหายไปครึ่งหนึ่งเลย เพราะไม่ว่าอย่างไรการแข่งขันก็แข่งกันเป็นรอบ ๆ ไม่ได้จับมาแข่งพร้อมกันทุก ๆ ทีม

เหออวี้ที่มีประสบการณ์จากการแข่งขันรอบแรกมาแล้วไปหาสนามแข่งขันของพวกเขารอบนี้ตามที่เคยทำมา พบว่าจ้าวจิ้นหรานยังมาถึงเช้ากว่าเขาอีก ตอนนี้กำลังตีซี้กับกรรมการอยู่ตรงนั้น และกรรมการคนนี้เหออวี้เห็นแล้วก็ยิ่งตะลึงไปกันใหญ่ นี่ไม่ใช่ประธานชมรม The Kings ซูเก๋อหรือไง

ซูเก๋อเองก็เห็นเหออวี้แล้ว แย้มยิ้มและพยักหน้าให้กับเขา จ้าวจิ้นหรานมองตามสายตาของซูเก๋อไปถึงพบว่าเหออวี้มาแล้ว รีบโบกมือเรียกให้เขาไปหาทันที

“บังเอิญจังนะครับ” เหออวี้เดินเข้ามาแล้วก็พูดกับซูเก๋อ

“ไม่ได้บังเอิญ แต่ว่าจงใจมาเป็นกรรมการของพวกนายเป็นพิเศษต่างหากล่ะ” ซูเก๋อพูดยิ้ม ๆ

“เอ๊ะ?”

“มาดูในสนามว่าทีมที่เอาชนะหวงเฉามาได้เป็นแบบไหน” ซูเก๋อกล่าว

“นี่เรียกว่าเอาอำนาจส่วนรวมมาทำเรื่องส่วนตัวรึเปล่าครับ” เหออวี้ถาม

“ก็มีบ้างนิดหน่อย ถ้าพวกนายถือสาก็ขอเสนอให้มีการเปลี่ยนตัวได้ แต่ว่าคนที่มายังไงก็ยังเป็นสมาชิกชมรม The Kings อยู่ดี ยังอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกนายได้เหมือนเดิม ช่วยไม่ได้นี่นะ สภาพการแข่งขันในสถาบันมันก็เป็นแบบนี้แหละ” ซูเก๋อกล่าว

“นั่นไม่จำเป็น” เสียงหนึ่งดังขึ้นเหมือนจะโต้ตอบคำพูดของซูเก๋อ กัปตันของคลื่น7 เกาเกอก็มาได้ถึงโรงยิมแล้ว มองซูเก๋อด้วยสายตาเย็นเยียบ

“งั้นรอบนี้ก็มีฉันเป็นกรรมการแล้ว” ซูเก๋อดูเหมือนว่าจะไม่ใส่ใจท่าทีของเกาเกอเลย หรืออาจจะชินแล้วก็ได้ ยิ้มไปพูดไป

“รุ่นพี่เกาเกอ”

“กัปตัน”

เหออวี้กับจ้าวจิ้นหรานทั้งสองคนกล่าวทักทายเกาเกอ ครู่เดียวก็เห็นโจวม่อเดินมาทางด้านนี้ ทั้งสองคนเดินหน้าหลังตาม ๆ กันมา

สำหรับการที่กรรมการเป็นซูเก๋อ โจวม่อก็แปลกใจหน่อย ๆ เหมือนกัน พอฟังว่าซูเก๋อสนใจอยากจะมาดูการแข่งขันของพวกเขาแล้วสายตาก็ตกลงไปที่ร่างของเหออวี้

