GGS:บทที่ 891 หาซื้อได้ที่ไหน

 

หวังจ้าวและเฉิงหนานที่กำลังอยู่ในงานเลี้ยงบริษัทมองหน้าซูจิ้งแบบอึ้งๆในทันทีที่เห็นซูจิ้งแบกรังเบียร์มาต่อหน้าธารกำนัล พลางคิดไปว่านี่เขาจะยกมาเลี้ยงทั้งจังหวัดรึไงกัน

แต่เมื่อทั้งคู่ได้รู้ว่านี่คือเบียร์ที่ซูจิ้งหมักเองนั้น ทั้งสองก็ตื่นเต้นออกมาแบบสังเกตุเห็นได้บนใบหน้าอย่างชัดเจน

“บริกร ช่วยรินเบียร์ให้หน่อยสิ” หวังจ้าวที่เห็นบริกรสาวสวยอยู่ไม่ไกลนักก็ได้เรียกให้เธอช่วยบริการให้กับเขา

“ได้ค่ะ” บริกรรับคำด้วยรอยยิ้มและได้ทำการเปิดฝาขวดอย่างชำนาญ ในทันทีที่เธอได้รินเบียร์ใส่แก้วเธอก็ได้กลิ่นอันหอมละมุนที่ลอยมาจากเบียร์ที่ซูจิ้งนำมาในทันที เธอได้แอบสูดหายใจเขาไปลึกๆเพื่อสัมผัสกลิ่นให้ได้เต็มที่ตามนิสัยของผู้เชี่ยวชาญด้านของมึนเมาและได้นิ่งอึ้งไปในทันที

“อะไรกัน…” ทันทีที่หวังจ้าวและเฉิงหนานได้กลิ่นเบียร์แห่งไชร์ สายตาก็เป็นประกายสว่างวาบ ส่วนคนอื่นนั้นก็นึ่งไปไม่ต่างกับบริกรสาวสวยคนนี้

 

ทุกๆคนในที่นี้ต่างก็เคยดื่มเบียร์มาแล้วทั้งนั้น และเบียร์ข้าวมอลท์ก็ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนในที่นี้ได้กลิ่นเบียร์มอลท์ที่หอมละมุนแบบสุดๆ

“อาจิ้ง นี่คือเบียร์ข้าวมอลท์ใช่รึเปลา” หวังจ้าวถามออกมาด้วยท่าทางยิ้มกริ่ม

“กลิ่นช่างหอมหวลเหลือเกิน” เฉิงหนานเองก็พูดออกมาด้วยท่าทางไม่ต่างกัน

“มันก็แค่เบียร์มอลท์เองจริงๆนะ ลองดูก็ได้” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกัน

“คนสวย รินเร็วๆหน่อยสิ” หวังจ้าวทนที่จะลิ้มรสไม่ได้จนเผลอพูดออกมาเสียงดังแบบตื่นเต้น

ทันทีที่บริกรสาวสวยรู้สึกตัวจากความประหลาดใจเธอก็ได้รีบทำการรินเบียร์ในทันที เธอนั้นทำงานมานานจนรู้ว่าควรจะบริการใครก่อน เธอได้รินเบียร์และเสริฟให้หวังจ้าว ตามด้วยซูจิ้ง เฉิงหนาน และคนอื่นๆที่นั่งร่วมโต๊ะรวมทั้งหมดแปดคน

ทันทีที่ทุกได้กลิ่นเบียร์ลอยมาเตะจมูกพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะลองจิบเบียร์ไปเล็กน้อย เพียงแค่จิบเข้าไป

กลิ่นมอลต์อันแรงกล้าที่พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อนได้แพร่กระจายไปทั่วลิ้นลามไปจนถึงลำคอ

ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันทีที่ชนิดที่รั้งเอาไว้ไม่อยู่

“เบียร์ที่โคตรดี” หวังจ้าวเอ่ยชมออกมาแบบไม่อาจยั้งปากไว้ได้

“รสชาติดีสุดๆ” เฉิงหนานตกใจในรสชาติจนเผลอกระดกรวดเดียวหมดแก้ว

“เบียร์นี่รสชาติดีที่สุดในโลกเลย”