“รุ่นพี่มามองผมทำไมครับ” เหออวี้รับรู้ได้ถึงสายตาของโจวม่อจึงไต่ถามอย่างกังขา

“พี่กับซูเก๋อไม่ใช่คนแปลกหน้า ไม่มีอะไรต้องมาดู ดูเหมือนว่าคนที่เขาสนใจมากกว่าจะเป็นนาย….ทั้งหมด” เดิมทีโจวม่อก็แค่พูดกับเหออวี้ แต่ว่ายังพูดไม่ทันจบก็เห็นจ้าวจิ้นหรานเข้ามาฟังด้วย หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหลังคำว่า “นาย” จึงได้เติมคำว่า “ทั้งหมด” ลงไป ทำให้จ้าวจิ้นหรานตอนแรกก็ตะลึงงันไป แต่จากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที

“ดูเหมือนว่าศักยภาพของฉันจะดึงดูดความสนใจมาได้พอสมควรเลยนะ แม้แต่ประธานชมรม The Kings ยังอยากจะมาตรวจสอบเองเลย” จ้าวจิ้นหรานกล่าว

“งั้นพี่ก็ต้องทำให้ได้ดี ๆ นะ” เหออวี้ไม่ใส่ใจความเข้าใจผิดของจ้าวจิ้นหรานสักนิดและกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“นั่นยังต้องให้พูดเหรอ วันนี้พวกเรามีแค่สี่คน ต้องขุดเอาพลังสองร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาใช้อยู่แล้ว” จ้าวจิ้นหรานชูหมัดกล่าว

“พูดได้ดี” โจวม่อพึงพอใจกับท่าทีของจ้าวจิ้นหรานสุด ๆ ผงกศีรษะรัว ๆ จากนั้นก็หันหน้าไปมองทางซ้ายทางขวาเอ่ยว่า “คนที่นายหามาล่ะ ยังไม่มาอีกเหรอ”

“หาคนไหนมา” จ้าวจิ้นหรานทำหน้าไม่ถูก

“คนที่จะมาเติมให้ครบไง” โจวม่อกล่าว

“นั่นไม่ใช่ว่าพวกนายไปหามาหรอกเหรอ” จ้าวจิ้นหรานมองโจวม่อกับเกาเกอ รวมถึงเหออวี้ด้วย

“เปล่า เมื่อวานไม่ใช่ว่านายบอกว่าให้รอดูนายหรือไง” โจวม่อแตกตื่นขึ้นมาบ้างแล้ว

“ฉันพูดงั้นเหรอ” จ้าวจิ้นหรานสมองว่างเปล่า

“จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ” โจวม่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดไปที่หน้าประวัติการแชต ชี้นิ้วจิ้มไปตรงข้อความของจ้าวจิ้นหราน

“นั่นมัน…ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะไปหาคนมานะ ความหมายของฉันก็คือวันนี้ฉันจะพยายามให้หนักต่างหาก!” จ้างจิ้นหรานบอก

“ฉิบหายแล้ว!” โจวม่อร้องออกมาจากนั้นก็หันไปมองเกาเกอ เขามั่นใจอยู่แปดส่วนว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องนี้มาแน่ ๆ และเกาเกอก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังกลับหันมามองโจวม่อกับจ้าวจิ้นหรานเหมือนกำลังมองคนโง่อีกต่างหาก

“เหออวี้นายก็ไม่ได้ไปหาคนมาเหมือนกันแน่ ๆ เลยใช่ไหม” โจวม่อมองเหออวี้อย่างสิ้นหวัง

“ผมไม่ได้หาอะ ผมนึกว่าเรื่องแบบนี้พวกพี่จะแก้ไขปัญหาได้ง่าย ๆ เลย…” เหออวี้กล่าว

“แน่สิว่าเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ” โจวม่อมีสีหน้าหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาคลื่น7 จะมีชื่อเสียงในแวดวง The Kings ในสถาบันไม่ดี หาเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ แต่ว่านอกแวดวง The Kings แล้ว พวกเขาที่เป็นนักศึกษาปีสามมีใครบ้างที่ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นกับเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเล่น The Kings of Glory เป็น ขอแค่มานั่งให้ครบคนเป็นตัวถ่วงทีมเฉย ๆ เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้พวกเขาสุ่มหาก็ยังหาผู้ช่วยมาได้กลุ่มใหญ่ แต่ทั้งสองคนดันสื่อสารไม่เข้าใจกัน โจวม่อนึกว่าจ้าวจิ้นหรานพูดแบบนั้นคือเขาจะทำเอง ส่วนจ้าวจิ้นหรานล่ะ คำพูดนั้นไม่ได้มีความหมายแบบนี้เลย เพียงคิดเองเออเองว่าเรื่องแบบนี้ย่อมต้องให้แกนหลักของทีมอย่างเกาเกอกับโจวม่อทำ ไม่ได้ยึดถือคำพูดจริงจัง

“แล้วเอายังไงกันดี” โจวม่อร้อนรุ่มเหมือนมดบนกระทะ ยิ่งเห็นว่าคู่แข่งห้าคนตอนนี้มาถึงสนามแข่งขันกันหมดแล้วก็ยิ่งว้าวุ่นใจไปกันใหญ่

“ไปโทรเรียกคนมา ฉันจะไปคุยกับกรรมการหน่อย” เกาเกอกล่าวแล้วเดินไปหาซูเก๋อ

“เออ ๆๆ” โจวม่อมีปฏิกิริยาขึ้นมา เริ่มต้นจิ้มโทรศัพท์มือถือทันที “นี่ ๆๆ” จ้าวจิ้นหรานเองก็ไม่อยู่เฉย รีบไปโทรศัพท์หาคนมาเหมือนกัน

เหอออวี้จะอย่างไรก็เป็นแค่นักศึกษาใหม่ หลังจากเข้าเรียนมาแล้วเวลาส่วนมากล้วนขลุกอยู่กับเกาเกอและโจวม่อ เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ไม่มีใครที่จะกล้าไปกวนขอให้มาช่วยเหลือในเวลากะทันหันเช่นนี้ได้ สุดท้ายเลยเดินตามเกาเกอไปดูว่าเขาจะช่วยต่อรองกับกรรมการได้บ้างรึเปล่า

“อยากจะเปลี่ยนเพื่อนร่วมทีม? ลืมบอกเวลาเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ไป?” พอเหออวี้มาถึงก็ได้ยินคำโกหกที่เกาเกอบอกกับซูเก๋อ

“นี่…” ซูเก๋อมองดูเวลา รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง “ตามกฎแล้ว มาสายก็ต้องปรับแพ้”

“งั้นก็ให้คนที่พวกเรามีอยู่ไปแข่ง สี่ต่อห้า แบบนี้ได้ไหม” เกาเกอกล่าว

“แบบนั้นก็ไม่มีทางเริ่มเกมได้น่ะสิ” ซูเก๋อกล่าว

“พวกเราไปขอยืมมือถือมาก็ได้นะ” เหออวี้ที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างมีไหวพริบ

“ที่นี่น่ะเหรอ” ซูเก๋อมองไปรอบ ๆ อย่างยิ้ม ๆ

เหออวี้มองไปทั่วทุกทิศ แล้วก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที ถ้าเป็นเวลาปกติการขอยืมโทรศัพท์มือถืออาจจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ว่าในตอนนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ โทรศัพท์มือถือของทุกคนล้วนเริ่มถูกใช้งานในเวลาเดียวกัน รวมทั้งเพื่อนนักศึกษาที่เป็นกรรมการด้วย ตอนนี้อยากจะยืมโทรศัพท์มือถือสักเครื่องนั่นก็ต้องเป็นคนที่ผ่านมาทางนี้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันเท่านั้น

หืม?