“กลิ่นอันเอ่อล้นนี่มันอะไรกัน ไหนจะรสชาตินี่อีก ความสดใหม่นี้อีก ไหนจะความรู้สึกสดชื่นหลังดื่มนี่อีก จะอัศจรรย์เกินไปแล้ว”

ทุกคนที่ได้กินต่างรู้สึกมหัศจรรย์พันลึกไปตามๆกัน เบียร์นี่ทำให้เบียร์ทุกชนิดที่พวกเขาเคยกินนั้นไร้คุณค่าไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่ใช่เบียร์ที่มาจากยี่ห้อใหญ่ๆแต่เป็นเบียร์หมักเองซะนี่

ข่าวลือที่ว่าซูจิ้งนั้นเก่งรอบด้านนี่เป็นเรื่องจริงสินะ

“เร็วๆสิครับคนสวย รีบรินเร็วเข้า” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มยิ่งกว่าตอนที่เขานั้นเมามายไปกับไวน์จิ้งจอกแดงของซูจิ้งซะอีก

 

ไม่สิแม้แต่ไวน์ที่หมักโดยจิวชงเองเมื่อเทียบกันแล้วเขายังรู้สึกว่าเบียร์นี้ยังรู้สึกดีซะกว่า

“อย่ารินให้แค่พวกเรานะ รินเบียร์นี้ให้ทุกคนคนละแก้วได้เลย” ซูจิ้งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ได้ค่ะ”

บริกรสาวสวยยิ้มหวานตอบออกมา แต่ในปากเธอนั้นได้แอบลอบกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกใหญ่ เธอได้รีบทำการรินเบียร์ให้คนอื่นแบบมือเป็นระวิงจนทำให้เสื้อผ้าเริ่มหลุดลุ่ยออกจากชุดฟอร์มของร้าน

ในสถานที่แห่งนี้นั้นหลายครั้งหลายคราที่เธอได้มีโอกาสได้ดื่มเบียร์จนเมาหัวทิ่มรากแตกไปก็หลายหน แต่นี่เป็นครั้งแรกของเธอเช่นเดียวกันที่เพียงแค่ได้กลิ่นเบียร์แล้วรู้สึกหลงใหลไปกับมันขนาดนี้

บริกรสาวสวยก็ยังคงทำหน้าที่ของเธออย่างขะมักขะเม่นและทำการรินเบีบร์ให้แก่หวังจ้าว ซูจิ้ง เฉิงหนาน และคนอื่นๆอย่างไม่ได้พัก

หลังจากที่ซูจิ้งให้คนอื่นได้มีโอกาสได้ลิ้มลองเบียร์นี้ด้วย ก็ได้มีบริกรอีกสองคนเข้ามาช่วยทำหน้าที่ในขนเบียร์เข้ามา แต่ด้วยการที่มีคนที่ต้องการดื่มเยอะกว่าที่คิดทำให้บางคนได้เบียร์ได้อย่างไม่เต็มแก้วดี บางคนได้เพียงครึ่งแก้วเท่านั้น

 

“เกิดอะไรขึ้นกับผู้บริหารหวังกับผู้จัดการของเขากัน ทำไมพวกเขาถึงได้ทำท่าตื่นเต้นในขณะดื่มขนาดนั้น”

“ไม่แน่ใจนะ ดูเหมือนเขาจะบอกกันว่าเบียร์จะเป็นผู้บริหารซูนำมาเองน่ะ”

“โออออ มิน่าล่ะ”

เหล่าพนักงานทั้งหลายในที่นั้นเมื่อได้ยินแล้วต่างก็เข้าใจทันทีที่ได้ยิน พลางคิดไปว่าหากเป็นของที่ผู้บริหารซูเป็นคนนำมาเอง มีหรือที่ทั้งสองผู้บริหารจะไม่ดื่มด่ำไปกับเบียร์พวกนี้ออกนอกหน้าได้ยังไงกัน

ดีไม่ดีทั้งผู้บริหารหวังและผู้จัดการเฉิงนั้นกำลังดื่มเบียร์ที่ดีที่สุดในโลกอย่างอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะออกรสออกชาติขนาดนั้นไปทำไมกัน