เหออวี้ที่มองไปรอบด้านเห็นคนที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อนเดินผ่านคลองสายตาไป แถมคนที่เห็นเดินผ่านไปนั่นยังเป็นเพื่อนร่วมห้องนอนของตัวเองที่ตัวเองก็รู้จักดีอย่างม่อเซี่ยนอีกด้วย

“ม่อเซี่ยน!” เหออวี้รีบร้องตะโกนเสียงดังไปทางทิศที่ม่อเซี่ยนอยู่ทันที ทำอย่างกับว่าในวินาทีถัดมาม่อเซี่ยนจะหายตัวไปอย่างนั้นล่ะ

ม่อเซี่ยนได้ยินเสียงตะโกน หันหน้ากลับไป ก็เห็นเหออวี้ที่โบกมือเรียกเขาแรง ๆ พลางรีบวิ่งมาหาเขา

ม่อเซี่ยนไม่ได้ส่งเสียง เพียงแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เงียบ ๆ รอให้เหออวี้รีบเร่งมาถึงตรงหน้าเขา รอให้เขาเอ่ยปาก

“คือว่า นายยุ่งไหม” เหออวี้ที่รีบเร่งมาถึงหน้าเขาแล้วเอ่ยปากถาม

“มีธุระอะไร” ม่อเซี่ยนถามตรง ๆ

“พวกเรากำลังแข่งอยู่ตรงนั้น แต่ว่าจะถึงเวลาแล้วขาดไปหนึ่งคน” เหออวี้หันกลับไปชี้ไม้ชี้มือ “ถ้าเกิดว่าสะดวกล่ะก็ขอยืมโทรศัพท์มือถือของนายมาใช้หน่อยได้ไหม อย่างน้อยก็ให้พวกเรามีครบห้าคน จะได้เปิดเกมแข่งกันได้ เพราะว่าถ้ามีจำนวนตัวไม่ครบก็ไม่มีทางเริ่มเกมได้เลย”

เหออวี้อธิบายอย่างละเอียดลออ ในขณะที่ฟังคำพูดของเหออวี้สายตาของม่อเซี่ยนก็มองไปตามทิศทางที่เหออวี้ชี้นิ้วไป จากนั้นก็เห็นคลื่น7 สามคน กรรมการซูเก๋อ แล้วก็ยังมีคู่แข่งของพวกเขาห้าคนที่เดินมาทางนี้พร้อม ๆ กัน นักศึกษาบางส่วนที่อยู่รอบ ๆ เองก็เริ่มพากันหันมาสนใจดูด้านนี้ตามเสียงร้องตะโกนดังลั่นของเหออวี้ด้วยเหมือนกัน

“นายก็รีบร้อนไปหน่อยไหม” ซูเก๋อที่เดินอยู่ข้างหน้าฝืนยิ้ม “ฉันยังพูดไม่จบเลย ถึงพวกนายจะใช้มือถือจนได้แอคเคาท์ครบห้า แต่ว่า…พวกนายก็ยังต้องสู้กันสี่คนเหมือนเดิมนี่มันค่อนข้างหยาบคายกับคู่แข่งนะ ต้องไปขอความเห็นชอบของคู่แข่งก่อนรึเปล่า”

“นี่…” เหออวี้หันไปมองเกาเกอ การแข่งขันต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม ถึงแม้ว่าเล่นสี่ต่อห้าจะทำให้คู่แข่งได้เปรียบ แต่มันก็แฝงนัยว่าดูถูกคู่แข่งเหมือนกัน ที่ซูเก๋อพูดก็ไม่ผิด ถึงแม้ว่าจะมาจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงไร้ทางเลือกแบบนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสอบถามท่าทีของคู่แข่งด้วย

คู่แข่งห้าคนมาตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเข้าใจสถานการณ์แล้ว สีหน้าทุกคนดูเลวร้ายสุด ๆ คนหนึ่งที่อยู่ตรงกลางยิ้มเยาะเย้ยใส่เกาเกอกล่าวว่า “สมแล้วที่เป็นเกาเกอ สี่ต่อห้า ลูกบ้าพอจริง ๆ”

“ขาดไปคนหนึ่งชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้” เกาเกอกล่าวด้วยสีหน้าแข็งทื่อ

“พวกเธอขาดไปคนหนึ่ง ว่ากันตามตรงแล้วทุกคนก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด” อีกฝ่ายพูดต่อ จากนั้นเพื่อนร่วมทีมก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมลีกภายในมหาวิทยาลัยล้วนเป็นสมาชิกของชมรม The Kings พวกที่อยู่ต่อหน้าตอนนี้ก็ดูจะไม่ใช่ข้อยกเว้น