“เยี่ยมเลยรู้สึกว่าบริกรจะเริ่มแจกจ่ายเบียร์นะ ไม่นึกเลยว่าเราจะได้โอกาสแบบนี้”

“แต่ฉันไม่ดื่มนี่นา”

“เธอนี่ต้องโง่แน่ๆ นี่คือเบียร์ของผู้บริหารซูจิ้งเลยนะ ต่อให้เธอไม่ดื่มก็สมควรดื่มมันซะ ดื่มแก้วเดียวไม่ตายหรอกน่าไม่ดื่มนี่สิเสียชาติเกิด”

 

เหล่าพนักงานบริษัททุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าตัวเองได้รับเกียรติอย่างไม่คาดฝันที่ได้ดื่มเบียร์ของซูจิ้ง ต่อให้พวกเขาไม่เคยดื่มมาก่อนก็ตามและก็ไม่คิดจะไว้หน้าซูจิ้งแต่อย่างใด

แต่เมื่อพวกเขาได้กลิ่นไวน์อันเย้ายวนออกมานั้น ต่อให้เป็นคนที่ไม่ดื่มก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ต่อหน้ากลิ่นอันเย้ายวนใจขนาดนี้จนต้องกระดกหมดในทีเดียว

ตอนนี้ทุกคนในงานต่างก็กระดกแก้วของพวกเขากินอย่างสบายอารมณ์ เมื่อรสชาติอันนุ่มนวลและกลิ่นอันละมุนของมอลต์ที่อันแน่นอยู่ในเบียร์ได้แพร่กระจายไปทั่วลิ้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนต้องกระดกแก้วซ้ำไปในทันที

“พระเจ้าช่วยรสชาติดีมาก ฉันพึ่งจะเคยดื่มเบียร์ที่รสชาติดีขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะ”

“เบียร์ทั่วไปไม่มีทางดีขนาดนี้เลยนะ สุดยอดแห่งเบียร์จริงๆ”

“ช่าย ไม่เคยกินเบียร์รสชาติดีขนาดนี้มาก่อนเลย”

“การเป็นว่าคุณหวังและคุณเฉิงไม่ได้แสดงออกนอกหน้าแหะ พวกเขานั้นดื่มของดีอยู่จริงๆ”

ซูฉือและลู่ชุนเย่เองก็ดื่มเหมือนกัน ทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองได้สัมผัสเบียร์กลิ่นหอมหวนกระได้ไหลบ่ากระแทกไปชนฟันก่อนที่จะเอ่อล้นเข้าไปทั่วทุกที่ในมุมปาก

 

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ดื่มด่ำไปกับเบียร์อย่างสุขสันต์ กว่าจะรู้ตัวนั้นก็พบว่าขวดเบียร์ที่พวกเขาได้รับนั้นก็ว่างเปล่า เมื่อทั้งหมดหันไปทางซูจิ้ง ขวดที่ซูจิ้งเองก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน

และพวกเขายิ่งแน่นอนเข้าไปอีกว่าไม่มีแล้วจริงๆเพราะเห็นเฉิงหนานกำลังเทเบียร์โดยกระแทกทุกหยดออกมาให้ได้ และเห็นหวังจ้าวที่กำลังมึนเมาพยายามเทโดยการบิดขวดแก้วที่ใส่เบียร์อย่างตั้งใจ

“หัวหน้าครับ หัวหน้าไปได้เบียร์พวกนี้มากจากไหนกัน”  ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามออกมาด้วยความตื่นเต้น เขานั้นอยู่ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย ส่วนคนอื่นๆที่ได้ยินคำถามนี้ต่างก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

หากพวกเขารู้ว่าที่ไหนขายล่ะก็แน่นอนว่าจะต้องหาซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน

“ฮี่ฮี่ฮี่ ฉันยังไม่ได้ทำออกมาขายหรอกนะบอกไว้ก่อน ฉันทำเองที่บ้านน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา

“สินค้าใหม่?” หวังจ้าวและเจ้งหนานที่ได้ยินก็มีสายตาเปล่งประกายวิ้งวับ

“ใช่ สินค้าตัวใหม่ เท่าที่ดูผลตอลรับแล้วน่าจะโอเคเลยแหะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพลางพยักหน้าอย่างพอใจ

ทุกคนในตอนนี้ต่างก็ตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน พวกเขาก็รู้ดีว่าซูจิ้งและหวังจ้าวนั้นเป็นหุ้นส่วนกันไม่เพียงแต่ธุรกิจแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ทั้งสองยังเป็นหุ้นส่วนในธุรกินซอสมะเขือเทศ และไวน์จิ้งจอกแดงอีกด้วย โดยของทั้งหมดนั้นค่าการตลาดของไวน์จึ้งจอกแดงถือได้ว่าเติบโตได้ดีที่สุดชนิดที่สินค้าอื่นนั้นเทียบไม่ติด

และที่สำคัญไวน์จิ้งจอกแดงนี้ก็เป็นหนึ่งในบรรดาไวน์ทั้งหลายที่ซูจิ้งเป็นคนบ่มเองทั้งนั้น

 

ดูเหมือนว่าเบียร์นี้น่าจะไม่ใช่เบียร์ทั่วไปแต่กลายเป็นเบียร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่ซูจิ้งนั้นเป็นคนคิดค้นขึ้น เรื่องในครั้งนี้ทำให้เราพนักงานทุกคนนอกจากจะชื่นชมในตัวซูจิ้งมากยิ่งขึ้นแล้ว พวกเขายังรู้สึกเป็นเกียรติที่เป็นส่วนหนึ่งของการได้ลองชิมผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชั้นเลิศชิ้นนี้

 

“เบียร์นี้ไม่เพียงแค่รสชาติดีเท่านั้น แต่รสชาติของมันยังเหนือล้ำกว่าทุกเบียร์ในท้องตลาดอย่างแน่นอน นายรีบจัดการผลิตภัณฑ์ในทันทีได้เลย รีบทำให้เบียร์นี่เข้าสู่ตลาดให้ได้เร็วที่สุด” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยความติ่นเต้น เช่นเดียวกับเฉิงหนานที่พยักหน้ารับ

ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นได้ทำให้พวกเขานั้นมีช่องทางการทำกำไรมหาศาลอีกแล้ว ชายคนนี้เผลอไม่ได้เลยจริงๆ เผลอเมื่อไหร่ทำให้พวกเขานั้นมหัศจรรย์พันลึกได้ทุกทีเลยทีเดียว

“นี่หมายความว่าพวกเราสามารถซื้อเบียร์นี่ในอนาคตได้เหมือนกันสินะคะ” ผู้จัดการฝ่ายขายที่เป็นสาววัยกลางคนถามออกมาด้วยสายตาเป็นประกาย

“แน่นอน” ซูจิ้งพยักหน้าพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

ในตอนนี้เบียร์ของซูจิ้งหมดเกลี้ยงไม่เหลือหลอ เราบริกรสาวสวยและบริกรชายที่หิ้วเอาขวดออกมาทิ้งตามนำขวดเบียร์เปล่ามาดมอย่างตั้งใจด้วยความเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ดื่มเลยสักนิด

พวกเขานั้นจริงๆแล้วแทบจะทุกคืนนั้น มีโอกาสที่จะได้ดื่มเบียร์ที่ลูกค้าเหลือไว้มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้พวกเขานั้นหมดโอกาสนี้ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะในครั้งนี้นั้นแขกเจ้าของไวน์ยังอยากดื่มต่อจะบิดขวดให้เห็นกันโต้งๆ ไม่มีทางเหลือมาถึงพวกเขาอย่างแน่นอน

ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งที่มีหัวล้านเดินเข้ามา บริกรทุกคนต่างก็หันไปและตะโกนออกมาว่า “หัวหน้า”

ชายหัวล้านพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเข้าไปดูในห้องอาหารของร้าน

ในขณะที่เขากำลังเดินผ่านลังเบียร์ที่เต็มไปด้วยขวดเปล่านั้น เขาหยุดในทันทีก่อนจะถามออกมาว่า “เดี๋ยวนะ ทำไมหอมขนาดนี้กัน นี่มันเบียร์อะไรกันเนี่ย พวกเรามีเบียร์ใหม่มาขายงั้นรึ”