ตอนนี้คนที่มุงกันอยู่พอฟังว่าเป็นเกาเกอก็พากันพูดคุยซุบซิบ เหออวี้ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเคยมีเรื่องกันมาก่อนรึเปล่า ได้แต่มองโจวม่อที่มาด้วยกันซึ่งมีสีหน้าหงุดหงิดมาก คาดว่าตอนที่เขามาหาม่อเซี่ยนพวกเขาก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ดูท่าว่าจะไม่ราบรื่น

“ยังมีเวลาอีกหนึ่งนาที ถ้าทีมพวกเธอมีคนไม่พอก็อย่ามาเสียเวลาของทุกคน” อีกฝ่ายพูดขึ้นมา

ซูเก๋อสีหน้าจนใจ เขาไม่ได้อยากจะเล็งเป้าไปที่คลื่น7 แต่ว่ากฎกติกาที่พวกเขาเป็นคนตั้งขึ้นสำหรับการแข่งขันบอกไว้ว่าคลื่น7 ตอนนี้มีคนไม่ครบ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขันจริง ๆ

โจวม่อสีหน้าเลวร้ายมาก ไม่คิดเลยว่าการเดินทางของเทอมนี้จะต้องจบลงโดยไม่คาดหมายจากการเข้าใจผิดอย่างเดียว แต่ไม่นึกว่าตอนนั้นเองนักศึกษาใหม่ที่ยืนอยู่ข้างเหออวี้ในตอนนี้ก็เอ่ยปากขึ้นมา

“ฉันมีแค่เก้านาที” ม่อเซี่ยนกล่าว

“ห๊ะ” ทุกคนหันไปมองเขา คำพูดที่อยู่ดี ๆ เขาก็พูดออกมานั้นรู้สึกว่าฟังไม่เข้าใจ

“เก้าโมงสิบฉันต้องไปห้องสมุดเริ่มติวหนังสือ จากที่ตรงนี้ถ้ารีบไปที่ห้องสมุดด้วยความเร็วสูงสุดฉันก็ต้องใช้เวลาสองนาที ตอนนี้เวลาแปดโมงห้าสิบเก้า ดังนั้นฉันมีเวลาแค่เก้านาทีที่จะช่วยพวกนายเติมคนให้ครบ” ม่อเซี่ยนมองเหออวี้แล้วบอกออกมา

“เอ๊ะ?” เหออวี้ยังยืนบื้ออยู่ แต่เกาเกอที่อยู่ด้านตรงข้ามก็เดินเข้ามาอีกก้าวตบไหล่ม่อเซี่ยนแล้ว “สหาย ทำดีได้ดี!”

“งั้นก็เริ่มเลยเถอะ” ม่อเซี่ยนหันร่างไปอย่างเป็นธรรมชาติ มือของเกาเกอที่เพิ่งจะยื่นไปตบไหล่เขาถูกสลัดทิ้งไป

“คงไม่ใช่ว่า…จะต้องขอเวลาอีกหลายนาทีโหลดเกมก่อนใช่ไหม” จู่ ๆ โจวม่อก็นึกอะไรขึ้นมาได้และรีบพูดขึ้นมา

“ไม่ต้อง” ม่อเซี่ยนเดินไปทางสนามแข่งขัน ศีรษะไม่หันกลับมา

“มือถือผมมีอยู่แล้ว” เขากล่าว

………………………………………………………

 

กรี๊ดดดดดดดด น้องงงงงงงงง มาแล้วจ้า

เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเป็นสาววายนะจะต้องโบกธงม่อเหอรัว ๆ แน่นอน คือเคมีมันได้มากอะ แต่ว่าเราอยากชิพ ชญ มากกว่า ก็รอนางเอกต่อไป ตอนนี้ยังไม่มีแววเบย